ถึงแม้ว่ารายงานรายได้ช่วงไตรมาสแรกปี 2021 ของ ‘เน็ตฟลิกซ์’ (Netflix) จะออกมาเป็นที่น่าพอใจ แต่หุ้นก็ยังตกลงถึง 11% เพราะสิ่งที่ไม่โตตามรายได้ก็คือ ‘ผู้ใช้’ ซึ่งก็เป็นผลมาจากคอนเทนต์ใหม่ ๆ ที่ลดลงเนื่องจาก COVID-19 ที่ทำให้การผลิตล่าช้าไป
จำนวนสมัครสมาชิกใหม่ของเน็ตฟลิกซ์ในไตรมาสแรกของปีนั้นชะลอตัวลง เนื่องจากบริษัทมีคอนเทนต์ใหม่ ๆ น้อยลงเนื่องจากการผลิตที่ล่าช้าไป 1 ปี โดยจากที่คาดว่าผู้ใช้จะเพิ่มเป็น 210 ล้านราย แต่บริษัทมีสมาชิกแบบชำระเงิน 208 ล้านรายทั่วโลก เพิ่มขึ้นจาก 204 ล้านรายในไตรมาสที่แล้ว ซึ่งถือว่าชะลอตัวลงอย่างมากเมื่อเทียบกับการเติบโตในปีที่ผ่านมา ซึ่งมีสมาชิกใหม่ถึง 4 เท่า
ดังนั้น แม้ว่ารายได้ของเน็ตฟลิกซ์จะเติบโต 24% ปิดที่ 224,000 ล้านบาท มีกำไร 53,415 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 140% แต่หุ้นของบริษัทยังลดลงประมาณ 11% ทำให้มูลค่าบริษัทลดลงถึง 7.8 แสนล้านบาท
“การเติบโตที่ก้าวกระโดดในปีที่ผ่านมาไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะมีการระบาดของ COVID-19 เป็นปัจจัยให้ทุกคนอยู่ติดบ้านและกำลังมองหาคอนเทนต์ดู แต่การแพร่ระบาดยังทำให้การผลิตรายการและภาพยนตร์ล่าช้าซึ่งนำไปสู่ปัญหาขาดคอนเทนต์แข็ง ๆ ที่จะมัดใจผู้ใช้ในช่วงครึ่งปีแรก”
อย่างไรก็ตาม เน็ตฟลิกซ์เชื่อว่าการเติบโตในไตรมาส 2 ก็จะยังชะลอตัว โดยคาดว่าจะมีผู้ใช้ใหม่เพียง 1 ล้านคน จากปี 2020 ที่เติบโตถึง 10 ล้านคน แต่ในช่วงครึ่งปีหลังเน็ตฟลิกซ์มั่นใจว่าจะมีคอนเทนต์แข็ง ๆ ไว้ดึงดูดผู้ใช้มากขึ้น อาทิ ซีรีส์ The Witcher ซีซั่น 2 ที่จะช่วงดึงดูดผู้ใช้ใหม่กลับมา
“คอนเทนต์ช่วงครึ่งหลังที่แข็งแกร่งมากจะช่วยเพิ่มการสมัครสมาชิก อย่างไตรมาส 2 นี้จะมีซีรีส์ Bridgerton , Lupin และCobra Kai”
ไม่ใช่แค่ปัญหาเรื่องคอนเทนต์ แต่ยังต้องเผชิญกับการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น HBO Max ที่มี ‘Justice league snyder cut’ และ ‘Disney+’ ที่มีจักรวาล Marvel และ Star wars เป็นแม่เหล็กดึงดูด แน่นอนว่าจากนี้ไปเน็ตฟลิกซ์ต้องเจอกับศึกหนักแน่นอน ดังนั้นคงต้องมาดูกันว่าเน็ตฟลิกซ์จะมีคอนเทนต์ระดับแม่เหล็กเพียงพอที่จะรอให้ทันกับการเติบโตในอนาคตไหม