Amazon ส่งจดหมายถึงประธานาธิบดีคนใหม่ “โจ ไบเดน” เสนอตัวช่วยเหลือการขนส่งกระจายวัคซีนป้องกัน COVID-19 เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาลใหม่ที่จะกระจายวัคซีนให้ได้ 100 ล้านโดสภายใน 100 วันหลังจากรับตำแหน่ง แต่มีความเป็นไปได้ว่า อาจเป็นการต่อรองเพื่อให้พนักงาน Amazon ได้ฉีดวัคซีนก่อน
Reuters รายงานการส่งจดหมายจาก “เดฟ คลาร์ก” ซีอีโอของ Amazon ต่อ “โจ ไบเดน” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่า บริษัท “มีความพร้อมที่จะช่วยเหลือให้คุณไปถึงเป้าหมาย” ตามที่ไบเดนประกาศว่าจะนำส่งและทำให้คนอเมริกันได้ฉีดวัคซีนครบ 100 ล้านโดสให้ได้ภายใน 100 วันแรกหลังรับตำแหน่ง
“Amazon พร้อมที่จะใช้ประโยชน์จากการดำเนินงาน เทคโนโลยีข้อมูล และความเชี่ยวชาญรวมถึงความสามารถในการสื่อสารของเรา เพื่อช่วยเหลือความพยายามในการฉีดวัคซีนของรัฐบาล” เป็นส่วนหนึ่งจากจดหมายจากซีอีโอคลาร์ก และยังระบุว่าขนาดของบริษัท “จะทำให้เราสร้างผลเชิงบวกได้อย่างมีนัยยะสำคัญและทันที”
อย่างไรก็ตาม บริษัท Amazon เป็นบริษัทขนาดมหึมาที่ว่าจ้างพนักงานมากเป็นอันดับ 2 ของสหรัฐฯ และก่อนหน้านี้บริษัทมีการเซ็นสัญญากับบริษัทบริการด้านสาธารณสุขแห่งหนึ่งไปแล้ว โดยยินยอมให้ใช้พื้นที่คลังสินค้าของบริษัททั่วสหรัฐฯ เป็นจุดรับการฉีดวัคซีน
บริษัทยังได้ร้องขอไปก่อนหน้านี้ว่าต้องการให้พนักงาน Amazon ได้ฉีดวัคซีนก่อน เพราะเป็นงานที่ไม่สามารถทำงานจากบ้านได้ คาดว่าอาจเป็นแรงกดดันจากพนักงานที่ออกมาโจมตีว่า Amazon มีสภาพการทำงานที่ไม่ปลอดภัยจากโรค COVID-19 และไม่อนุญาตให้หยุดงานอยู่บ้านหากพนักงานรู้สึกเจ็บป่วย บริษัทยังใช้เวลานานหลายเดือนกว่าที่จะยอมเปิดเผยตัวเลขพนักงานที่ติดเชื้อซึ่งมีทั้งหมด 19,816 คน (ตัวเลข ณ เดือนตุลาคม 2020)
Amazon มีความสามารถในการขนส่งแค่ไหน? BBC รายงานมุมมองจากผู้เชี่ยวชาญว่าบริษัทกลายเป็นธุรกิจโลจิสติกส์ที่สามารถแข่งขันได้กับ Fedex แล้ว โดยเมื่อปี 2019 บริษัทขนส่งพัสดุไปถึง 2.3 พันล้านชิ้นในเขตทวีปอเมริกาเหนือ และเมื่อเดือนก่อน บริษัทเพิ่งจะซื้อฟลีตเครื่องบินกลุ่มแรกมาใช้เพื่อขยายประสิทธิภาพการขนส่งทางอากาศ จากเดิมที่มีฟลีตรถบรรทุกและรถตู้ขนส่งอยู่แล้ว
ข้างฝ่ายรัฐบาลไบเดนก็อาจจะต้องยอมพิจารณา เพราะที่ผ่านมาการกระจายวัคซีน COVID-19 เป็นเรื่องปั่นป่วนมากในสหรัฐฯ หลายรัฐตำหนิถึงการกระจายวัคซีนที่มาไม่ถึงทันตามกำหนด ยกตัวอย่าง เมืองนิวยอร์ก ต้องขอยกเลิกนัดฉีดวัคซีนให้ประชาชน 23,000 คนเมื่อวันพุธที่ 20 ม.ค. 2021 เพราะอยู่ๆ การขนส่งวัคซีน Moderna ก็มาไม่ถึงโดยไร้คำอธิบาย
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 15 ม.ค 2021 ทั้งผู้ว่าการรัฐมิชิแกน วิสคอนซิน และมินนิโซต้า ต่างเขียนเอกสารถึงทรัมป์ (ยังเป็นประธานาธิบดี ณ ขณะนั้น) ว่าพวกเขาอาจจะต้องยกเลิกกำหนดการปูพรมฉีดวัคซีนที่กำลังจะมาถึง หากรัฐบาลกลางไม่ช่วยเหลือมากกว่านี้ในการจัดหาและกระจายวัคซีนให้ทั่วถึง
งานแรกที่ไบเดนจะทำคือการกระจายวัคซีน 100 ล้านโดสใน 100 วันคืองานสำคัญยิ่ง นอกจากการกระจายวัคซีนแล้ว ไบเดนยังเตรียมใช้กฎหมายพิเศษเพื่อควบคุมการผลิตขวดแก้วใส่วัคซีนและเข็มฉีดยา รวมถึงจะตั้งจุดรับการฉีดวัคซีนที่สนับสนุนโดยรัฐบาลกลางให้ได้ 100 แห่งภายใน 1 เดือนแรกที่เขาขึ้นสู่ตำแหน่ง เห็นได้ว่า ไบเดนเข้ามาเปลี่ยนวิธีจัดการจากยุคทรัมป์ที่เน้นให้แต่ละรัฐดูแลตนเอง เป็นการใช้แขนขาของรัฐบาลกลางเข้าช่วยเหลือ
ทั้งนี้ ไม่ใช่เพียงแค่ Amazon ที่เสนอตัวช่วยรัฐบาล เอกชนเจ้าอื่นก็เริ่มเข้าไปช่วยเหลือแล้วก่อนหน้านี้ โดยเป็นการเจรจาพาร์ตเนอร์กับแต่ละรัฐ เช่น รัฐวอชิงตันมีระบบ PPP กับเอกชน ได้แก่ Costco ซึ่งมีร้านขายยา จะช่วยเรื่องการกระจายวัคซีนในรัฐและฝึกอาสาสมัครให้เป็นผู้ฉีดวัคซีนแก่ประชาชน หรือ Microsoft เข้ามาช่วยด้านเทคโนโลยี
และที่แปลกที่สุดคือ Starbucks มาช่วยในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการเลือก ‘ทำเล’ ที่ตั้งจุดฉีดวัคซีนที่ดีที่สุด บนพื้นฐานข้อมูลที่บริษัทตั้งร้านกาแฟมาแล้ว 33,000 สาขา รวมถึงออกแบบการบริการภายในจุดฉีดวัคซีนด้วยแนวคิดแบบ ‘human-centered’ แบบที่บริษัทใช้กับร้านกาแฟ