“อเมริกา” สั่งวัคซีนจอห์นสันแปะฉลากเตือนข้างขวด แก้ปัญหา “เกิดลิ่มเลือดอุดตัน”

vaccine Johnson
Photo : Shutterstock
CDC สหรัฐฯ ล่าสุดยกเลิกการสั่งห้ามใช้วัคซีนจอห์นสันแล้ว และประกาศวัคซีนสามารถถูกนำกลับมาใช้ได้ใหม่ในวันเสาร์ที่ 24 เม.ย. หลังจากที่ทางผู้กำกับสหรัฐฯ สามารถตกลงแก้ปัญหาเรื่องความเสี่ยงการเกิดลิ่มเลือดอุดตันกับบริษัทได้ด้วการทำฉลากเตือนแปะข้างขวด

CNN สื่อสหรัฐฯ รายงานเมื่อวานนี้ว่า ศูนย์การป้องกันโรคและการป้องกันสหรัฐฯ CDC รวมไปถึงองค์การอาหาร และยาสหรัฐฯ FDA ต่างยกเลิกคำสั่งระงับการใช้วัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันชั่วคราว โดยวัคซีน COVID-19 ประสิทธิภาพ 1 โดสของตลาดเพียงตัวเดียวนี้สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่อีกครั้งในวันเสาร์ที่ 24 เม.ย. ที่สหรัฐฯ

โดยทางหน่วยงานทั้งสองเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเกิดขึ้นหลังการออกเสียงของทางคณะกรรมาธิการที่ปรึกษาด้านภูมิคุ้มกัน ACIP ที่เปิดไฟเขียวให้สามารถนำวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันกลับมาฉีดได้อีกครั้ง

“ทางเราสรุปว่าประโยชน์สำคัญที่สุดซึ่งเป็นที่ประจักษ์ของวัคซีน COVID-19 จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันนั้นมีความเหนือกว่าต่อความเสี่ยงซึ่งเป็นที่รับรู้เกิดขึ้นต่อบุคคลอยุ 18 ปีขึ้นไป” รักษาการผู้อำนวยการ FDA ดร. แจเนต วู๊ดค็อก (Janet Woodcock)

และเสริมต่อว่า “ทางเราเชื่อมั่นว่า วัคซีนตัวนี้ยังคงเป็นไปตามมาตรฐานของเราในด้านความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และคุณภาพ ทางเราขอแนะนำให้ใครก็ตามที่มีคำถามเกี่ยวกับวัคซีน ว่าวัคซีนตัวนี้สามารถได้รับอย่างปลอดภัยหรือไม่ให้ทำการปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของตัวเอง”

Photo : Shutterstock

ขณะที่ CDC นั้นพบว่าได้ออกคำสั่งยกเลิกใช้วัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันในวันศุกร์ที่ 23 เม.ย. โดยทางคณะกรรมการ ACIP แสดงความวิตกว่า การที่นำวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันออกไปจากพูลวัคซีน COVID-19 ทั้งหมดที่มีอยู่ในประเทศ 3 แบรนด์ในเวลานี้ จะทำให้โครงการแจกวัคซีนให้กับประชาชนชาวอเมริกันทุกคนต้องล่าช้าออกไป

อีกทั้งทาง ACIP ยังชี้ให้เห็นว่า การที่วัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันมีจุดเด่นที่ไม่จำเป็นต้องเก็บในตู้เย็นพิเศษและมีขนาดแค่ 1 โดส ทำให้เป็นที่ต้องการของคนจำนวนมากที่ไม่ต้องวิตกว่าจะลืมกลับมารับอีกในโดสที่ 2 หรือในกลุ่มประชาชนที่ประสบปัญหายากลำบากในการจองตารางการฉีดให้กับตัวเอง

CNN รายงานว่า สำหรับการวิเคราะห์ความเสี่ยงของวัคซีนที่เกี่ยวกับปัญหาลิ่มเลือดอุดตัน โดยทาง CDC พบว่า มีเคสการเกิดทั้งหมด 15 เคสซึ่งเป็นรายที่หาได้ยากซึ่งเรียกว่า ภาวะลิ่มเลือดคั่งในหลอดเลือดดำ (thrombosis) ที่มาพร้อมกับ ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (thrombocytopenia syndrome ) หรือ TTS และส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ในกลุ่มผู้ที่ได้รับวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เป็นปัญหาที่คล้ายกับที่พบในวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าของอังกฤษ

โดยในการวิเคราะห์เชิงลึกพบว่า น่าจะมีความเกี่ยวข้องกันแต่ทว่าความเสี่ยงยังคงอยู่ในระดับต่ำมาก โดยมีอัตราเฉลี่ยที่จะสามารถเกิดได้ 1.9 เคส/ประชากร 1 ล้านคน และในระหว่างกลุ่มสตรีระหว่างอายุ 18-49 ปี พบได้ราว 7 เคส/ทุก 1 ล้านคน ส่วนในกลุ่มผู้หญิงอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปอัตราเฉลี่ยที่จะเกิดจะเหลือแค่ 0.9 เคส/ทุก 1 ล้านคน

Photo : Shutterstock

ทั้งนี้ ในกลุ่ม 15 คนที่เกิดปัญหาลิ่มเลือดอุดตันในสหรัฐฯ จากวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันนั้น พบว่า 13 คน เป็นสตรีอายุต่ำกว่า 50 ปี โดยทางคณะกรรมการ ACIP ได้หารือให้มีการให้คำแนะนำคนกลุ่มนี้เป็นพิเศษต่อความเสี่ยง แต่ในท้ายที่สุดไม่มีการโหวตในเรื่องนี้เกิดขึ้นในที่ประชุม

และสำหรับในการปัญหาลิ่มเลือดอุดตันในกลุ่มชายอเมริกันไม่ได้มีการเอ่ยถึงในเรื่องนี้ ซึ่งสำหรับประโยชน์ของวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน พบว่า วัคซีนทุก 1 ล้านโดส สามารถป้องกันผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล 650 คน และเสียชีวิต 12 คนในกลุ่มผู้หญิงอายุ 18-49 ปี และวัคซีนยังสามารถป้องกันผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลกว่า 4,700 คนและเกือบ 600 คนในกลุ่มผู้หญิงอายุเกิน 50 ปี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงคุณประโยชน์ของวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันในสหรัฐฯ ได้เป็นอย่างดี CDC สหรัฐฯ แถลง

สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า บริษัทยาจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ออกมาระบุก่อนหน้าว่า ทางบริษัทตกลงในข้อความเตือนที่จะถูกเพิ่มขึ้นบนฉลาก ที่จะแสดงเตือนให้เห็นถึงความเสี่ยงเกี่ยวกับภาวะเลือดร่วมกับกรณีเกิดลิ่มเลือดอุดตัน

Source