หลายเมืองในประเทศจีนเริ่มออกกฎห้ามเผากระดาษเงินกระดาษทองในเทศกาลเชงเม้ง เพื่อลดปัญหามลพิษฝุ่นและอุบัติเหตุ เป็นอีกหนึ่งนโยบายใหม่ที่ใช้ควบคุมประเพณีดั้งเดิมของชาวจีน หลังจากก่อนหน้านี้รัฐจีนเคยควบคุมเรื่องการจุดประทัด ฝังศพ และจัดงานแต่งงานมาแล้ว
เมืองหลายแห่งของประเทศจีนเริ่มออกนโยบายควบคุมธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบทอดกันมานับพันปี ก่อนที่เทศกาลเชงเม้งจะมาถึงในวันที่ 4 เมษายนนี้
หลายเมืองทางตอนเหนือของจีน รวมถึงเมืองใหญ่อย่าง “ฮาร์บิน” ออกกฎเตือนประชาชนห้ามเผากระดาษเงินกระดาษทอง แบงก์กงเต๊ก ฯลฯ ระหว่างเทศกาลเชงเม้งซึ่งเป็นเทศกาลไหว้ระลึกถึงบรรพบุรุษของชาวจีน และการเผาสิ่งต่างๆ ถือเป็นสัญลักษณ์การส่งสิ่งของและเงินทองไปให้บรรพบุรุษใช้ในโลกวิญญาณ
สาเหตุที่รัฐสั่งห้ามการเผากระดาษ รวมถึงห้ามการผลิตและจำหน่าย เพราะคำนึงถึงเรื่องมลพิษจากฝุ่นควันของการเผา และเรื่องของความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน
นอกจากในฮาร์บินซึ่งเป็นเมืองใหญ่ เมืองขนาดเล็กกว่า เช่น เมืองหมิงสุ่ย เมืองซิงเหอ ก็มีคำสั่งแบบเดียวกันเกิดขึ้น สร้างความไม่พอใจให้ประชาชนซึ่งมองว่ารัฐกำลังทำลายรากวัฒนธรรมดั้งเดิม แต่ประชาชนบางกลุ่มก็มองว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะช่วยลดอุบัติเหตุจากความพยายามทำตามธรรมเนียมที่โบราณล้าสมัยไปแล้ว
การควบคุมการเผากระดาษไม่ใช่เรื่องเดียวที่รัฐบาลจีนทำเพื่อเปลี่ยนแปลงธรรมเนียมโบราณ ก่อนหน้านี้ จีนเคยสั่งห้ามการจุดประทัดวันปีใหม่ในเขตเมืองเพื่อลดอุบัติเหตุและลดมลพิษ สนับสนุนให้คนจีนเผาศพแทนการฝังศพ เพื่อลดการใช้ที่ดินไปกับสุสาน และดีต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า
รวมถึงควบคุมการจัดงานเลี้ยงแต่งงานซึ่งธรรมเนียมจีนมักจะจัดอย่างยิ่งใหญ่ เสิร์ฟอาหารมากจนเหลือกิน มีรายงานในมณฑลยูนนานเมื่อปี 2018 ว่า หน่วยงานราชการท้องถิ่นมีการวางมาตรฐานการจัดงานแต่งงานและงานศพ ว่าสามารถลงเสิร์ฟอาหารได้กี่จานต่อหนึ่งโต๊ะ
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าทุกข้อปฏิบัติจะถูกบังคับใช้โดยง่าย อย่างเช่นการห้ามเผากระดาษนี้ เป็นไปได้ว่าคนจีนที่ยังยึดมั่นธรรมเนียมจะแอบจุดไฟเผากันยามค่ำคืนแทน
เหตุผลเบื้องหลังของรัฐบาลจีนในการลดธรรมเนียมโบราณออกจากชีวิตประจำวัน นอกจากเรื่องอุบัติเหตุและมลพิษแล้ว ยังมีเหตุผลเรื่องการปรับพฤติกรรมให้เป็นไปตามแบบที่รัฐต้องการ ตามคู่มือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและธรรมเนียมในชนบทจีน ซึ่งกำหนดขึ้นเมื่อปี 2019 และวางแผนเปลี่ยนแปลงภายใน 3-5 ปี