มาช้ากว่าแต่มาเต็ม! “เดอะมอลล์” ประกาศเปิดตัวแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซ MONLINE.COM และ GOURMETMARKETTHAILAND.COM ดีเดย์ 7 เมษายน 2564 ดึงพาร์ตเนอร์แบรนด์เกือบยกห้างฯ ลงจำหน่าย โดยวางตัวเป็น “อี-รีเทลเลอร์” หยิบจุดเด่นด้าน “ความน่าเชื่อถือ” ของสินค้าและผู้ขาย ผนวกจุดแข็งของเครือคือการสร้าง “คอนเทนต์” บันดาลใจนักช้อปให้อยากซื้อ ไม่เน้นทำสงครามราคา ตั้งเป้ารายได้จากออนไลน์ขึ้นถึง 25% ของยอดขายรวมทั้งเครือภายใน 5 ปี
ในที่สุด “เดอะมอลล์ กรุ๊ป” ก็ลุยตลาดอี-คอมเมิร์ซ หลังจากรอดูจังหวะตลาดมาพักใหญ่ โดยเตรียมเปิดบริการในรูปแบบเว็บไซต์ แบ่งเป็น 2 เว็บไซต์คือ MONLINE.COM และ GOURMETMARKETTHAILAND.COM เตรียมเปิดตัวพร้อมกัน 7 เมษายน 2564 จากนั้นจะทยอยเปิดรูปแบบแอปพลิเคชันภายในปีนี้ เพิ่มความสะดวกให้ลูกค้า
“ศุภลักษณ์ อัมพุช” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด นำทัพผู้บริหารร่วมแถลงข่าวเปิดตัวแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยศุภลักษณ์เปิดเผยรายละเอียดโมเดลธุรกิจอีคอมเมิร์ซของเดอะมอลล์ว่า จะเป็นธุรกิจแบบ “อี-รีเทลเลอร์” คือธุรกิจศูนย์การค้าออฟไลน์ที่ผันตัวเพิ่มธุรกิจขายออนไลน์ และมีการเชื่อมโยงเข้าหากันแบบออมนิชาแนล
![](https://positioningmag.com/wp-content/uploads/2021/03/ศุภลักษณ์-อัมพุช.jpg)
ศุภลักษณ์เปิดใจบนเวที ยอมรับว่าเดอะมอลล์ “มาช้ากว่าตลาด” ในยุคนี้ แต่เชื่อว่า “ยังมีโอกาส” เพราะตลาดยังมีจุดที่ขาดคือ “คอนเทนต์” ในการขาย ซึ่งเดอะมอลล์มีจุดแข็งส่วนนี้ที่จะบุกตลาดได้
“เรามอง core value ของตัวเองจากการทำศูนย์การค้าแบบมีหน้าร้าน เราเป็นศูนย์ฯ ที่มีเอกลักษณ์ สนุก มันส์ แต่ละศูนย์ฯ ของเราเป็นงานคราฟท์ ไม่เหมือนกันเลยในแต่ละที่ และครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ตั้งแต่ระดับแมสจนถึงซูเปอร์ลักชัวรี ในศูนย์ฯ ของเรามีขายตั้งแต่ก๋วยเตี๋ยว 50 บาทจนถึงรถโรลส์-รอยซ์ ซึ่งเราจะนำเอกลักษณ์เหล่านี้มาใช้กับฝั่งดิจิทัลของเราด้วย” ศุภลักษณ์กล่าว
โดยแบรนด์ที่มีจำหน่ายในศูนย์ฯ ของเดอะมอลล์เกือบทั้งหมดจะมาเปิดหน้าร้านขายบน MONLINE.COM ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มบิวตี้ แฟชั่น กีฬา เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ พร้อมกับเปิดกว้างในอนาคตอาจมีแบรนด์ที่ต้องการลงขายเฉพาะออนไลน์ก็สามารถทำได้ ไม่จำเป็นต้องตั้งต้นจากหน้าร้านออฟไลน์ก่อน
เน้นการสร้าง “คอนเทนต์” ไม่เน้นแข่งราคา
“วรลักษณ์ ตุลาภรณ์” ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า กลยุทธ์การทำตลาดออนไลน์ของเดอะมอลล์ จะเน้นไปที่ DNA ของบริษัท คือความเป็น “Content-Centric” ใช้คอนเทนต์ในการสร้างแรงบันดาลใจให้ลูกค้าต้องการสินค้าชิ้นนั้นๆ ร่วมกับ ระบบ AI จาก IBM ซึ่่งลงทุนไปกว่า 100 ล้านบาท เพื่อนำเสนอสินค้า (offer) ให้ตรงใจลูกค้ารายนั้นๆ มากที่สุด
![](https://positioningmag.com/wp-content/uploads/2021/03/M_Online_2.jpg)
“ต่างประเทศเข้ามาทำแบบลดราคา สาดโปรโมชันกัน ทำให้ขายได้ แต่จะทำได้ต้องกระเป๋าหนัก เราทำแบบเขาไม่ได้ และเราไม่ได้เด่นเรื่องทำธุรกิจแบบ cannibalism ตัดราคาแข่ง” ศุภลักษณ์อธิบายวิสัยทัศน์
ดังนั้น ตลาดออนไลน์แบบเดอะมอลล์ จะเป็นแพลตฟอร์มที่มีสไตล์ ให้ความรู้สึกพรีเมียม และเน้นใช้คอนเทนต์ออนไลน์กระตุ้นการซื้อ ใช้พลังของ KOLs สร้าง ‘สตอรี่’ สินค้า
โดยเป็นกลยุทธ์ปกติที่เดอะมอลล์ทำอยู่แล้ว ทำให้มีฟอลโลเวอร์บนโซเชียลมีเดียทุกช่องทางรวมกันกว่า 8 ล้านคน และยังมีฐานสมาชิกบัตร M Card อีก 4.5 ล้านคน ทำให้วรลักษณ์ตั้งเป้าว่าปีนี้แพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซของเดอะมอลล์จะมีเพจวิวรวมไม่ต่ำกว่า 20 ล้านวิว
ไม่ช้า…ขอมาในช่วงตลาดสุกงอม
สำหรับโอกาสตลาดของเดอะมอลล์ “จักรกฤษณ์ กีรติโชคชัยกุล” ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสบริหารสินค้า บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดตัวเลขว่ายอดขายรีเทลของประเทศไทยปี 2563 มีสัดส่วนจากช่องทางออนไลน์เพียง 4-5% เท่านั้น เทียบกับประเทศจีนที่ค้าออนไลน์เติบโตมาก ทำให้มีสัดส่วนจากช่องทางออนไลน์ถึง 25% ของตลาดรีเทลทั้งหมด แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยยังมีโอกาสโตอีกมาก
โดยจักรกฤษณ์ชี้ว่า ตลาดเมืองจีนที่เติบโตมากเพราะมี “อี-รีเทลเลอร์” มาจับตลาด ความแตกต่างจาก “อี-มาร์เก็ตเพลซ” ของอี-รีเทลเลอร์คือ เป็นระบบที่มีทั้งหน้าร้านออฟไลน์และออนไลน์ไว้ส่งเสริมกัน ทำให้สินค้า แบรนด์ ผู้ขาย น่าเชื่อถือมากกว่า ลูกค้ามั่นใจได้ว่าได้ของแท้ ได้ของแน่นอน และยังทำระบบได้มากกว่า เช่น Click & Collect, จองสินค้าและมาลองสินค้าที่หน้าร้าน, ซื้อที่หน้าร้านแล้วจัดส่งถึงบ้าน
“เราว่าไม่ได้ช้าไปเพราะจริงๆ สัดส่วนอี-คอมเมิร์ซของไทยเพิ่งจะ 4-5% ของตลาดรวมรีเทล และอี-รีเทลเลอร์ก็ยังมาจับตลาดน้อยมาก ปัจจุบันเป็นสัดส่วนแค่ 15% ของตลาดอี-คอมเมิร์ซทั้งหมด” จักรกฤษณ์กล่าว
เดอะมอลล์ วางเป้าหมาย 3 ปีจากนี้จะมีสัดส่วนรายได้อี-คอมเมิร์ซ 15% จากรายได้รวม และขึ้นเป็น 25% ภายใน 5 ปี ส่วนเม็ดเงินจะเท่ากับเท่าใดยังตอบยาก เพราะขึ้นอยู่กับฝั่งหน้าร้านออฟไลน์จะมีห้างฯ ใหม่ผุดขึ้นมากแค่ไหนใน 5 ปีข้างหน้า ยิ่งออฟไลน์โต ออนไลน์จะต้องโตตามให้ได้
การกลับมาอีกครั้งของ เดอะมอลล์ ออนไลน์
ศุภลักษณ์ยังเล่าถึงประสบการณ์ของเดอะมอลล์ในอดีตด้วยว่า เดอะมอลล์ไม่ได้มองข้ามธุรกิจอี-คอมเมิร์ซเพราะเคยทุ่มงบทำเว็บไซต์ขายออนไลน์มาแล้ว เริ่มจากปี 2554 เป็นเว็บไซต์ mods.co.th เน้นตลาดนิชมาร์เก็ต เช่น กลุ่มแฟชั่นนิสต้า ต่อมาปี 2555 ก็มีเว็บไซต์ mglobemall.com ซึ่งจับตลาดแมสมากขึ้น
“ตอนนั้นทำได้ปีสองปีก็ต้องเก็บ เพราะมันไม่ไหวจริงๆ รายได้ไม่พอจ่ายเงินเดือนพนักงานด้วยซ้ำ” ศุภลักษณ์กล่าว โดยยุคสมัยนั้นเดอะมอลล์อาจจะ ‘มาก่อนกาล’ สำหรับการขายออนไลน์
ส่วนการกลับมาในรอบนี้ เดอะมอลล์เริ่มโครงการค้าออนไลน์ขึ้นตั้งแต่ 18 เดือนก่อน หรือประมาณปลายปี 2562 และมาได้ COVID-19 เป็นตัวเร่งให้เข้าทางมากขึ้น เพราะภายในปี 2563 ปีเดียว อี-คอมเมิร์ซไทยโตพุ่งถึง 81% นับเป็นจังหวะที่ดี ตลาดตอบรับแล้ว
“เราจะบาลานซ์ทั้ง physical และ digital มันคือการทำ phygital คือเราไม่ทิ้งข้างใดข้างหนึ่ง เงินลงทุนศูนย์การค้ายังมีอยู่ แต่ออนไลน์คือโอกาสขยายไปต่างจังหวัดได้ทุกจังหวัด ทั่วประเทศจริงๆ” ศุภลักษณ์กล่าว