เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา นำโดย พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ ประธานคณะกรรมาธิการฯ ร่วมกับ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เดินทางลงพื้นที่จังหวัดน่าน เพื่อติดตาม เร่งรัด เสนอแนะการปฏิรูปประเทศและการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ เป็นไปตามหน้าที่หนึ่งของสมาชิกวุฒิสภา ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 270
ในวันแรก คณะกรรมาธิการการเกษตรฯ เดินทางไปยังบ้านห้วยขาบ อำเภอบ่อเกลือ เพื่อศึกษาติดตามการปฏิรูปประเทศ ประเด็นทรัพยากรดิน ภายใต้แผนการปฏิรูปด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งกำหนดเป็น Big Rock เรื่องหนึ่งในแผนของคณะกรรมาธิการการเกษตรฯ โดยติดตามแผนการใช้ประโยชน์จากที่ดินของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่บ้านห้วยขาบที่เกิดดินโคลนถล่มทับบ้านเรือนประชาชนเสียหายอย่างหนักมีผู้เสียชีวิต 8 ราย เมื่อวันที่ 28กรกฎาคม 2561 ขณะนั้น พลเอก ฉัตรชัยฯ ดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรีได้บูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เช่น กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน) กองทัพบก และจังหวัดน่าน เป็นต้น ในการหาแนวทางช่วยเหลือและเยียวยาฟื้นฟูจิตใจผู้ประสบภัยนำมาซึ่งการสร้างที่อยู่อาศัยถาวร จำนวน 60 หลังคาเรือน สนับสนุนโดยไทยเบฟ พร้อมทั้งพัฒนาอาชีพให้กับชาวบ้านให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ และสร้างความเข้มแข็งของชุมชนโดยดำเนินการฝึกอบรมการจัดการภัยพิบัติให้กับชาวบ้านในการช่วยเหลือตนเองและช่วยเหลือชุมชนใกล้เคียงได้เมื่อเกิดภัยพิบัติในครั้งต่อไป
การดำเนินการดังกล่าวมีการดำเนินการอย่างเป็นระบบ จนกล่าวได้ว่า อาจใช้ชุมชนบ้านห้วยขาบ เป็นชุมชนตัวอย่างในการขยายผลไปยังพื้นที่อื่นเรื่องการใช้ประโยชน์จากที่ดิน ซึ่งปัจจุบันชุมชนบ้านห้วยขาบมีพื้นที่แยกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่อยู่อาศัยและส่วนที่ทำกิน กรรมาธิการการเกษตรฯ ได้แบ่งกลุ่มพูดคุยกับชาวบ้านและรับทราบความต้องการในการพัฒนา เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์มีการใช้ประโยชน์จากที่ดินอย่างคุ้มค่า และชาวบ้านได้รับประโยชน์อย่างสูงสุด ซึ่งกรรมาธิการการเกษตรฯ จะได้นำข้อมูลมาศึกษาวิเคราะห์และเสนอแนะต่อฝ่ายบริหารต่อไป
พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ ประธานคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา กล่าวถึงการลงพื้นที่ครั้งนี้ว่า
“ชาวบ้านได้ย้ายมาอาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ซึ่งเป็นพื้นที่ป่า กระทรวงทรัพยากรฯ จึงออกออกเอกสารสิทธิ์ให้ชาวบ้านมาใช้ประโยชน์ในที่ดินทำกินได้ สำหรับปัจจัยที่นำไปสู่ความสำเร็จในการสร้างชุมชนเข้มแข็ง คือ ความร่วมมือกันของทุกภาคส่วน กล่าวคือ ราชการได้จัดหาที่อยู่อาศัยให้ประชาชน พร้อมทั้งจัดหาที่ดินทำกิน โดยออกเอกสารสิทธิ์ให้ ภาคเอกชนสนับสนุนการก่อสร้างที่อยู่อาศัย และ ชาวบ้านได้มีส่วนร่วมในการก่อสร้าง วางแผน และออกแบบ นับเป็นการทำงานแบบบูรณาการร่วมกันทั้ง 3 ส่วน ได้แก่ ภาครัฐ เอกชน และประชาชน ถ้าเรานำโครงการนี้ไปขยายต่อให้เกิดความร่วมมืออย่างจริงจัง”
นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า
“หมู่บ้านห้วยขาบแห่งนี้เกิดจากการพัฒนาโดยการมีส่วนร่วมของชุมชนตั้งแต่แรกเริ่ม โดยอาศัยความร่วมมือในการบูรณาการระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยในส่วนของภาครัฐ จะเข้ามาดูแลในเรื่องระเบียบกฎหมายหรือข้อดำเนินการต่างๆ อะไรที่ภาครัฐทำไม่ได้เราได้รับการสนับสนุนจากเอกชน สำหรับแผนการพัฒนาหมู่บ้านห้วยขาบในอนาคต จะต่อยอดเป็นหมู่บ้านเพื่อการท่องเที่ยว และพัฒนาส่งเสริมอาชีพให้มีการรวมกลุ่มให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น ต่อยอดเรื่องการแปรรูปของชุมชนและการท่องเที่ยวในชุมชนให้มีความยั่งยืนและให้ชาวบ้านสามารถพึ่งพาตนเองได้”
นายประวิช สุขุม บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวในนามความร่วมมือของภาคเอกชนว่า
“จากวันแรกที่เราเดินทางมาที่บ้านห้วยขาบ เรารู้สึกได้ถึงความกังวลของชาวบ้าน แต่มาในวันนี้ ทุกคนมีความสดใสขึ้นมาก เราได้รับความกรุณาจาก ท่านพลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ ซึ่งท่านได้เป็นผู้ที่ริเริ่มโครงการนี้ตั้งแต่แรก ทำให้พวกเราชาวห้วยขาบมีวันนี้ได้ และสิ่งสำคัญที่เราเน้นย้ำมาตลอดในการช่วยเหลือคือ ต้องสร้างความยั่งยืนในชุมชน โดยให้พวกเราในชุมชนมีรายได้ มีโอกาสอย่างต่อเนื่อง ผมขอขอบคุณทุกภาคีเครือข่าย ที่ได้ร่วมกันทำให้เกิดวันนี้ขึ้นมา เราจะร่วมกันดูแลให้หมู่บ้านห้วยขาบแห่งนี้ให้มีความยั่งยืนอยู่ได้ต่อไปครับ”
นายธนวัฒน์ จรรมรัตน์ ผู้ใหญ่บ้านห้วยขาบ กล่าวในนามตัวแทนชาวชุมชนบ้านห้วยขาบ
“สิ่งที่ชุมชนได้รับ จากการมาเยี่ยมเยียนของคณะกรรมาธิการฯ ในวันนี้ คือ โอกาส ครับ เพราะที่ผ่านมา ชุมชนไม่เคยได้รับโอกาสที่ดีแบบนี้ ที่คณะฯ มาติดตาม มาให้กำลังใจ ชาวชุมชนดีใจที่ได้รับโอกาสตรงนี้ และจะนำองค์ความรู้ไปพัฒนาอาชีพของตนเอง และชุมชนต่อไปครับ”
ในวันที่สอง คณะกรรมาธิการการเกษตรฯ ได้ประชุมหารือกับส่วนราชการในจังหวัดน่าน เพื่อติดตามการปฏิรูปประเทศและยุทธศาสตร์ชาติระดับจังหวัดในส่วนที่กรรมาธิการการเกษตรฯ กำหนดเป็น Big Rock 6 เรื่อง คือ (1) การพัฒนาแหล่งน้ำและการชลประทานเพื่อการเกษตร (2) ทรัพยากรดิน (3) การส่งเสริม Smart Farmer และ Precision Farming (4) การสร้างและการใช้ Big Data ภาคเกษตร (5) การพัฒนาความเข้มแข็งสหกรณ์ภาคเกษตร และ (6) การส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรสร้างมูลค่า เพื่อรับทราบว่าระดับจังหวัดมีแผนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวอย่างไร การประสานสอดคล้องกับแผนระดับกระทรวง ความก้าวหน้าในการดำเนินงานตามแผน งบประมาณดำเนินการ ปัญหาอุปสรรค เป็นต้น ซึ่งกรรมาธิการการเกษตรฯ กำหนดลงพื้นที่ให้ครบทุกภาคของประเทศ และมีแผนตั้งคณะทำงานพิจารณาศึกษาเพื่อเสนอแนะให้กับฝ่ายบริหาร เพื่อดำเนินการด้านการปฏิรูปประเทศและยุทธศาสตร์ชาติให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้