ไม่ใช่แค่ Nintendo หรือ Zoom ที่พุ่งทะยานในช่วงล็อกดาวน์จาก COVID-19 แอปฯ แชทที่เป็นนิยมกันในหมู่เกมเมอร์อย่าง “Discord” ก็เติบโตไปพร้อมกัน โดยการระดมทุนรอบล่าสุดทำให้มูลค่าบริษัทพุ่งขึ้นเท่าตัวเป็น 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ
Discord กำลังจะได้รับเงินลงทุนรอบใหม่ และจะทำให้มูลค่าบริษัทได้รับการประเมินสูงขึ้นเท่าตัวเป็น 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ที่สำคัญคือ การระดมทุนรอบนี้เกิดขึ้นภายในเวลาเพียง 5 เดือนจากรอบที่แล้ว เมื่อเดือนมิถุนายน 2020 บริษัทเพิ่งระดมทุนได้ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ และได้รับการประเมินมูลค่าบริษัทที่ 3.5 พันล้านเหรียญ แสดงให้เห็นเทรนด์ที่มาแรงของแอปพลิเคชันในช่วง COVID-19 ระบาด
แอปฯ Discord นั้นเป็นแอปฯ แชทและวอยซ์คอลยอดนิยมในหมู่เกมเมอร์ และเมื่อเกิดการระบาดของโรค COVID-19 มีมาตรการล็อกดาวน์ป้องกันการระบาด และผู้คนส่วนใหญ่ต้องอยู่กับบ้าน ทำให้ “เกม” เป็นกิจกรรมสุดฮิตขึ้นมา เราได้เห็นเทรนด์การเติบโตอย่างเด่นชัดของ Nintendo รวมถึงเกมหน้าใหม่มาแรงอย่าง Among Us เกิดขึ้นในช่วงนี้
สำนักข่าว TechCrunch รายงานว่า ปีนี้ผู้ใช้งาน Discord สูงขึ้นเป็น 120 ล้านบัญชี และมีการดาวน์โหลดใหม่ถึงวันละ 8 แสนครั้ง โดยเกม Among Us ถือเป็นหนึ่งในเกมสำคัญที่ขับเคลื่อนให้ Discord มีจำนวนการดาวน์โหลดและการใช้งานเพิ่มขึ้นมหาศาล เพราะเป็นเกมที่ต้องมีผู้เล่นหลายราย (multiplayer) และต้องสื่อสารกันระหว่างเล่นเกม ทำให้แอปฯ Discord เป็นสิ่งจำเป็น
อย่างไรก็ตาม หลังการระดมทุนรอบก่อน เมื่อเดือนกรกฎาคม 2020 “เจสัน ซิตรอง” และ “สตานิสลาฟ วิชเนฟสกี้” สองผู้ร่วมก่อตั้ง Discord เปิดเผยในบล็อกโพสต์สาธารณะว่า บริษัทจะก้าวสู่การพัฒนาให้แพลตฟอร์มเป็นมากกว่าแอปฯ สำหรับชุมชนเกมเมอร์ โดยคาดว่าเกิดจากการระดมทุนรอบเดือนมิถุนายน เมื่อเวนเจอร์แคปิตอล Index Ventures ลงทุนถึง 100 ล้านเหรียญกับ Discord “แดนนี่ ริมเมอร์” ผู้นำกองทุน VC ดังกล่าว เป็นผู้ชี้นำว่าแอปฯ จะต้องขยายไปสู่วงการอื่นต่อ
- รู้จัก Among Us เกมที่ฟีเวอร์ที่สุดในเวลานี้ เปิดตัวมาแล้ว 2 ปีแต่ทำไมเพิ่งดัง!?
- Nintendo รับทรัพย์ไม่หยุด กำไรพุ่ง 3 เท่า หลังช่วงล็อกดาวน์ คนแห่ “เล่นเกม” อยู่บ้าน
Discord เปิดตัวเป็นทางการเมื่อเดือนพฤษภาคม 2015 ก่อนหน้านั้น ซิตรอง หนึ่งในผู้ก่อตั้ง เริ่มความฝันของตัวเองด้วยการพัฒนาเกม และเกมหนึ่งของเขามีฟีเจอร์แชทและวอยซ์คอลในเกม ซึ่งในเวลาต่อมา ฟีเจอร์ที่ว่านี้โดดเด่นและมีโอกาสทำเงินยิ่งกว่าตัวเกมเสียอีก จนเขาต้องยอมหยุดพัฒนาเกม หันมาพัฒนาแอปฯ Discord เต็มตัวโดยอาศัยปัญหาที่เกมเมอร์พบเจอเป็นฐานคิดในการพัฒนา
ปัจจุบัน บริษัทได้รับเงินลงทุนจากหลาย VC และบริษัท ได้แก่ Greylock, Index Ventures, Spark Capital, Tencent และ Benchmark