บิวตี้กลับมาบวก! “ลอรีอัล” ยอดขายไตรมาสแรกโต 10.2% ได้แรงหนุนจากจีน-ออนไลน์

Photo : Shutterstock
ลอรีอัล กรุ๊ป ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2564 โดยมียอดขายมูลค่า 7,610 ล้านยูโร เติบโต 10.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ธุรกิจอีคอมเมิร์ซมีการขยายตัว 47.2% โดยคิดเป็นสัดส่วน 26.8% ของยอดขาย

แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ ผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง และผลิตภัณฑ์เวชสำอางมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น โดยธุรกิจทุกแผนกดังกล่าวขยายตัวขึ้นในอัตราเลข 2 หลัก แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพมีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัดในประเทศต่างๆ ทั่วโลก

ขณะที่การขยายตัวของแผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงขับเคลื่อนด้วยความสำเร็จจากแบรนด์สกินแคร์ต่างๆ โดยเฉพาะลังโคม คีลส์ และเฮเลน่า รูบินสไตน์ ส่วนผลิตภัณฑ์เวชสำอางยังคงต่อยอดการเติบโตที่แข็งแกร่งในปีที่แล้ว ขณะที่ผลิตภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภคก็มีความเสถียรภาพ แต่ยังถูกฉุดรั้งจากกลุ่มผลิตภัณฑ์เมคอัพซึ่งยังคงซบเซาอยู่

ทุกภูมิภาคมียอดขายที่สูงขึ้น ยกเว้นยุโรปตะวันตกที่ยังได้รับผลกระทบจากมาตรการที่เกี่ยวพันกับวิกฤตด้านสุขภาพ โดยอเมริกาเหนือมีผลการดำเนินงานยอดเยี่ยมทั้งส่วนออนไลน์ และออฟไลน์ และทุกโซนในตลาดใหม่มียอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 10%

โดยเฉพาะในโซนเอเชียแปซิฟิก ที่กลับมาเติบโตได้เทียบเท่ากับอัตราการขยายตัวในช่วงระยะเวลาก่อนที่จะเกิดโรคระบาด ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงมาก โดยได้แรงสนับสนุนอย่างชัดเจนที่สุดจากตลาดจีนที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว

ฌอง-ปอล แอกง ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของลอรีอัล กล่าวว่า

“ในขณะที่สถานการณ COVID-19 มีพัฒนาการดีขึ้นอย่างมากเนื่องจากโครงการฉีดวัคซีนนั้น ด้วยพันธสัญญา และความมุ่งมั่นของทีมงานของลอรีอัลจากทั่วทุกมุมโลก เราจึงมีกำลังใจในการต่อสู้เพื่อเติบโตธุรกิจ เราเน้นให้ความสำคัญกับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ และการลงทุนในปัจจัยที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของแบรนด์ต่างๆ เราจึงเชื่อมั่นในความสามารถของบริษัทที่จะเติบโตอย่างโดดเด่นเหนือกว่าตลาด รวมทั้งการมียอดขายและผลกำไรที่เพิ่มขึ้นอีกปี”

ข้อมูลสรุปโดยแบ่งตามแผนกธุรกิจ

  • ผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพมียอดขายเพิ่มขึ้น 21.0%
  • ผลิตภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภคมียอดขายลดลง 0.7%
  • ผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงมียอดขายเพิ่มขึ้น 14.6%
  • ผลิตภัณฑ์เวชสำอางมียอดขายโตขึ้น 28.7%

ข้อมูลสรุปโดยแบ่งตามโซนภูมิภาค

  • โซนยุโรปตะวันตกมียอดขายลดลง 2.4%
  • โซนอเมริกาเหนือมียอดขายเพิ่มขึ้น 6.3%
  • โซนตลาดใหม่
    • เอเชียแปซิฟิกมียอดขายเพิ่มขึ้น 23.8%
    • จีนมียอดขายเพิ่มขึ้น 37.9%
    • ละตินอเมริกามียอดขายเพิ่มขึ้น 15.1%
    • ยุโรปตะวันออกมียอดขายเพิ่มขึ้น 10.7%
    • แอฟริกาและตะวันออกกลางมียอดขายเพิ่มขึ้น 12.7%