สถานการณ์ COVID-19 ในอินเดียกลับสู่ภาวะวิกฤต ล่าสุด มีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่ 103,558 คน ในรอบ 24 ชั่วโมง เป็นประเทศที่ 2 ของโลกตามหลังสหรัฐฯ ที่มีคนติดเชื้อเพิ่มวันละเป็นแสน ขณะที่หลายฝ่ายกังวลว่ากิจกรรมหาเสียงเลือกตั้งในช่วงนี้จะยิ่งทำให้ไวรัสแพร่กระจายเร็วขึ้นอีก
รัฐมหาราษฏระเป็นพื้นที่ที่ COVID-19 ระบาดหนักสุดในอินเดียพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 57,074 คน ในชั่วข้ามคืน ขณะที่โรงพยาบาลหลายแห่งเริ่มขาดแคลนเตียงที่จะรองรับผู้ป่วย
ยอดผู้ติดเชื้อรายวันในอินเดียเพิ่มขึ้นประมาณ 12 เท่าตัว หลังจากที่เคยแตะระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือนเมื่อต้นเดือนก.พ. ซึ่งทำให้ทางการเริ่มผ่อนปรนข้อจำกัดต่างๆ ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ก็เริ่มละเลยการสวมหน้ากากอนามัย และไม่มีการเว้นระยะห่างทางสังคม
จากสถิติล่าสุดนี้ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมของอินเดียเพิ่มมาอยู่ที่ 12.6 ล้านคน และยังคงเป็นที่ 3 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา (30.7 ล้านคน) และบราซิล (12.9 ล้านคน) ขณะที่ผู้เสียชีวิตก็เพิ่มขึ้น 478 ราย รวมยอดสะสม 165,101 ราย
อินเดียมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมากที่สุดในโลกตลอดช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดเชื่อว่า “ไวรัสกลายพันธุ์” ที่ติดต่อได้ง่ายกว่าเดิมน่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการระบาดใหญ่ระลอกที่ 2
ในขณะที่จำนวนผู้ป่วย COVID-19 พุ่งสูงขึ้นใน 10 กว่ารัฐทั่วอินเดีย แต่นักการเมืองและบรรดารัฐมนตรีก็ยังคงตระเวนหาเสียงเลือกตั้งตามพื้นที่ต่างๆ ท่ามกลางผู้สนับสนุนนับหมื่นคนที่มารวมตัวกันโดยไม่สวมหน้ากาก
ล่าสุด ทางการรัฐมหาราษฏระเตรียมสั่งปิดห้างสรรพสินค้า, โรงภาพยนตร์, บาร์, ร้านอาหาร และศาสนสถานต่างๆ ตั้งแต่เย็นวันที่ 5 เม.ย. และเตรียมใช้มาตรการล็อกดาวน์แบบเต็มขั้นในช่วงสุดสัปดาห์เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อ หลังมีคำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญว่าโรงพยาบาลในเมืองเล็กๆ เริ่มประสบปัญหาขาดแคลนเตียงสำหรับผู้ป่วยวิกฤต
อินเดียเป็นชาติผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ที่สุดของโลกได้เริ่มฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนของตนเองไปแล้วประมาณ 77 ล้านโดสตั้งแต่กลางเดือนม.ค. ซึ่งถือว่ามากเป็นอันดับ 3 ของโลกรองจากสหรัฐฯ และจีน
อย่างไรก็ตาม อินเดียยังมีสัดส่วนผู้รับวัคซีนต่อหัวประชากรต่ำมากเมื่อเทียบกับอีกหลายประเทศ โดยเฉพาะ “จีน” ซึ่งแม้จะมีประชากรเยอะกว่า แต่ก็เริ่มโครงการฉีดวัคซีนเร็วกว่ามาก นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี แห่งอินเดียได้มีการประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่เมื่อวานนี้ เพื่อหารือแนวทางที่จะเร่งการฉีดวัคซีนให้เร็วขึ้นอีก