Netflix ประกาศ 10 อันดับซีรีส์-รายการที่มีผู้ชมมากที่สุดในโลกประจำปี 2020 แชมป์ครองอันดับหนึ่งของปีนี้ได้แก่ “Money Heist” Season 4 ซีรีส์แก๊งโจรปล้นธนาคารสุดมันส์ ส่วนประเทศไทยไม่ได้ประกาศอันดับอย่างชัดเจน แต่มีรายชื่อซีรีส์-หนัง-อนิเมะที่มาแรงของปี ส่วนใหญ่เป็นคอนเทนต์เกาหลีที่สร้างปรากฏการณ์ สะท้อนภาพความนิยมของคนไทยที่อย่างไรก็รักคอนเทนต์เอเชียน
กำลังจะพ้นปี 2020 (อันโหดร้าย) ในอีกไม่กี่วัน ปีนี้ชาวโลกส่วนใหญ่ต้องเผชิญสถานการณ์ล็อกดาวน์อย่างน้อย 1 รอบเพื่อสกัดการระบาดของโรค COVID-19 และส่งผลบวกให้บริการ “สตรีมมิ่ง” ไปโดยปริยาย รวมถึง Netflix หนึ่งในผู้เล่นหลักของวงการ
ปีนี้ยังเป็นปีแรกที่ Netflix ยอมแปะป้าย Top 10 คอนเทนต์ยอดนิยมในแพลตฟอร์ม จากที่เคยยืนหยัดมาตลอดว่าแพลตฟอร์มจะไม่ชี้นำการเลือกรับชมด้วยอันดับ โดยมีการเปิดเผยยอดรับชมเฉพาะเรื่องที่ฮิตสุดๆ เท่านั้น แต่สุดท้ายก็ต้องยอมปรับตามเสียงเรียกร้องตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2020
สำหรับ 10 อันดับซีรีส์-รายการที่มีผู้ชมมากที่สุดบน Netflix ปี 2020 แพลตฟอร์มระบุว่า จะวัดเฉพาะยอดเข้าชม 28 วันแรกที่คอนเทนต์นั้นขึ้นสู่สตรีมมิ่ง และต้องมีการรับชมอย่างน้อย 2 นาทีจึงจะนับเป็นการชม 1 ครั้ง มีเรื่องไหนบ้างติดตามได้ด้านล่าง
1.Money Heist Season 4 – 65 ล้านครั้ง
ซีรีส์ที่แฟนๆ ต่างรอคอยการกลับมา Money Heist ซีรีส์ภาษาสเปนเกี่ยวกับแก๊งโจรปล้นธนาคารสุดฉลาดในชุดหมีสีแดงและหน้ากากดาลี พวกเขากลับมาปล้นกันอีกครั้งเมื่อเดือนเมษายน กวาดคนดูไป 65 ล้านครั้ง
2.Tiger King – 64 ล้านครั้ง
ตามมาแบบหายใจรดต้นคอ ซีรีส์เชิงสารคดีเกี่ยวกับ “โจ เอ็กโซติก” เจ้าของสวนสัตว์ กลายเป็นคอนเทนต์ไวรัลในช่วงล็อกดาวน์ทั่วโลกพอดีและได้ยอดวิวไป 64 ล้านครั้ง
3.The Queen’s Gambit – 62 ล้านครั้ง
มาทีหลังแต่มาแรง เรื่องราวของ “เบธ ฮาร์มอน” เด็กกำพร้าที่กลายมาเป็นอัจฉริยะกีฬาหมากรุกหญิง เข้าฉายในช่วงเดือนตุลาคม และกลายเป็นกระแสฮิตจนกีฬาหมากรุกกลับมานิยมอีกครั้ง ซีรีส์เรื่องนี้ยังเป็นหนึ่งในซีรีส์ฝั่งตะวันตกที่ติดอันดับฮิตในประเทศไทย
4.Too Hot Too Handle – 51 ล้านครั้ง
รายการแนวเรียลลิตี้โชว์ที่จับหนุ่มสาวหน้าตาทรวดทรงสุดฮอตมาอยู่รวมกันในรีสอร์ต เป้าหมายเพื่อฝึกทักษะให้คนฮอตเหล่านี้รู้จักมีความสัมพันธ์ที่จริงจังและยั่งยืน
5.Ratched – 48 ล้านครั้ง
ซีรีส์ธริลเลอร์เกี่ยวกับ “มิลเดรด แรทเช็ด” หัวหน้าพยาบาลในโรงพยาบาลจิตเวชช่วงปี 1940s ถ่ายทอดชีวิตของเธอและโรงพยาบาลที่โหดร้าย และการเผชิญหน้ากับอาชญากรที่ได้รับโทษจากการข่มขืนเด็กหญิง
6.The Umbrella Academy Season 2 – 43 ล้านครั้ง
เด็ก 6 คนที่ถูกรับเลี้ยงโดยเศรษฐีเป็นกลุ่มเด็กที่มีพรสวรรค์มหัศจรรย์ พวกเขากลับมารวมตัวกันอีกครั้งเมื่อโตขึ้น และพบว่าโลกกำลังเผชิญภัยร้ายครั้งใหญ่ ทำให้ต้องรวมตัวกันเพื่อกู้โลก
7.Never Have I Ever – 40 ล้านครั้ง
ซีรีส์ดราม่า-คอมเมดี้ของวัยรุ่น เมื่อเด็กสาวอินเดีย-อเมริกันสุดเนิร์ด อยากจะเปลี่ยนชีวิตตัวเองด้วยการเข้าหาหนุ่มฮอตที่สุดของโรงเรียน เหมือนจะเป็นซีรีส์เบาสมองทั่วไป แต่จริงๆ เรื่องราวจะเจาะลึกดราม่าของชีวิตเธอ
8.Space Force – 40 ล้านครั้ง
เรื่องของผู้บัญชาการกองทัพอวกาศแห่งสหรัฐฯ ซึ่งต้องนำทัพไปบุกดวงจันทร์ภายในปี 2024 สร้างจากแรงบันดาลใจเมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศตั้งกองทัพอวกาศเมื่อปี 2018 ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้จะมีมุกตลกเสียดสีสถานการณ์จริงทางการเมือง
9.Lucifer Season 5, part 1 – 38 ล้านครั้ง
ซีรีส์แบบผสมผสานทั้งแฟนตาซี สืบสวนสอบสวน และดราม่า-คอมเมดี้ เรื่องของยมทูต (สุดหล่อ) ลาพักร้อนจากนรกมาอยู่บนโลกมนุษย์ พบกับนางเอกนักสืบสาว และได้เข้าไปมีส่วนในการสืบคดีฆาตกรรม
10.The Floor is Lava – 37 ล้านครั้ง
รายการเรียลลิตี้โชว์อีกชุดที่ขึ้นมาติดอันดับสำเร็จ แนวคิดจากเกมวัยเด็กที่เราทุกคนน่าจะเคยเล่น สมมติกับเพื่อนว่า “ห้ามโดนพื้นเพราะพื้นเป็นลาวา” จากนั้นเราก็จะปีนป่ายไปรอบๆ ห้อง ใครตกพื้นก่อนแพ้ …และนั่นคือแนวคิดเกมโชว์ชุดนี้แต่เปลี่ยนมาใช้ผู้ใหญ่แข่งกัน
15 คอนเทนต์สุดฮิตใน Netflix ไทย
ตัดภาพมาที่ประเทศไทย Netflix ไม่ได้จัดอันดับแบบรวบตึงทุกคอนเทนต์ แต่มีการประกาศ “คอนเทนต์ยอดฮิต” โดยแบ่งตามหมวดหมู่ย่อยกันออกไป ซึ่งเราขอหยิบมานำเสนอ ดังนี้
- It’s Okay Not to Be Okay (เรื่องหัวใจ ไม่ไหวอย่าฝืน) *อันดับ 1 ที่ยืนระยะ Top 10 ได้นานที่สุด
- Itaewon Class (ธุรกิจปิดเกมแค้น) *อันดับ 3 ที่ยืนระยะ Top 10 ได้นานที่สุด
- Kingdom (ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด) Season 2 *อันดับ 1 ในหมวดซีรีส์เกาหลี
- The King: Eternal Monarch (จอมราชัน บัลลังก์อมตะ) *อันดับ 2 ในหมวดซีรีส์เกาหลี
- Snowpiercer (ปฏิวัติฝ่านรกน้ำแข็ง) *อันดับ 1 ในหมวดซีรีส์ไซไฟ
- Emily in Paris (เอมิลี่ในปารีส) *อันดับ 1 ในหมวดซีรีส์คอมเมดี้
- The Queen’s Gambit (เกมกระดานแห่งชีวิต) *อันดับ 1 ในหมวดซีรีส์ดราม่า
- Howl’s Moving Castle (ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์) *อันดับ 1 ในหมวดภาพยนตร์อนิเมะ
- Extraction (คนระห่ำ ภารกิจเดือด) *อันดับ 1 ในหมวดภาพยนตร์แอคชั่น
- The Old Guard (ดิ โอลด์ การ์ด) *อันดับ 2 ในหมวดภาพยนตร์แอคชั่น
- Low Season สุขสันต์วันโสด *อันดับ 1 ในหมวดภาพยนตร์ไทยและหมวดภาพยนตร์โรแมนติก
- #Alive (คนเป็นฝ่านรกซอมบี้) *อันดับ 1 ในหมวดภาพยนตร์สยองขวัญ
- BLACKPINK: Light Up the Sky *อันดับ 1 ในหมวดภาพยนตร์สารคดี
- Hope Frozen: A Quest to Live Twice (ความหวังแช่แข็ง ขอเกิดอีกครั้ง) *อันดับ 1 ในหมวดสารคดีไทย
- Over the Moon (เนรมิตฝันสู่จันทรา) *อันดับ 1 ในหมวดภาพยนตร์เด็ก
นอกจากโผอย่างเป็นทางการแล้ว Positioning ยังรวบรวมข้อมูลจาก flixpatrol.com ซึ่งวัดความนิยมจาก engagement บนโซเชียลมีเดีย คือ Twitter และ Instagram โดยพบว่าในหมวด Top 10 ซีรีส์ยอดนิยมนั้น 6 ใน 10 เรื่องเป็นซีรีส์สัญชาติเกาหลี นอกจากนี้ยังมีซีรีส์ไทย 1 เรื่องที่ติดโผคือ “Unlucky Ploy ชีช้ำกะหล่ำพลอย” และอนิเมะญี่ปุ่นอีก 1 เรื่องคือ “ดาบพิฆาตอสูร” เห็นได้ว่าซีรีส์สายเอเชียนติดท็อปฮิตความนิยมในไทยถึง 8 ใน 10 อันดับ
Netflix เริ่มเปิดเกมอัดซีรีส์เกาหลีเข้าแพลตฟอร์มมาตั้งแต่ปี 2561 แต่มาเห็นได้ชัดเจนช่วงปี 2562 ยิ่งมาถึงปี 2563 แพลตฟอร์มนี้ประสบความสำเร็จกับการทุ่มทุนสร้างและโปรโมต เพราะซีรีส์เกาหลีที่เป็นออริจินอลของ Netflix อย่าง It’s Okay to Not Be Okay และ The King : Eternal Monarch ไปจนถึงภาพยนตร์
ออริจินอลอย่าง #Alive ต่างติดอันดับยอดนิยมกันหมด
เป็นบทพิสูจน์ว่าแพลตฟอร์มกำลังมาถูกทาง กับการ Localization เน้นโปรโมตคอนเทนต์เกาหลี-เอเชียนในประเทศ เพราะรสนิยมคนไทยมีความแตกต่างจากตะวันตกหรือคนทั่วโลก และเป็นวิสัยทัศน์ที่ทำให้แพลตฟอร์มรับมือได้ทันสถานการณ์ที่สารพัดสตรีมมิ่งบูมเป็นดอกเห็ดในไทย และต่างต้องการจะกวาดคนดูทุกแขนงมาอยู่ในแพลตฟอร์มของตนเอง
Source: Independent UK, flixpatrol.com