การตกงานในช่วง COVID-19 เป็นปัญหาใหญ่ที่หลายฝ่ายให้ความสำคัญ เพราะการตกงานนั้นกระทบต่อการดำเนินชีวิต ปัญหาทางการเงิน ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ปัญหาครอบครัว รวมถึงกระทบต่อภาพเศรษฐกิจใหญ่ของประเทศอีกด้วย
“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,155 คน (สำรวจทางออนไลน์) ระหว่างวันที่ 15-18 มีนาคม 2564 สรุปผลได้ ดังนี้
สถานการณ์การเงินของประชาชนตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 เป็นอย่างไร
ที่ | เพิ่มขึ้น | ภาพรวม | ที่ | ลดลง | ภาพรวม |
1 | ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ/ยา/การป้องกันโควิด-19 | 38.65% | 1 | เงินออม | 47.10% |
2 | ค่าอาหาร/เครื่องดื่มรายวัน | 22.59% | 2 | ค่าเสื้อผ้า/หน้า/ผม | 36.40% |
3 | หนี้บัตรเครดิต | 22.49% | 3 | ค่าเดินทางรายวัน | 26.39% |
ในยามที่ลำบากต้องการใช้เงินฉุกเฉิน ประชาชนจะหาเงินจากแหล่งใด
อันดับ 1 | นำเงินออม/เงินเก็บส่วนตัวออกมาใช้ | 55.23% |
อันดับ 2 | ยืมจากคนในครอบครัว | 42.57% |
อันดับ 3 | สินเชื่อธนาคาร | 32.98% |
อันดับ 4 | ยืมจากเพื่อน/คนรู้จัก | 27.70% |
อันดับ 5 | กดบัตรเงินสด | 26.56% |
ประชาชนคิดว่าสถานการณ์ “ตกงาน” ของคนไทย ณ วันนี้เป็นอย่างไร
อันดับ 1 | เกิดความเครียด/วิตกกังวล | 65.94% |
อันดับ 2 | มีผลมาจากปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำที่สะสมมานาน | 61.51% |
อันดับ 3 | ก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรม โจร ขโมย เพิ่มมากขึ้น | 60.30% |
อันดับ 4 | การระบาดของ COVID-19 ทำให้คนตกงาน | 59.25% |
อันดับ 5 | ทำให้เกิดปัญหาครอบครัว | 53.00% |
ประชาชนคิดว่ารัฐบาลจะช่วยแก้ปัญหาการ “ตกงาน” ได้อย่างไร
อันดับ 1 | ให้มีการฝึกอาชีพ สร้างอาชีพเสริม | 56.66% |
อันดับ 2 | จ่ายเงินชดเชยช่วยเหลือเยียวยาอย่างรวดเร็วไม่ยุ่งยาก | 49.52% |
อันดับ 3 | สนับสนุนให้แรงงานพัฒนาทักษะต่าง ๆ เพิ่มขึ้น | 48.39% |
อันดับ 4 | ช่วยสร้างงานในท้องถิ่น/บ้านเกิด | 47.08% |
อันดับ 5 | หางานพิเศษ/งานเสริมระหว่างรอหางานหลัก | 46.30% |
*หมายเหตุ ผู้ตอบสามารถระบุความคิดเห็นได้มากกว่า 1 เรื่อง (ค่าร้อยละจึงคำนวณในแต่ละข้อ)
สรุปผลการสำรวจ : “ตกงาน” ปัญหาใหญ่ของคนไทย ณ วันนี้
สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิตสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง “ตกงาน” ปัญหาใหญ่ของคนไทย ณ วันนี้กลุ่มตัวอย่าง 1,155 คน สำรวจวันที่ 15-18 มีนาคม 2564 พบว่า ตั้งแต่มี COVID-19 ประชาชนใช้จ่ายเรื่องสุขภาพเพิ่มขึ้น 38.65% แต่เงินออมลดลง 47.10%
เมื่อต้องใช้เงินฉุกเฉินจะนำเงินเก็บส่วนตัวออกมาใช้ 55.23% โดยมองว่าสถานการณ์ “ตกงาน” ณ วันนี้ ทำให้เกิดความเครียด วิตกกังวล 65.94% จึงอยากให้รัฐบาลแก้ปัญหาโดยให้มีการฝึกอาชีพ สร้างอาชีพเสริมให้กับประชาชน 56.66%
ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังมี COVID-19 ตัวเลขการตกงานของคนไทยก็ไม่ได้อยู่ในสภาวะที่สบายใจได้เท่าใดนัก เมื่อ COVID-19 เข้ามาจึงเป็นเหมือนตัวเร่งให้ยอดคนตกงานพุ่งสูงขึ้น แรงงานอีกหลายส่วนก็ยังอยู่ในสถานะที่ไม่รู้ว่าจะยื้อไปได้อีกนานแค่ไหน ปัญหาตกงานจึงเป็นปัญหาใหญ่ของคนไทย ณ วันนี้ และควรจะต้องเป็นปัญหาใหญ่ของรัฐบาลด้วยเช่นกัน เพราะหากมุ่งแก้เฉพาะปัญหาการเมือง สุดท้ายแล้วเศรษฐกิจไทยจะหลับลึกและไม่ตื่นก็เป็นได้
ในปี 2563 อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยลดลงถึง 6.6% อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ติดลบ 0.9% เป็นผลมาจากการที่ประชาชนมีรายได้ชั่วโมงการทำงาน และค่าล่วงเวลาลดลงจำเป็นต้องใช้เงินออม เพื่อใช้จ่ายเกี่ยวกับอุปกรณ์ป้องกันโรคระบาดมีการก่อหนี้บัตรเครดิตมากขึ้น
จากข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐแสดงให้เห็นว่า คนไทยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 14 ล้านคน มีรายได้ไม่เกิน 2,500 บาทต่อเดือน รวมทั้งคนไทยที่มียอดเงินฝากไม่เกิน 50,000 บาท สูงถึง 86.6% ของจำนวนบัญชีเงินฝากทั้งหมด สิ่งเหล่านี้ล้วนบ่งชี้ให้เห็นถึงระดับรายได้ และเงินออมของคนไทยส่วนใหญ่ต่ำมาก ปัจจุบันมีผู้ว่างงานจำนวน 650,000 คน คิดเป็น 1.69% ของกำลังแรงงานมีแนวโน้มสูงขึ้นกว่าปีก่อน
ดังนั้นทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาชนจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องสร้างงาน และพัฒนาทักษะใหม่ เช่น การพัฒนาระบบ อีคอมเมิร์ซ และระบบโลจิสติกส์ที่เป็นของคนไทย การส่งเสริมการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามอเตอร์ และแบตเตอรี่การเกษตรปลอดภัย และอาหารสุขภาพโดรนทางการเกษตร การติดตั้งโซลาร์เซลล์ทั้งภาคในเมืองและภาคการเกษตร เป็นต้น
โดย ผศ.ดร.ประศาสน์ นิยม อาจารย์ประจำหลักสูตรเศรษฐศาสตรบัณฑิต คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต