เอเซอร์ พ่วงเฟอร์รารี่ แรงพอมั้ย

แม้ว่าจะมีคู่แข่งรอบด้านแต่ความพยายามของเอเซอร์ในการรุกตลาด “สมาร์ทโฟน” ยังไม่ท้อง่ายๆ คราวนี้ในตลาดบน เอเซอร์ขอหนีคู่แข่งอย่างเอชทีซี และซัมซุงกาแลคซี่ เอส ใช้แผน Co Brand กับพันธมิตรเจ้าประจำอย่าง “เฟอร์รารี่” ปล่อยตัว Liquid E Ferrari ที่แม้จะมีแฟนคลับแค่หลักร้อยในไทย แต่เอเซอร์มั่นใจว่าความแรงและหรูของเฟอร์รารี่จะช่วยอัพให้สมาร์ทโฟนเอเซอร์โดนใจไฮเอนด์บ้าง

จุดอ่อนของแบรนด์เอเซอร์ที่ภาพลักษณ์ติดมาตั้งแต่คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป และโน้ตบุ๊กในเรื่องของราคา และเด่นเฉพาะในตลาดระดับกลางถึงล่าง เมื่อมาถึงการทำตลาดสมาร์ทโฟน โมเดลที่เคยยกระดับให้โน้ตบุ๊กได้มาก่อนจากการ Co-brand กับเฟอร์รารี่ จึงถูกนำมาใช้อีกครั้งกับสมาร์ทโฟน

ดังนั้นกลุ่มเป้าหมายหลักของรุ่นนี้จึงถูกโฟกัสไปที่ “แฟนคลับ” เฟอร์รารี่ที่มักซื้อไว้เพื่อสะสมคอลเลกชั่น ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับผู้ซื้อโน้ตบุ๊กที่เคยทำตลาดก่อนหน้านี้ ส่วนกลุ่มเป้าหมายรองลงมาคือผู้ใช้สมาร์ทโฟนทั่วไปที่ชอบดีไซน์เพื่อตอบรับความต้องการด้านอีโมชันแนล โดยนำเข้ามาจำหน่ายในไทยเพียง 500 เครื่องเท่านั้น

จุดเด่นอยู่ที่ดีไซน์ตัวเครื่องสีแดงเพลิงพร้อมโลโก้สีเหลืองของเฟอร์รารี่ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากรถแข่งฟอร์มูล่า วัน และคอนเทนต์เฉพาะตัว เช่น เสียงริงโทนของรถแข่งเฟอร์รารี่ เอฟ 1 วิ่งด้วยความเร็วสูง โลโก้เฟอร์รารี่ที่แสดงตอนเปิดเครื่อง ส่วนฟีเจอร์อื่นๆ ไม่ต่างจากคู่แข่งในระดับเดียวกันอย่าง ซัมซุง กาแลคซี่ เอส และเอชทีซี ดีไซน์ มากนัก โดยใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เวอร์ชั่น 2.1 กล้องขนาด 5 ล้านพิกเซล และมีราคาใกล้เคียงกันคือ 2 หมื่นต้นๆ

สำหรับการทำตลาดนั้น นิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด ของเอเซอร์บอกว่า เน้นไปที่การจัดกิจกรรมร่วมกับกลุ่มแฟนคลับรถเฟอร์รารี่เช่นเดียวกับตอนที่เปิดตัวโน้ตบุ๊ก นอกจากนี้ยังใช้บิลบอร์ด สื่อสิ่งพิมพ์ เว็บไซต์ และโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค มาช่วยโปรโมต โดยใช้งบการตลาดประมาณ 10 ล้านบาท และวางจำหน่ายที่พารากอน เอ็มโพเรียม และไอทีมอลล์บางสาขาเท่านั้น

และอาจเป็นเพราะด้วยงบการตลาดที่ไม่สูงมากนัก งานเปิดตัวจึงค่อนข้างเงียบเหงา ไม่มีกิมมิกโชว์ความแรงของเฟอร์รารี่ให้เห็น นอกจากนำเครื่องมาให้ทดสอบและให้ผู้บริหารออกมาพูดถึงการทำตลาดของรุ่นนี้เท่านั้น อย่างไรก็ตาม เอเซอร์ไม่ได้ตั้งเป้ารุ่นนี้เพื่อเพิ่มยอดขายสมาร์ทโฟน แต่ก็หวังว่าจะทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ในกลุ่มนี้ดีขึ้นเพราะถือเป็นผู้เล่นรายใหม่ในตลาด ปัจจุบันเอเซอร์มีส่วนแบ่งรายได้จากสมาร์ทโฟนไม่ถึง 5% เมื่อเทียบกับรายได้ทั้งหมด

และถ้ายังจำกันได้ นี่ไม่ใช่การ Co-brand ครั้งแรกระหว่างแบรนด์โทรศัพท์มือถือกับเฟอร์รารี่ เพราะเมื่อหลายปีก่อน “โมโตโรล่า” เคยเปิดตัวรุ่น MOTORAZR maxx V6 Ferrari Challenge จับกลุ่มพรีเมียมออกมาทำตลาด ส่วน “เวอร์ทู” เปิดตัวรุ่น Vertu Ascent Ferrari 1947 เพื่อฉลองครบรอบ 60 ปี ของเฟอร์รารี่ ซึ่งมีเพียง 1,947 เครื่องทั่วโลกเท่านั้น จับกลุ่มพรีเมียมต้องใจถึงและเงินถึงด้วย เพราะสนนราคาให้เป็นเจ้าของได้ที่เครื่องละ 8 แสนบาท

เอเซอร์ Liquid E Ferrari
Launched 3 กันยายน 2553 ห้างเอสพลานาด นักข่าวไอทีประมาณ 20 คน
Positioning สมาร์ทโฟนระดับบน
Product detail แอนดรอยด์ 2.1 ?clair กล้อง 5 ล้านพิกเซล รองรับ GPS ดีไซน์เด่นที่เชื่อมโยงถึงเฟอร์รารี่
Target แฟนคลับเฟอร์รารี่ ประมาณ 500 คน และผู้ใช้สมาร์ทโฟนที่ชอบเรื่องดีไซน์
Market Analysis การแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนที่มีตัวเลือกมาก การใช้กลยุทธ์ ”โคแบรนด์” ก็เพื่อสร้างอิมเมจ “สมาร์ทโฟน” เป็นทางเลือกหนึ่งเพื่อส่งแรงไปถึงสมาร์ทโฟนระดับอื่นในแบรนด์นั้นๆ