ปัจจุบันความยั่งยืนเป็นปัจจัยหลักในการยืนหยัดต่อสู้กับโควิด-19 เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ต้องเผชิญรวมถึงความท้าทายจากตัวเลขการว่างงานของพนักงานบริษัทที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จำนวนมากต้องคำนึงถึงการจัดการต้นทุนอย่างรอบคอบ และต้องเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนักในการบริหารทรัพย์สินให้มีคุณภาพโดยเฉพาะการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมเนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคมีแนวโน้มให้ความสำคัญกับการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้นทำให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เริ่มหันมาโฟกัสการพัฒนาที่อยู่อาศัยแบบยั่งยืนและเป็นมิตรกับผู้อยู่อาศัยเป็นจุดดึงดูดให้ผู้ซื้อหรือผู้เช่าที่เป็นบริษัทห้างร้านต้องการเข้าลงทุน
อย่างไรก็ตามรัฐบาลทั่วโลกมีความมุ่งมั่นที่จะลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นอกจากอุปกรณ์ไอทีที่เป็นสิ่งที่ใช้พลังงานมากที่สุดแล้ว ระบบปรับอากาศเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ใช้พลังงานมากถึง 40% เพื่อการระบายความร้อน ทำให้บริษัทต่างๆ มองหาวิธีอื่นในการลดการใช้ไฟฟ้าจากจุดนี้อย่างจริงจัง
การศึกษาและวิจัยที่ผ่านมาชี้ให้เห็นว่า การแทนที่ระบบเดิมด้วยระบบประหยัดพลังงานแบบใหม่ เช่น การปิดเซิร์ฟเวอร์ที่ไม่ได้ใช้งาน หรือการตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์ให้ทำงานตามที่ต้องการ สิ่งเหล่านี้จะช่วยลดการใช้พลังงานได้มากขึ้น สร้างผลประโยชน์ทางธุรกิจให้แก่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างมหาศาล ปัจจุบันหลายองค์กรได้นำการวิจัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพการใช้พลังงาน มาปรับใช้ก่อนที่จะเริ่มสร้างอาคาร โดยเริ่มจากขั้นตอนการตรวจสอบพลังงาน ซึ่งเป็นขั้นตอนแรกก่อนเข้าสู่การจัดการพลังงานที่ครอบคลุม เพื่อสร้างประสิทธิภาพในการดำเนินงานและการควบคุมการลดต้นทุน
ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์สามารถควบคุมต้นทุนได้มากขึ้นผ่านกระบวนการตรวจสอบการใช้พลังงานที่แม่นยำ ซึ่งโซลูชันการตรวจสอบพลังงานนี้ นับเป็นนวัตกรรมใหม่ที่จะช่วยให้ผู้พัฒนาสามารถตรวจสอบระดับการใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อติดตามระดับการใช้พลังงานว่าเป็นอย่างไร หากระดับการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นจากค่าที่ตั้งไว้ผู้พัฒนาจะได้รับการแจ้งเตือนทำให้สามารถดำเนินการแก้ไขได้ทันที
สำหรับ Internet of Things (IOT) กำลังพัฒนาไปตามการเปลี่ยนแปลงของการใช้ของมนุษย์โดยวิธีการรับส่งข้อมูลของแผงควบคุมการตรวจสอบค่าทำความเย็น หรือ ชิลเลอร์ เป็นการทำงานของเครื่องปรับอากาศที่มีการตั้งโปรแกรม เพื่อให้สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดได้โดยอัตโนมัติเมื่อระดับอุณหภูมิสูงเกินไป ข้อมูลระดับการใช้พลังงานที่รวบรวมแบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง สามารถวิเคราะห์แนวโน้มการทำงานได้รวมถึงระบบแจ้งเตือนทันทีซึ่งนำไปสู่การคาดการณ์ข้อผิดพลาดของระบบได้ล่วงหน้า ช่วยหลีกเลี่ยงการสิ้นเปลืองพลังงาน ทั้งนี้ Internet of Things (IOT) ถูกกำหนดให้แก้ไขข้อผิดพลาดเหล่านี้ได้ด้วยตนเองเพื่อให้คุณภาพของสิ่งแวดล้อมคงมีเสถียรภาพ ซึ่งจะช่วยลดโอกาสที่จะเกิดความเสียหายต่อระบบได้อย่างดี
บริษัท คุชแมน แอนด์ เวคฟีลด์ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำระดับโลกในด้านการจัดการอสังหาริมทรัพย์และสาธารณูปโภค และที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมการจัดการพลังงาน พร้อมให้ความช่วยเหลือนักพัฒนา เจ้าของและผู้อาศัยในอสังหาริมทรัพย์ เกี่ยวกับประโยชน์ของการนำระบบเหล่านี้ไปปรับใช้กับสิ่งอำนวยความสะดวกและช่วยในการจัดการต้นทุน สิ่งเหล่านี้จึงเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องแข่งขันกันเพื่อเป็นแนวทางให้บริษัทระดับโลกได้ปรับปรุงการดำเนินงานในอาคารสำนักงาน
หากการบริการต่างๆเริ่มกลับมาเปิดให้บริการตามปกติการใช้พลังงานต้องกลับมากเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง ซึ่งอาจทำให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะต้องหันมาทบทวนกลยุทธ์การจัดการพลังงานอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้รับมูลค่าสูงสุดจากเงินทุกบาทที่ใช้ไปกับระบบพลังงานของตน
ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บริษัท คุชแมน แอนด์ เวคฟีลด์ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัดติดต่อ กาเร็ธโพเวลล์ [email protected] หรือรตนวิไลรัตน์[email protected]