Jetts Fitness ปรับทิศขยายสาขาใกล้ ‘ออฟฟิศ’ ควบ ‘ชานเมือง’ เร่งดึงยอดสมาชิกกลับ ‘เข้ายิม’

ต้องยอมรับว่าฟิตเนสได้รับผลกระทบจากวิกฤตโรคระบาดครั้งนี้ไปไม่น้อย เมื่อต้องปิดสาขาชั่วคราวในช่วงล็อกดาวน์ เเต่ในอีกมุมก็เป็นโอกาสสำคัญที่ผู้คนทั่วโลกต่างหันมาดูเเลตัวเองเเละใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น

ปัจจุบัน มูลค่าตลาดของธุรกิจฟิตเนสในไทยอยู่ที่ราว 10,000 ล้านบาท เติบโตอย่างต่อเนื่อง ก่อนสะดุดลงด้วยพิษ COVID-19 เเต่ในปีนี้ เต็มไปด้วยความหวังที่จะกลับมารุ่งอีกครั้ง หลังสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลงเเละมีการกระจายวัคซีน

นับเป็นความท้าทายอย่างยิ่งของผู้ประกอบการฟิตเนส ว่าพวกเขาจะปรับกลยุทธ์รองรับวิถีชีวิตใหม่นี้อย่างไรกันบ้าง

ปีนี้ Jetts Fitness (เจ็ทส์ ฟิตเนส) เเบรนด์ดังจากออสเตรเลีย เร่งเครื่องขยับขึ้นมาเป็นเบอร์ 1’ ของตลาดไทยในเเง่สาขา ซึ่งเป็นถือกลยุทธ์หลักของธุรกิจฟิตเนส ที่พึ่งพารายได้จากค่าสมาชิกดังนั้นการหาลูกค้ากลุ่มใหม่ในทำเลที่ยังไม่เคยเข้าถึงคือหัวใจสำคัญ

ท่ามกลาง COVID-19 ที่ระบาดทั้งปี 2020 Jetts เปิดคลับใหม่เพิ่มถึง 13 สาขา ทำให้ตอนนี้มีอยู่ 35 สาขาทั่วประเทศไทย พร้อมเดินหน้าเปิดอีก 8 สาขาในปีนี้

เเม้จะขยายสาขาไม่หยุด เเต่ Jetts Fitness ก็เจอผลกระทบหนักเช่นกัน เพราะในช่วง COVID-19 มีสมาชิกยกเลิกไปถึง 20% จากจำนวนสมาชิกที่มีราว 29,000 ราย ขณะเดียวกันสมาชิกเหลืออยู่อีก 80% ในจำนวนนี้กว่า 30% ขอหยุดจ่ายค่าสมาชิกราว 30%

นี่เป็นโจทย์ยากของธุรกิจฟิตเนส ว่าจะทำอย่างไรให้ลูกค้าเก่ากลับมาเเละหาลูกค้าใหม่ไปด้วยในยามที่ใครๆ ก็รัดเข็มขัดประหยัดค่าใช้จ่าย

ไมค์ แลมบ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เจ็ทส์ ฟิตเนส 24 ชั่วโมง ภูมิภาคเอเชีย บอกว่า ความท้าทายหลักๆ เเบ่งเป็น 2 ส่วนคือ การทำอย่างไรให้สมาชิกที่หายไปกลับมาใช้บริการเเละการทำให้ธุรกิจเติบโตต่อไปเมื่อพฤติกรรมของลูกค้าจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ที่ผ่านมา Jetts Fitness มีการออกโปรเเกรมคลาสออนไลน์เเละเทรนเนอร์ออนไลน์เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์กับสมาชิกอยู่ตลอด

โดยมองว่าพฤติกรรมการใช้บริการฟิตเนส จะเปลี่ยนไปเป็นการ ‘ผสมผสานระหว่างคลาสออกกำลังกายออนไลน์และการเข้ายิมตามปกติ’ เพราะคนจำนวนมากเริ่มชอบการยืดหยุ่นด้านการเดินทางและตารางเวลา รวมถึงลดความเลี่ยงการติดโรค

สำหรับคลาสออนไลน์ที่บริษัทจัดมีสถิติผู้เข้าชมเกือบสี่หมื่นวิว มีผู้เข้าชมสูงสุดในเวลา 17.00 . ในวันธรรมดา และเวลา 15.00 .ในช่วงสุดสัปดาห์ โดยคลาสบอดี้คอมแบท เล็ทส์มูฟ และเจ ซีรี่ส์ เป็นคลาสยอดฮิต

อย่างไรก็ตาม เเม้คลาสเเละเทรนเนอร์ออนไลน์ จะได้รับการตอบรับที่ดีมาก เเต่ไมค์มองว่า สิ่งสำคัญที่ฟิตเนสมีคือการสร้างcommunity’ เเละบรรยากาศการออกกำลังกายที่ไม่เหมือนอยู่ที่บ้าน มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน เชื่อว่าผู้คนจะยังต้องการมาออกกำลังการที่สาขาต่อไปหลังสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย

ปีนี้ Jetts Fitness ประเทศไทย จะทุ่มงบการตลาด 4% เพื่อทำโปรโมชัน ออกแคมเปญต่างๆ อย่างแคมเปญกระตุ้น “We want you comeback” ด้วยการให้ส่วนลด 50% เเละเปิดตัวทีมเทรนเนอร์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อตอบความต้องการเฉพาะบุคคล ดูเเลนักกีฬามืออาชีพ และมีอุปกรณ์ที่ครบครัน

โดยแนวโน้มการกลับมาใช้บริการของสมาชิกเก่าที่หยุดไป รวมทั้งการสมัครสมาชิกของลูกค้าใหม่ เริ่มทยอยกลับมาเเล้วในระดับ 30%

นอกจากนี้ วิธีดึงดูดให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการ ก็คือการเข้าไปหาลูกค้าผ่านวิธีการเร่งขยายสาขาในทำเลที่หลากหลายขึ้น

ปัจจุบัน Jetts Fitness ครองส่วนแบ่งตลาดฟิตเนสรวมที่ 30% เเละครองส่วนแบ่งตลาดฟิตเนสที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงที่ 60%

จากเดิม Jetts Fitness มีกลยุทธ์ขยายสาขาในพื้นที่กลางใจเมือง เน้นใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า ใกล้อาคารสำนักงาน เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าหลักอย่างพนักงานออฟฟิศ ที่มีอายุราว 21-40 ปี 

เเต่จากการเเพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้หลายบริษัทเลือกให้พนักงานทำงานทางไกลที่บ้าน หรือ Work from Home ดังนั้นทิศทางการเปิดสาขา จึงจะเริ่มขยายทำเลมาแถบชานเมือง ใกล้ชุมชนที่อยู่อาศัย ควบคู่ไปย่านการค้าในเมือง

สำหรับเเผนปีนี้ของ Jetts Fitness ตั้งเป้าเพิ่มอีก 8 สาขา มีงบลงทุนสาขาละ 40 ล้านบาท คาดว่าจบปี 2021 จะมีสาขาอยู่ทั้งสิ้น 41 สาขา พร้อมๆ กับการตั้งเป้าเพิ่มยอดสมาชิกให้เป็น 32,000 รายด้วย

โดยในกรุงเทพฯ จะมีคลับใหม่ที่สยามสแควร์วัน (อยู่กลางใจเมือง) เเละรามอินทรา (อยู่เเถบชานเมือง) ส่วนอีก 6 คลับ จะกระจายไปในต่างจังหวัดเน้นเมืองท่องเที่ยวที่ฮิตในหมู่คนไทย อย่าง หัวหินเเละเพชรบุรี

ต้องจับตาดูว่า ปีนี้ธุรกิจฟิตเนสจะกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งหรือไม่