STGT ยืนยันมีมาตรการเข้มงวดทุกขั้นตอนการผลิตถุงมือยาง ให้ความมั่นใจแก่ผู้บริโภค ย้ำสินค้ามีคุณภาพมาตรฐาน และมีสต๊อกสินค้าส่งมอบเพียงพอไม่มีปัญหาขาดแคลน

บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) หรือ STGT ให้ความมั่นใจด้านความปลอดภัยสินค้าถุงมือยางแก่ผู้บริโภค วางมาตรการคุมเข้มด้านสุขอนามัยและความสะอาดทุกขั้นตอน ทั้งก่อนเข้าโรงงาน กระบวนการผลิต บรรจุหีบห่อ ก่อนจัดส่ง ยกระดับความถี่การฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อภายในโรงงานและชุมชนโดยรอบ ย้ำมีสต๊อกสินค้าเพียงพอไม่มีปัญหาขาดแคลน เน้นย้ำโรงงานจังหวัดตรังพร้อมให้ความร่วมมือทางจังหวัด สาธารณสุขจังหวัดและหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงดูแลรับผิดชอบสวัสดิการแก่พนักงานในช่วงกักตัว ส่วนโรงงานสุราษฎร์ธานีคาดพร้อมกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้งไม่เกินช่วงต้นสัปดาห์หน้า

นางสาวจริญญา จิโรจน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายถุงมือยางธรรมชาติและถุงมือยางไนไตรล์รายใหญ่ของโลก เปิดเผยว่า จากกรณีพบพนักงานรายวันในโรงงานจังหวัดตรังและโรงงานจังหวัดสุราษฎร์ธานีติดเชื้อ COVID-19 บริษัทฯ ขอให้ความมั่นใจด้านความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ถุงมือยางกับผู้บริโภค โดยบริษัทฯ ได้ดำเนินมาตรการด้านสุขอนามัยและความสะอาดอย่างเข้มงวดในทุกขั้นตอนการผลิตภายในโรงงานตามมาตรฐาน เพิ่มความถี่ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อภายในโรงงานและชุมชนโดยรอบ เพื่อส่งมอบสินค้าที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ  นอกจากนี้บริษัทฯ ได้รับการรับรองมาตรฐาน ได้แก่ ISO13485, ISO9001, ISO22000 (Food Safety) & HACCP, Thai GMP และฮาลาล ซึ่งเป็นสิ่งยืนยันถึงมาตรฐานระดับสากล

สำหรับการวางมาตรการด้านสุขอนามัยและมาตรการความสะอาด บริษัทฯ ให้ความสำคัญในทุกขั้นตอน โดยก่อนเข้าภายในโรงงานและไลน์การผลิต พนักงานทุกคนต้องผ่านการคัดกรองต่างๆ อาทิ การตรวจวัดอุณหภูมิและฉีดพ่นแอลกอฮอล์, สวมใส่หน้ากากอนามัย, ล้างมือด้วยสบู่และแช่น้ำยาฆ่าเชื้อ, สวมเสื้อคลุมและหมวกคลุมผม ฯลฯ เพื่อป้องกันสิ่งปนเปื้อนและในระหว่างการปฏิบัติงานจะมีการสเปรย์แอลกอฮอลล์แก่พนักงานเป็นระยะๆ ตลอดช่วงการปฏิบัติงาน นอกจากนี้ในกระบวนการผลิตถุงมือยางจะใช้ระบบอัตโนมัติแบบต่อเนื่องและเป็นกระบวนการผลิตที่ผ่านความร้อนในระดับสูง รวมถึงมีระบบการทำความสะอาดตามมาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice)

ส่วนในกระบวนการบรรจุหีบห่อ พนักงานต้องใส่ชุดและอุปกรณ์ตามมาตรฐาน GMP ล้างมือและแช่น้ำยาฆ่าเชื้อก่อนเข้าพื้นที่ ใช้แอลกอฮอลล์ทุกครั้งก่อนบรรจุสินค้า โดยจะไม่มีการสัมผัสกับสินค้าโดยตรงและมีการสุ่มตรวจหาเชื้อในผลิตภัณฑ์ ฉีดสเปรย์แอลกอฮอลล์เป็นระยะๆ ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ พนักงานสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ทำความสะอาดพื้นที่ก่อนเริ่มปฏิบัติงานและระหว่างการปฏิบัติงานเพื่อป้องกันสารปนเปื้อน โดยผลิตภัณฑ์จะถูกบรรจุในกล่องอย่างมิดชิด ส่วนในกระบวนการจัดส่ง มีการตรวจสอบคุณภาพตามมาตรฐานสากล ควบคุมพื้นที่จัดเก็บสินค้าและพนักงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องปฏิบัติมาตรฐาน GMP และสุขอนามัยที่ดี

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ยกระดับมาตรการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อพื้นที่ภายในโรงงานและชุมชนโดยรอบโรงงาน เช่น ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในโรงอาหารทุกวัน จากเดิมทุก 3 วัน บ้านพักพนักงานและชุมชนโดยรอบโรงงาน ทุก 3 วัน จากเดิมทุก 7 วัน และชุมชนโดยรอบทุก 3 วัน จากเดิมทุก 7 วัน, เพิ่มแม่บ้านทำความสะอาดโรงงานตลอดทั้งวัน, จัดทำตู้อุโมงค์ฆ่าเชื้อ 5 จุด บริเวณทางเข้าโรงงานและบ้านพัก, ติดตั้งเครื่องอบโอโซนเพิ่มฆ่าเชื้อในห้องประชุมและสำนักงานทุกวัน

ส่วนในด้านพนักงานได้วางมาตรการเพิ่มเติม ได้แก่ 1.ตรวจคัดกรองอาการเบื้องต้น ได้แก่ ไข้ ไอแห้ง เจ็บคอตาแดงและผื่นตามตัว หากพบอาการให้หยุดปฏิบัติงานทันที 2.จัดเตรียมมาตรการลดความหนาแน่น โดยสลับวันหยุดพนักงาน จัดเวลาทำงานแบบเหลื่อมล้ำกัน 3.ซัพพลายเออร์จากต่างจังหวัดจะต้องมีผลตรวจโควิดเป็นลบก่อนเข้าโรงงานเพื่อส่งมอบสินค้า 4.ตรวจหาเชื้อ COVID-19 พนักงานใหม่ทุกคน 5. สัมภาษณ์งานผ่านระบบออนไลน์ 6.อาคารพยาบาลจะเปิดให้บริการเฉพาะกรณีฉุกเฉิน ดังนั้นขอให้ลูกค้าและผู้บริโภคทุกคนมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ถุงมือยางของบริษัทฯ มีความปลอดภัยอย่างแน่นอน

อีกทั้งหลังพบพนักงานติดเชื้อ โรงงานจังหวัดตรัง บริษัทฯได้ประสานงานและให้ความร่วมมือกับจังหวัด สาธารณสุขจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ โดยเร่งตรวจหาเชื้อพนักงานโรงงานตรังทุกคน ดำเนินการกักตัวพนักงานกลุ่มเสี่ยงที่ตรวจไม่พบเชื้อและตรวจหาเชื้อบุคคลในครอบครัว  เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดให้อยู่ในวงจำกัด ลดผลกระทบที่จะเกิดกับชุมชน และเร่งแก้ไขสถานการณ์ให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว

บริษัทฯ ได้วางแนวทางดูแลพนักงานโรงงานในช่วงกักตัวทุกคน โดยเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายและดูแลสวัสดิการต่างๆ เช่น อาหาร น้ำดื่ม ค่าที่พัก เป็นต้น ซึ่งแบ่งการกักตัวเป็น 2 ส่วน พนักงานที่กักตัวภายในโรงงาน และแบ่งพนักงานอีกส่วนหนึ่งกักตัวในโรงแรมที่อยู่พื้นที่ใกล้เคียงโรงงานเพื่อลดความแออัดภายในพื้นที่  โดยหากพนักงานที่ทราบผลว่าติดเชื้อในระหว่างการกักตัว บริษัทฯ จะประสานสาธารณสุขจังหวัดเพื่อส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลและทำความสะอาดฆ่าเชื้อพื้นที่พักอาศัยทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยด้านสุขอนามัย

ส่วนโรงงานสุราษฎร์ธานีคาดว่าพร้อมกลับมาดำเนินการผลิตอีกครั้งภายใต้ช่วงต้นสัปดาห์หน้า หลังจากได้ดำเนินการตามมาตรการต่างๆ ในด้านสุขอนามัยและความสะอาด พร้อมทั้งตรวจหาเชื้อพนักงานในโรงงานสุราษฎร์ฯ ทั้งหมดแล้ว

นางสาวจริญญา กล่าวย้ำว่า “แม้บริษัทฯ หยุดการผลิตโรงงานตรังและโรงงานสุราษฎร์ธานีเป็นการชั่วคราว เพื่อดำเนินการฆ่าเชื้อพื้นที่ต่างๆ และตรวจหาเชื้อ COVID-19 พนักงานทุกคน เพื่อความปลอดภัยและสุขภาพพลานามัยของพนักงานเป็นสำคัญ บริษัทฯ ขอให้ความมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาสินค้าถุงมือยางขาดตลาดสำหรับตลาดไทย โดยทางบริษัทฯ ได้มีแผนการส่งมอบให้กับลูกค้าภายในประเทศในอัตราที่สูงกว่าในอดีตที่ผ่านมา มีสินค้ามากเพียงพอในท้องตลาด เพื่อป้องกันการฉกฉวยโอกาสขึ้นราคาจากสถานการณ์ในช่วงระยะเวลานี้ และรักษาราคาสินค้าอยู่ในระดับที่เหมาะสม เป็นธรรม โดยได้จัดสรรคำสั่งซื้อสินค้าบางส่วนไปผลิตยังโรงงานหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เพื่อผลิตสินค้ารองรับการจำหน่ายในประเทศและส่งออกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการผลิตสินค้าเพื่อรองรับความต้องการใช้ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดระลอกใหม่”