Alibaba ปรับสูตร! งดขึ้นเงินเดือนผู้บริหาร อัดฉีดพนักงานจูเนียร์แทน

เปิดกระบวนท่าคัมภีร์บริหารคนบทล่าสุดของ Alibaba ข่าวจากวงในระบุว่าผู้บริหารระดับสูงของ Alibaba เพียงไม่กี่รายเท่านั้นที่ได้รับค่าเหนื่อยเพิ่มขึ้นในปีนี้ แม้ว่ายักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซของจีนจะขึ้นชื่อมากเรื่องการขึ้นเงินเดือนมาตลอดก็ตาม

การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ Alibaba เกิดวิกฤติ ตามรายงานของ Reuters ชี้ว่านโยบายงดขึ้นเงินเดือนผู้บริหาร แล้วแทนด้วยการอัดฉีดเงินให้พนักงานรุ่นจูเนียร์มากขึ้นนั้นเกิดขึ้นเมื่อรัฐบาลจีนพยายามลดอำนาจของ Alibaba ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีในแดนมังกร ที่ผ่านมา Alibaba รู้สึกได้ชัดถึงการถูกรัฐบาลจับตามองอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะค่าปรับเกือบหมื่นล้านหยวนที่ Alibaba ต้องจ่ายฐานต่อต้านการผูกขาด ในคดีที่เพิ่งเริ่มการสอบสวนไปช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา

แหล่งข่าวของ Reuters ย้ำว่าปกติแล้ว ค่าตอบแทนที่ผู้บริหาร Alibaba ได้รับมักจะมีทั้งการขึ้นค่าจ้างปีละ 10% โดยเฉลี่ย บวกกับการเพิ่มแรงจูงใจด้วยหุ้นของบริษัท แต่ทุกสิ่งกำลังเปลี่ยนไป ท่ามกลางการยืนยันจาก Alibaba ที่มั่นใจว่าบริษัทยังคงมีระบบการจ่ายผลตอบแทนที่แข็งแกร่ง และสามารถแข่งขันกับบริษัทอื่นในการดึงดูดคนเก่งมีฝีมือไว้ได้

ลำดับความสำคัญใหม่

แม้จะไม่มีคำอธิบายแบบตรงไปตรงมาจาก Alibaba แต่สื่อวิเคราะห์ว่ายักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซจากเมืองหางโจวตัดสินใจเปลี่ยนนโยบายหันมาเพิ่มเงินเดือนให้พนักงานรุ่นเยาว์มากขึ้นเพราะต้องพยายามรักษาพนักงานไว้ เป็นการจัดลำดับความสำคัญใหม่ท่ามกลางการควบคุมด้านกฎระเบียบที่บริษัทต้องรับมือให้ได้

ผลคือผู้บริหารระดับสูงหลายร้อยคนของ Alibaba จะไม่มีสิทธิ์ได้รับการปรับขึ้นเงินเดือนในปีนี้ เว้นแต่ว่าจะท็อปฟอร์ม หรือผลงานดีเป็นพิเศษ ผิดกับพนักงานระดับจูเนียร์ที่ Alibaba ได้เสนอตัวเลขขึ้นค่าเหนื่อยจำนวนมาก นโยบายนี้ถูกปรับมาเพื่อให้ Alibaba ไม่พบภาวะสมองไหลในวันที่บริษัทกลายเป็นจุดโฟกัสของการปราบปราม ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลจีนมองว่า Alibaba เป็นบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่และทรงพลังที่ไม่เพียงครองตลาด แต่สามารถควบคุมความคิดเห็นของสาธารณชน

ในแถลงการณ์ Alibaba ไม่ได้แสดงความคิดเห็นโดยตรงเกี่ยวกับการงดขึ้นค่าเหนื่อยผู้บริหาร แต่กล่าวเพียงว่า Talent หรือคนที่มีความสามารถ คือทรัพย์สินที่สำคัญที่สุดของ Alibaba Group ก่อนจะยืนยันว่าบริษัทมีระบบการจ่ายผลตอบแทนที่แข็งแกร่งและสามารถแข่งขันได้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการปรับ priority ของ Alibaba Group ในการดูแล Talent รุ่นต่อไปของบริษัท

นโยบายใหม่ถูกมองว่ามีความจำเป็นต่อ Alibaba ในยุคที่ยากลำบาก ก่อนหน้านี้ Alibaba เป็นที่รู้จักกันดีในไทยและอีกหลายประเทศทั่วโลกเรื่องการสร้างสรรค์ฤดูช้อปปิ้งวันคนโสดซึ่งในปี 2020 ที่ผ่านมามียอดขายแตะหลัก 1 แสนล้านดอลลาร์ วันนี้บริษัทที่แจ็ค หม่าก่อตั้งขึ้นมามีมูลค่าหุ้นสูง 232.09 ดอลลาร์ต่อหุ้น ลดลง 2.09 ดอลลาร์หรือ 0.89% ต่อหุ้นในการซื้อขายวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา

เรียกความมั่นใจ

มูลค่าหุ้นที่ร่วงลงสะท้อนว่านักลงทุนไม่มั่นใจใน Alibaba ซึ่งต้องเผชิญกับตลาดที่กว้างขึ้นแต่มีความเสี่ยง ปัจจุบัน Alibaba ดำเนินธุรกิจตั้งแต่อีคอมเมิร์ซไปจนถึงคลาวด์คอมพิวติ้ง ครอบคลุมทั้งโลจิสติกส์ และบริการด้านความบันเทิงจนมีพนักงานมากกว่า 252,000 คน (สถิติปี 2020) ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีการประเมินตัวเลขเงินเดือนขึ้นสำหรับพนักงานส่วนใหญ่ในเดือนเมษายน

Alibaba จึงต้องพยายามรักษาพนักงานมือดีที่อยู่ในระดับปฏิบัติการไว้ให้มากที่สุด เพื่อให้สามารถเป็นองค์กรที่มีนวัตกรรมจับต้องได้แม้อาณาจักรธุรกิจของ Alibaba จะถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดในประเทศจีน ซึ่งที่ผ่านมา สื่อสากลอย่าง Fast Company ยังเคยยกให้ Alibaba เป็นบริษัทที่มีนวัตกรรมมากที่สุดเกิน 9 ครั้งตั้งแต่ปี 2008 และได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 สถานที่ทำงานที่ดีที่สุดสำหรับนักสร้างสรรค์นวัตกรรมประจำปี 2020 ด้วย

สำหรับการตรวจสอบ Alibaba นั้น เริ่มเห็นชัดขึ้นนับตั้งแต่ที่แจ็ค หม่า มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งบริษัทออกมาวิจารณ์ระบบการกำกับดูแลของประเทศในเดือนตุลาคม 2020 ไม่นาน Alibaba ก็ถูกปรับเป็นเงินสูงในประวัติการณ์คือ 1.8 หมื่นล้านหยวน (ราว 8.6 หมื่นล้านบาท) เมื่อต้นเดือนเมษายน หลังจากการสอบสวนต่อต้านการผูกขาดพบว่า ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซใช้ตำแหน่งทางการตลาดที่โดดเด่นในทางที่ผิดมาเป็นเวลาหลายปี

ไม่ใช่ Alibaba รายเดียวที่อยู่ในภาวะต้องปรับนโยบายเพื่อรักษาตัวในภาวะวิกฤติ เพราะเมื่อเร็ว นี้ หน่วยงานกำกับดูแลตลาดแห่งประเทศจีนได้มุ่งเป้าไปที่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีขนาดใหญ่รายอื่นของจีนเช่นกัน ไม่แน่ ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีจีนรายอื่นอาจต้องเปลี่ยนนโยบายจัดการบุคลากรเพื่อให้อยู่รอดในลักษณะเดียวกัน เพื่อให้สามารถรักษาความเป็นองค์กรสุดเจ๋งให้ได้ต่อไป.

ที่มา