ค่าฝุ่น PM 2.5 แบบเรียลไทม์กับ “Nong Pim” นวัตกรรมอุปกรณ์ตรวจวัดจาก ปตท.


ฝุ่น PM 2.5 กลับมาอีกครั้งในช่วงหน้าหนาว และอาจจะเป็นเช่นนี้ไปอีกนานหากไม่มีการตระหนักรู้ถึงปัญหา ทำให้สถาบันนวัตกรรม ปตท. วิจัยและพัฒนา “Nong Pim” อุปกรณ์ตรวจวัด “ค่าฝุ่น PM 2.5” ที่สามารถวัดค่าและส่งข้อมูลแสดงผลออนไลน์ได้แบบเรียลไทม์ หลังทดลองใช้ภายในองค์กรกว่า 1 ปี ขณะนี้พร้อมแล้วที่จะเปิดบริการติดตั้งและสร้างโซลูชันให้องค์กรอื่นที่สนใจ

ฤดูหนาวในช่วง 2-3 ปีหลังของประเทศไทยไม่ได้มีเฉพาะลมหนาว แต่ยังมี “ฝุ่น PM 2.5” ตามมาสร้างความเจ็บป่วยต่อสุขภาพ อย่างไรก็ตาม ฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็ก ไร้กลิ่น ทำให้หลายคนไม่รู้สึกถึงความอันตราย จนกว่าจะได้เห็นตัวเลขบนเครื่องวัดค่าฝุ่นจึงจะตระหนักรู้ได้ว่าฝุ่นอยู่รอบตัวเราจริงๆ

ความอันตรายของฝุ่น PM 2.5 คือการเป็นฝุ่นที่เล็กถึง 2.5 ไมครอน เป็นขนาดที่สามารถเล็ดรอดสู่เส้นเลือดฝอย กระจายไปตามอวัยวะต่างๆ ผลกระทบระยะสั้นคือทำให้แสบตา ผิวหนังอักเสบ ภูมิแพ้กำเริบ บางรายอาจมีไข้ ตัวร้อน ส่วนผลระยะยาวอาจทำให้เกิดโรคปอดอักเสบ หัวใจขาดเลือด จนถึงมะเร็งปอดได้

จากความร้ายแรงเหล่านี้ทำให้การรู้ค่าฝุ่น PM 2.5 เป็นเรื่องสำคัญ “เกียรติสกุล วัชรินทร์ยานนท์” และ “ศิระ นิธิยานนทกิจ” สองนักวิจัย ฝ่ายวิจัยเทคโนโลยีพลังงานใหม่ สถาบันนวัตกรรม ปตท. เล่าถึงที่มาของการวิจัยพัฒนา “Nong Pim” ว่า โครงการนี้เริ่มต้นเมื่อเดือนกันยายน 2562 เนื่องจากที่ตั้งของสถาบันนวัตกรรม ปตท. ซึ่งอยู่ใน อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ไม่มีเครื่องวัดค่าฝุ่นในบริเวณใกล้เคียงเลย จุดที่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างออกไปถึง 20 กิโลเมตร ทางสถาบันฯ จึงมองว่าควรจะพัฒนาเครื่องมือวัดค่าฝุ่นของตนเองขึ้น เพื่อให้ทราบค่าฝุ่นในพื้นที่ได้อย่างแม่นยำ จึงเกิดเป็นอุปกรณ์  Nong Pim

เกียรติสกุลกล่าวว่า ความแตกต่างของ Nong Pim จากอุปกรณ์วัดค่าฝุ่นอื่นที่มีในตลาด คือ Nong Pim เป็นอุปกรณ์ IoT (Internet of Things) เมื่อติดตั้งแล้วสามารถวัดค่าได้ทุกๆ 10 นาที และส่งสัญญาณข้อมูลแบบออนไลน์ขึ้นสู่ระบบคลาวด์ แสดงผลบนแพลตฟอร์มเว็บไซต์ ทำให้ไม่ต้องใช้คนในการถือเครื่องแบบออฟไลน์เข้าตรวจวัดตามจุดต่างๆ

หลังจากที่สถาบันนวัตกรรมใช้งานไประยะหนึ่ง และปรับปรุงจนใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ Nong Pim จึงเริ่มถูกนำไปติดตั้งในหน่วยงานอื่นของเครือ ปตท. เช่น สำนักงานใหญ่ ปตท. ถนนวิภาวดี-รังสิต พบว่า อุปกรณ์นี้ช่วยแก้ปัญหาของหน่วยงานได้ เนื่องจากเดิมหน่วยงานจะต้องอาศัยพนักงานรักษาความปลอดภัยเดินถือเครื่องตรวจวัดค่าฝุ่น PM 2.5 ตามห้องต่างๆ วันละ 3 ครั้ง ซึ่งเสียเวลาและเสียกำลังคนที่ควรได้ทำงานหลักของตนเอง ดังนั้น เมื่อมีเครื่องตรวจวัดอัตโนมัติทำให้แบ่งเบาภาระส่วนนี้ไปได้

“ประโยชน์ของการรู้ค่าฝุ่น PM 2.5 คือทำให้เราสามารถสร้าง Smart Environment ได้ หากค่าฝุ่นสูงเกินระดับปกติ ระบบจะแจ้งเตือนให้พนักงานทราบ เพื่อให้พนักงานเตรียมตัวรับมือฝุ่น รวมถึงทำให้คนตระหนักรู้ว่าฝุ่นมีอยู่จริง มีผลเสียต่อร่างกายจริง นำไปสู่การศึกษาว่าฝุ่นเกิดจากอะไร และถ้าตนเองยังมีกิจวัตรที่ทำให้เกิดฝุ่นก็จะพิจารณาเลิกทำสิ่งเหล่านั้นต่อไป” เกียรติสกุลอธิบายถึงความสำคัญของโครงการนี้

IoT ทำให้ Nong Pim มีประสิทธิภาพกว่า

ด้านเทคโนโลยีที่นำมาใช้กับ Nong Pim ศิระอธิบายว่า เป็นการใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่แล้วในตลาด แต่คัดเลือกด้านคุณภาพวัสดุ ตัวเครื่องวัดมีการติดตั้งเซ็นเซอร์ ระบบ Laser Scattering ซึ่งจะยิงแสงเลเซอร์ขึ้นไปในอากาศเพื่อวัดค่าการสะท้อนกลับของแสง ทำให้ทราบว่ามีฝุ่นอยู่ในอากาศมากแค่ไหน เป็นเทคโนโลยีเดียวกับที่มักจะใช้ในเครื่องฟอกอากาศตามบ้าน

อย่างไรก็ตาม จุดสำคัญของ Nong Pim คือการใช้ ระบบ Narrow-Band IoT ตัวเครื่องสามารถส่งข้อมูลค่าฝุ่นที่ได้ผ่านเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ขึ้นสู่ระบบคลาวด์ และนำไปแสดงผลบนเว็บไซต์ที่ทางสถาบันนวัตกรรมเป็นผู้พัฒนาขึ้น ดังนั้น สถานที่ติดตั้ง Nong Pim เพียงมีปลั๊กเสียบ USB และมีสัญญาณมือถือก็สามารถใช้งานได้ ไม่จำเป็นต้องมีสัญญาณ Wi-Fi จึงติดตั้งง่ายและสะดวก

ขณะนี้ระบบ Nong Pim ตั้งค่าให้วัดค่าฝุ่นทุกๆ 10 นาที ส่วนการแสดงผลแก่ end user จะตั้งค่าความถี่เท่าใดก็ได้ เช่น แสดงผลทุก 10 นาที แสดงผลทุก 1 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า

ส่วนการพัฒนาต่อยอดในอนาคต ศิระกล่าวว่า หัวใจสำคัญคือการพัฒนาเซิร์ฟเวอร์การเก็บข้อมูลและแพลตฟอร์มการแสดงผล เพราะข้อมูลที่ได้จะมากขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อเริ่มเปิดตัวในฐานะโซลูชันธุรกิจ การออกแบบแพลตฟอร์มจะต้องเป็นมิตรกับผู้ใช้งานมากขึ้น (user-friendly)

เปิดบริการแบบ B2B โซลูชันวัดค่าฝุ่นองค์กร

เกียรติสกุลกล่าวต่อว่า ขณะนี้ Nong Pim เริ่มเปิดบริการเป็นธุรกิจแบบ B2B แล้ว โดยรับติดตั้งและออกแบบโซลูชันให้องค์กร สามารถปรับรูปแบบเฉพาะ (customize) เพื่อให้สอดคล้องกับธุรกิจต่างๆ ได้ และคิดค่าบริการแบบเหมาจ่ายรายเดือน

ส่วนการจำหน่ายแบบ B2C ยังอยู่ในแผนงานอีกประมาณ 2 ปีข้างหน้า ต้องใช้เวลาก่อนเปิดจำหน่ายแก่บุคคลทั่วไปเพราะการจำหน่ายรายย่อยจะยุ่งยากกว่าในการซ่อมบำรุงผลิตภัณฑ์ รวมถึงวิธีการขายจะแตกต่าง ต้องมีทีมขายและการตลาดที่แข็งแรงขึ้น

แม้ว่า ปตท. จะเริ่มจำหน่าย Nong Pim เป็นธุรกิจบริการ แต่เกียรติสกุลกล่าวว่า ภาพรวมโครงการนี้ “ไม่ได้หวังจะสร้างกำไร แต่อยากให้ทุกคนมีสุขภาพดีขึ้น”

“มลพิษทางอากาศทำให้คนเสียชีวิตได้และเคยเกิดขึ้นมาแล้ว” เกียรติสกุลกล่าว “หน้าที่ของนักวิจัยจึงไม่ใช่เริ่มจากเราอยากทำอะไร แต่เราเห็นเหตุผลว่าสิ่งที่ทำมาจะได้ประโยชน์อะไร ออกมาแล้วคนจะอยากใช้ นั่นต่างหากคือแรงผลักดันที่แท้จริงสำหรับนักวิจัย”

สนใจโซลูชัน Nong Pim ติดต่อที่คุณวิชย์กรณ์ สถาบันนวัตกรรม ปตท. โทร.03-524-8385 เวลาทำการวันจันทร์-ศุกร์ 08.00-17.00 น.