Fiore พลังสวยหวาน

สองปีที่ผ่านมาต้องยกให้เป็นปีทองของเครื่องสำอางที่สวิตช์ไปหากลุ่มผู้ชาย กลายเป็นเซ็กเมนต์ใหม่ของเครื่องสำอางที่เติบโตและสร้างรายได้สวยงามเหนือคาดหมาย ดังนั้นคงไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไปแล้ว ถ้าสินค้าที่ใครต่อใครมองว่าเป็นสินค้าของผู้ชายจะพุ่งเข้ามาจับกลุ่มผู้หญิงตรงๆ ดูบ้าง เหมือนกับที่ค่ายยามาฮ่าส่ง “Fiore” น้องสาวของ “ฟีโน่” ลงตลาดมอเตอร์ไซค์ออโตเมติก โดยประกาศกันโต้งๆ เลยว่า นี่คือมอเตอร์สำหรับผู้หญิ๊ง…ผู้หญิง

การที่อยู่ๆ สินค้าชนิดหนึ่งจะออกมาแตกเซ็กเมนต์ใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สำหรับสินค้าชิ้นใหญ่อย่างมอเตอร์ไซค์ เบื้องหลังการเปิดเซ็กเมนต์ใหม่ในตลาดครั้งนี้มีเบื้องหลังที่ยามาฮ่ามั่นใจแล้วว่า ไม่เพียงแค่มีตลาดจริงดังที่คิด แต่การทำอะไรที่แตกต่างแบบสุดขั้วยังเป็นการเสริมให้เกิดแรงดึงดูดที่แรงพอจะกระชากใจตลาดและทำให้คู่แข่งต้องจับตาและปรับเกมรับตลาดใหม่นี้ไปพร้อมกัน

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ใช้ฤกษ์วันที่ 2 ธันวาคม 2553 เปิดตัวฟีโอเร่ มอเตอร์ไซค์ระบบออโตเมติก หัวฉีดคันแรกกับสาธารณชน เพื่อต้องการให้สินค้าใหม่นี้เป็นตัวเลือกใหม่สำหรับช่วงเทศกาลการจับจ่ายซื้อสินค้าชิ้นใหญ่ตั้งแต่ช่วยปลายปีถึงเดือนมีนาคมซึ่งควบไปได้หลายเทศกาล ไปจนถึงช่วงก่อนเปิดภาคเรียนใหม่ของบรรดานักเรียนนักศึกษาซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญด้วย

การทำตลาดแบบยามาฮ่า สิ่งหนึ่งที่คาดหวังได้เสมอคือ การทำตลาดมอเตอร์ไซค์แต่ละรุ่นมักจะมาเป็นซีรี่ส์เสมอ ไม่มีการจุดพลุเปรี้ยงเดียวแล้วหายไป แต่จะมีกิจกรรมการตลาดต่อเนื่องจนบรรลุเป้าหมาย ดังนั้นเมื่อบริษัทถึงกับประกาศเซ็กเมนต์ใหม่ด้วยการเป็นเจ้าแรกที่เปิดตลาดมอเตอร์ไซค์สำหรับผู้หญิงในไทยทั้งที เบื้องหลังและสเต็ปต่อจากนี้จึงมีการวางกลยุทธ์มาแล้วอย่างพร้อมเพรียง

“มอเตอร์ไซค์ผู้หญิง” ตลาดที่กำลังจะกลับมาใหม่

จะว่าไปแล้วตลาดมอเตอร์ไซค์ผู้หญิงทั้งทั่วโลกหรือแม้แต่ในเมืองไทย ก็ใช่ว่าจะไม่เคยมีมาก่อน เพียงแต่ตลาดสำหรับผู้หญิงกลายเป็นเซ็กเมนต์ที่แมสและกลายเป็นมาตรฐานทั่วไปของมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็ก จนทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ลืมไปแล้วว่าเคยมีการแบ่งมอเตอร์ไซค์ชายหญิงมานานเป็นสิบๆ ปีมาแล้ว

มอเตอร์ไซค์สมัยก่อน จะขี่ต้องขึ้นคร่อม มีถังน้ำมันอยู่ด้านหน้าระหว่างคนขี่กับแฮนด์ เรียกกันว่าเป็นมอเตอร์ไซค์ผู้ชาย รวมทั้งมอเตอร์ไซค์แบบที่มีหม้อน้ำ แต่พอยุคหนึ่งเมื่อสาวๆ เปรี้ยวกันมากขึ้น เก่งกล้าสามารถด้านการขับขี่ไม่แพ้ผู้ชาย แต่ด้วยสรีระที่เล็กกว่า และการแต่งกายที่ไม่สะดวกต่อการขับขี่ ทำให้ผู้ผลิตเริ่มพัฒนามอเตอร์ไซค์สำหรับผู้หญิง โดยปรับให้มีช่องว่างระหว่างแฮนด์กับเบาะรถเพื่อให้ขึ้นลงได้สะดวก จากสตาร์ทด้วยเท้า ก็เปลี่ยนมาเป็นสตาร์ทมือ จากระบบเกียร์ ก็เปลี่ยนมาเป็นระบบออโตเมติก

มอเตอร์ไซค์แบบนี้ไม่เพียงแต่ทำเพื่อให้สาวๆ ขี่ได้สะดวก แต่ยังถูกใจกลุ่มผู้ชายด้วย เพราะใช้งานได้คล่องตัวกว่าแบบเดิมๆ ไม่น้อย มอเตอร์รุ่นใหญ่จึงกลายเป็นตลาดกลุ่มเล็ก มอเตอร์ไซค์ที่คิดเพื่อผู้หญิงขนาด 100 กว่าซีซี กลายเป็นสินค้าหลักของตลาดที่ใช้กันทั่วไปทั้งหญิงและชาย

ภาพการทำตลาดที่ผ่านๆ มาแม้จะไม่มีการบอกว่าเป็นมอเตอร์ไซค์สำหรับผู้หญิง แต่พรีเซ็นเตอร์มอเตอร์ไซค์ที่เป็นสาวก็มีให้เห็นมาหลายสิบปี ไม่ว่าจะที่เมืองไทยหรือที่ไหนๆ

แต่เมื่อมอเตอร์ไซค์กลายมาเป็นรถคู่ใจ การตกแต่งจึงเป็นเพียงสิ่งเดียวที่บอกได้ว่า เจ้าของมอเตอร์ไซค์คือใคร ไม่ต่างอะไรกับเสื้อผ้า หน้า ผม ของผู้ขับขี่ ที่แสดงออกถึงความเป็นตัวตนของคนคนนั้น ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับของที่ใช้งานนี่เอง ที่กลายมาเป็นแนวทางการตลาดให้กับสินค้าหลายต่อหลายชนิดในตลาด ไม่เว้นแม้แต่มอเตอร์ไซค์

จากแบ่งเพศสู่ยุคไลฟ์สไตล์

การทำตลาดมอเตอร์ไซค์ที่แบ่งเพศอยู่นี้ ประเด็นจึงไม่ได้อยู่ที่เรื่องของเพศ แต่ต้องเข้าใจลึกไปกว่านั้นว่า ไลฟ์สไตล์ที่ชัดเจนของคนแต่ละเพศต่างหากที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของผู้บริโภคได้ดีที่สุด

จินตนา อุดมทรัพย์ ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ธันวาคม 2553 อ้างถึงข้อมูลการจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์ฟีโน่ ซึ่งเป็นรุ่นที่สร้างปรากฏการณ์มอเตอร์ไซค์ที่แสดงออกถึงไลฟ์สไตล์และแฟชั่นให้กับรถในกลุ่มออโตเมติกว่า ที่ผ่านมาแม้บริษัทจะทำตลาดโดยเน้นที่กลุ่มผู้ชายในช่วงต้น แต่ฟีโน่ก็มีความเป็นยูนิเซ็กซ์ชัดเจน ถูกใจทั้งชายและหญิง แต่เมื่อลองแยกส่วนแบ่งด้วย Demographic แบบเดิมๆ เอาเรื่องเพศเข้ามาแบ่ง กลายเป็นว่า มีจำนวนลูกค้าที่เป็นผู้หญิงสูงถึง 40% จากยอดขายมอเตอร์ออโตเมติกกว่า 1.8 ล้านคัน

“ตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว เราทำฟีโน่ประสบความสำเร็จไปขั้นหนึ่ง ถ้าตอนนี้เราจะบอกว่าเป็นมอเตอร์ไซค์สำหรับยูนิเซ็กซ์ ก็คงจะฟังดูธรรมดาไป ทั้งที่เทรนด์ผู้หญิงใช้มอเตอร์ไซค์เยอะมาก เพราะฉะนั้นการที่เราบอกไปเลยว่าทำตลาดเซ็กเมนต์ผู้หญิงมันก็เป็นการฉีกเรื่องของมาร์เก็ตติ้งได้ส่วนหนึ่ง รวมทั้งตัวสินค้าเองก็ต้องฉีกเหมือนกัน”

การตลาดของฟีโอเร่ครั้งนี้ จุดสำคัญจึงอยู่ที่การสร้าง First Impression ให้กับตลาด หรือที่จินตนาเรียกว่าเป็นการสร้าง Priority ในการกระตุ้นให้เกิดการจดจำในสมองว่า ถ้าเป็นผู้บริโภคผู้หญิงแล้วอยากได้รถผู้หญิงสักคัน ตัวเลือกแรกน่าจะเป็นฟีโอเร่

ไม่ใช่แค่สร้างความสนใจ แต่ตัวสินค้าก็ต้องตอบโจทย์ด้วย ฟีโอเร่จึงเป็นมอเตอร์ไซค์ที่มีองค์ประกอบเพื่อผู้หญิงในหลายๆ ด้าน เช่น ดีไซน์ สีสัน ระบบหัวฉีดที่ประหยัดสูงสุดด้วยอัตราการใช้น้ำมัน 51 กิโลเมตรต่อลิตร ถังน้ำมันเปิดง่ายด้วยการกดครั้งเดียว ที่เก็บของใต้เบาะขนาดความจุ 17 ลิตร และที่วางเท้ากว้างกว่ามอเตอร์ไซค์ทั่วไป

“ผู้หญิงใส่กระโปรงขึ้นลงสะดวกสบายมากขึ้น ด้วยฟีเจอร์ที่มีดึงดูดผู้หญิงมาก เราถึงกล้าที่จะพูดว่า ฟีโอเร่เหมาะกับผู้หญิง ที่สำคัญอำนาจซื้อของผู้หญิงแรงกว่าเยอะ ถ้าบอกว่าชอบก็มีเหตุผลที่จะนำไปสู่การซื้อได้” จินตนากล่าว และยืนยันว่า

ตั้งแต่อยู่มา 14 ปีในวงการมอเตอร์ไซค์ก็ยังไม่มีใครที่ออกมาพูดชัดเจนว่าทำตลาดมอเตอร์ไซค์ผู้หญิงมาก่อนในเมืองไทย หรือแม้แต่ในต่างประเทศ ยามาฮ่าเองแม้จะมีรุ่น Ciao ซึ่งเป็นรถสายตระกูลเดียวกับฟีโอเร่ในไต้หวันอาจจะเคยทำตลาดโดยเน้นกลุ่มแม่บ้าน แต่ก็ไม่ชัดเจนเท่านี้

พรีเซ็นเตอร์กับสินค้าต้องคาแร็กเตอร์เดียวกัน

สินค้าใหม่ เซ็กเมนต์ใหม่ พรีเซ็นเตอร์มักเป็นตัวช่วยสร้างอิมเมจที่ดีได้เสมอ และยามาฮ่าก็ถือว่าเป็นบริษัทที่เลือกใช้พรีเซ็นเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พรีเซ็นเตอร์ทุกคนที่ยามาฮ่าเลือกใช้แต่ละครั้งล้วนผ่านการพิจารณามาแล้วโดยละเอียดว่าเข้ากับคอนเซ็ปต์ และสามารถนำมาใช้งานร่วมกับกิจกรรมการตลาดได้อย่างเหมาะสม

“อิมเมจสินค้าสำคัญ การใช้พรีเซ็นเตอร์เป็นการลงทุน เราต้องจริงจัง ต้องรู้ว่าจะใช้แบบไหน ใช้อย่างไรให้ได้ประสิทธิภาพและตรงเป้าที่สุด” จินตนากล่าว

พรีเซ็นเตอร์แต่ละคนของยามาฮ่า จะถูกเลือกใช้งานตามจังหวะของสินค้าและตลาดที่แตกต่างกันไป ซึ่งจินตนาเล่าถึงเทคนิคการใช้พรีเซ็นเตอร์ว่า เริ่มต้นจะต้องคิดก่อนว่า จะใช้แบบไหน ทำหน้าที่อะไรให้กับแบรนด์หรือสินค้า ในช่วงแรกต้องเน้นคาแร็กเตอร์ของพรีเซ็นเตอร์กับสินค้าก่อนว่าต้องไปด้วยกันได้ เมื่อถึงจุดหนึ่งจะใช้ต่อหรือว่าต้องเปลี่ยนรูปแบบการใช้อย่างไรก็พิจารณาความเหมาะสมไปทีละครั้ง

กรณีตัวอย่างของฟีโน่ จากยุคดงบังชินกิ และซูเปอร์จูเนียร์ หรือแม้แต่กอล์ฟไมค์ซึ่งตอนเริ่มเป็นพรีเซ็นเตอร์ก็ยังไม่ใช่ช่วงที่โด่งดังที่สุด โดยระยะแรกโฆษณาฟีโน่จะไม่มีการขี่รถให้เห็นด้วยซ้ำ การถ่ายทำก็ถ่ายในสตูดิโอ มีโจทย์ง่ายๆ แค่ให้พรีเซ็นเตอร์อยู่กับรถ เพื่ออาศัยแรงดึงดูดและภาพลักษณ์ของพรีเซ็นเตอร์มายังรถ แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งเมื่อฟีโน่เริ่มมีการออกทัวร์ไปยังสถานที่ต่างๆ รูปแบบพรีเซ็นเตอร์ในภาพยนตร์โฆษณาก็เปลี่ยนไป มีการถ่ายทำนอกสถานที่ มีการขี่รถพร้อมๆ กับการนำเสนอสินค้าใหม่อย่างฟีโน่ ยามาฮ่าก็พัฒนาหลังบ้าน ด้วยการเร่งเข้าไปช่วยผู้แทนจำหน่ายปรับปรุงหน้าร้านผสมความเป็นไลฟ์สไตล์และมีสีสันมากขึ้น ส่งทีมงานที่เทรนมาเฉพาะสำหรับขายมอเตอร์ไซค์ออโตเมติกเข้าไปช่วยดีลเลอร์ขายสินค้า เพื่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ล้อไปกับโจทย์ Yes we are different ที่ยามาฮ่าเลือกใช้เพื่อสร้างความแตกต่างจากผู้ผลิตรายอื่นในตลาด

“ถึงตอนนี้มีคนใช้ฟีโน่ชัดเจน ทุกคนรู้แล้วว่าฟีโน่คืออะไร โฆษณาตัวล่าสุดเราก็ทำเป็นแคมเปญคนรักฟีโน่ แต่จะเอาใครมาพูด การเลือกแต่ละคนมาก็ต้องเป็นคนที่มีกลุ่มแฟนคลับ มีคนรัก แล้วเขาต้องรู้สึกดีกับเรา เพื่อให้การสื่อสารที่ออกมาเป็นอะไรที่สัมผัสได้ เป็นกลุ่มใหญ่ เราใช้พรีเซ็นเตอร์ 9 คน เพราะพูดเรื่องความรักจะมาใช้คนสองสามคนพูดได้อย่างไร”

เบื้องหลังการโฆษณา We love Fino แต่ละคำพูดจากพรีเซ็นเตอร์ จึงเป็นคำที่ยามาฮ่าให้โจทย์พรีเซ็นเตอร์แต่ละคนคิดขึ้นเองตามความรู้สึกแล้วนำเสนอออกมามาตามสไตล์ของแต่ละคน โดยยามาฮ่าทำหน้าที่เพียงบอกเล่าเรื่องราวของฟีโน่ให้ฟังเพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการตีโจทย์ ว่ากลุ่มฟีโน่คลับรู้สึกอย่างไร ฟีโน่ทำกิจกรรมการตลาดอะไรกับแฟนๆ มาบ้าง เป็นต้น

“ฟีโอเร่” ทำไมลงตัวที่ 2NE1

มาถึงตัวฟีโอเร่ ยามาฮ่ายังคงเลือกใช้พรีเซ็นเตอร์จากเกาหลี

“วงผู้หญิงของไทยมีใครที่ดังๆ บ้าง” เมื่อคำตอบคือ “ไม่มี” จึงเป็นเหตุผลที่ 2NE1 ถูกเลือกมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ฟีโอเร่

“วงเกาหลีที่ดังตอนนี้ก็มี Wonder Girl, Girl Generation แล้วก็ 2NE1เรียกว่าทูเอ็นนี่วัน หมายถึงทุกๆ คน สมาชิกแต่ละคนมาคนละแบบ บางคนเป็นดารามาก่อน เรามีหลายสไตล์ผู้หญิงไม่ได้มีหวานอย่างเดียว มีเท่ เปรี้ยว น่ารัก สดใส ซึ่งพอดูคาแร็กเตอร์ของเราก็จะเห็นว่าเรามี 3 เวอร์ชั่น 2 วงแรกอาจจะหวานไปหน่อย ไม่ใช่ไม่ดี ดังด้วย แต่ 2NE1 ก็ดังไม่แพ้ใครกำลังโตเหมือนยุคที่เราใช้กอล์ฟไมค์ เขามีหลายคาแร็กเตอร์ บางซีนดูเท่ บางซีนดูน่ารัก บางซีนดูหวาน ได้หลายมุม จากมิวสิกวิดีโอเขาเปลี่ยนได้หลายคาแร็กเตอร์ ซึ่งเป็นคาแร็กเตอร์ที่ลูกค้ามอเตอร์ไซค์ค่อนข้างเข้าถึงและรับง่าย จึงคิดว่าน่าจะเป็นวงนี้”

ล่าสุด 2NE1 มีดีกรีเป็นถึงเจ้าของรางวัล Best Women Band ของเกาหลีในปีที่ผ่านมา คุณสมบัติพื้นฐานในด้านความดัง การเป็นที่รู้จักและยอมรับจึงผ่านฉลุย แต่ที่แตกต่างคือการมีบุคลิกภาพที่ตรงกับสินค้าที่สุด

การใช้ 2NE1 ครั้งนี้ต่างจากที่ผ่านๆ มา เพราะยามาฮ่าต้องการให้มีเพลงใหม่สำหรับสินค้าใหม่นี้ด้วย เพื่อสร้างความแปลกใหม่ที่เหนือกว่าเดิม

“ตอนนี้บ้านเรามีการใช้พรีเซ็นเตอร์เกาหลีเยอะเหมือนกันในวงการ เราคุยกับผู้บริหารเขาเลยว่าเราไม่อยากได้แค่พรีเซ็นเตอร์ แต่ต้องการความแตกต่าง เลยให้เขาต้องแต่งเพลงและทำมิวสิกวิดีโอสำหรับฟีโอเร่ขึ้นมาใหม่ ถือเป็นการพัฒนาการใช้งานพรีเซ็นเตอร์เกาหลีไปอีกขั้น เขาก็โอเค”

ทีมงานจาก YG Entertainment ต้นสังกัดของ 2NE1 เดินทางมาศึกษาตัวรถและรูปแบบการตลาดของยามาฮ่าในเมืองไทย เพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการทำงาน ขณะที่ยามาฮ่าก็ส่งรถมอเตอร์ไซค์ฟีโอเร่ไปที่เกาหลี 4 คันเพื่อให้ทีมงานศึกษาและใช้ในการถ่ายทำมิวสิกวิดีโอ

“มิวสิกตัวแรกทำกันในสตูดิโอ รวมเวลาแต่งเพลงก็ใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน ไม่ถ่ายทำข้างนอกมันจะดูจริงเกินไป ตอนซูเปอร์จูเนียร์เราก็ถ่ายในสตูดิโอเริ่มออกข้างนอกตอนที่เน้น Touring ที่เราจะขายตั้งแต่สไตล์การแต่งรถ ขี่รถไปเที่ยว เริ่มขี่รถกันก็ตอนนั้น โฆษณา 3-4 เรื่องแรกไม่ขี่รถเลย”

เพลง Do’t Stop the Music ซึ่งเป็น Theme Song ความยาวประมาณ 3.48 วินาที ของ Yamaha “Fiore”ปัจจุบันมียอดผู้ชมคลิกดูในยูทูบมากกว่า 3.5 ล้านเพจวิว (ธันวาคม 2553) งานชิ้นนี้เกิดจากการให้โจทย์จากยามาฮ่าว่า ฟีโอเร่คือมอเตอร์ไซค์สำหรับผู้หญิงอายุต่ำกว่า 24 ปีลงมา มี 3 คาแร็กเตอร์ ใช้สำหรับขี่ไปโรงเรียน ไปเที่ยวกับเพื่อน มีการตกแต่งรถเหมือนผู้ชาย ส่วนเป้าหมายรองคือทั่วๆ ไป ซึ่งรวมถึงผู้ชายก็ใช้ได้ อยากได้เพลงที่สนุกสนานสดใส

“การวางตลาดเราต้องวางโพสิชั่นของสินค้าให้ชัดเจน เอากลุ่มเป้าหมายหลักก่อน เราก็เอาตัวอย่างเพลงที่ชอบให้ดู อยากได้เพลงที่ Sing a long ติดหูง่าย รถก็ต้องเคลียร์กันว่าแบบนี้เราเรียกว่า Chic เรียก Cool เพราะเกาหลีกับเราเข้าใจไม่เหมือนกัน อย่าง Chic ของเขาจะออก Cool แต่เราจะออกเปรี้ยว ต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อน ทางเกาหลีเขาก็แต่งเพลง คิดฉากในเอ็มวี ก็มาเลือกกันจนออกมาอย่างที่เห็น”

10 ธันวาคม 2553 ภาพยนตร์โฆษณา 45 วินาทีซึ่งตัดจากมิวสิกวิดีโอเริ่มออนแอร์ เสียงประสานฟีโอเร่ในเนื้อเพลงเริ่มเป็นที่จดจำ ก่อนสาว 2NE1 จะนำเพลงธีมและเพลง Fire เพลงที่สาวๆ วงนี้เคยมีฉากขี่มอเตอร์ไซค์ไซส์บิ๊กในมิวสิกวิดีโอมาก่อน มาแสดงสดในวันเปิดตัว ณ ราชประสงค์ เออร์เบิ้น สเปซ ซึ่งจุคนได้ถึง 4-5 พันคน ในจำนวนนี้มีทั้งแฟนคลับ 2NE1 ฟีโน่คลับกว่า 3 พันคน ผู้แทนจำหน่ายยามาฮ่า และสื่อมวลชน

“แม้แต่สถานที่เปิดตัวเราก็ต้องเลือกแล้วว่าเทรนดี้ที่สุด” จินตนากล่าวในวันที่เธอเดินทางมาตรวจดูความเรียบร้อยของสถานที่ก่อนวันงานเปิดตัว

เมื่อพรีเซ็นเตอร์ลงตัว เปิดตัวแบบจุดพลุเรียบร้อย สิ่งที่ยามาฮ่าต้องทำต่อจากนี้คือการทำกิจกรรมที่ตอกย้ำอิมเมจของมอเตอร์ไซค์ผู้หญิงให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ส่วนหนึ่งคือการจัดคอนเสิร์ต 2NE1 ในเมืองไทยซึ่งจะกำหนดตามออกมา สำหรับกิจกรรมการตลาดที่จินตนาวางแผนไว้ ในแง่ของสื่อจะมีทั้งรูปแบบการไทร์อินกับภาพยนตร์อย่างที่เคยใช้มาแล้วกับฟีโน่ โดยภาพยนตร์ที่เลือกจะต้องเป็นหนังสไตล์วัยรุ่นซึ่งเป็นเป้าหมายเดียวกัน โดยข้อมูล ณ ปัจจุบัน วัยรุ่นไทยส่วนใหญ่ยังชอบหนังผีและตลก ซึ่งจะมีหรือไม่ต้องพิจารณากันอีกที และที่ต้องทำแน่ๆ จากนี้คือ การขยายความต้องการของตลาดให้มากขึ้น

“เราก็จะเข้าไป Penetrate การใช้งานในหมู่บ้าน จากบ้านไปโรงเรียน เราจะมีกิจกรรมที่เข้าไปโรงเรียนผู้หญิงก่อนแล้วค่อยขยายไปโรงเรียนสห รูปแบบกิจกรรมจะเน้นการมีส่วนร่วม เช่น ประกวดออกแบบหมวกกันน็อก กิจกรรมแต่งหน้า แต่งผม แต่งเล็บ ทำได้หมด ป้ายโฆษณาตามหน้าโรงเรียนเป้าหมาย รวมทั้งการจัดกิจกรรมในห้างซึ่งตอนนี้เราจองไว้แล้วกว่า 100 แห่งทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด”

รูปแบบกิจกรรมในห้างสรรพสินค้าครั้งนี้ จะแปลกใหม่ตรงรูปแบบการนำเสนอ โดยเฉพาะการดีไซน์ป๊อปอัพเป็นรูปตลับแป้งขนาดใหญ่ ส่วนสินค้าที่จะฟีโอเร่จะเข้าไปจับมือทำตลาดด้วยนั้นจะต้องเป็นกลุ่มที่สินค้าสาวๆ วัยรุ่นนิยมซึ่งจะค่อยๆ ทยอยออกมา ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง เครือข่ายมือถือ โทรศัพท์ เสื้อผ้า หรือแม้แต่คอนซูเมอร์โปรดักต์ ก็สามารถเลือกมาทำการตลาดร่วมกันได้ทั้งนั้นหากสินค้านั้นมีทาร์เก็ตเดียวกับฟีโอเร่

“เราจะเน้นที่กรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ก่อน เป้าหมายคือ 1 หมื่นคันต่อเดือน สูงกว่าตอนเปิดตัวฟีโน่ เพราะตอนนั้นยังใหม่ แต่ครั้งนี้เราชัดเจน”

ความชัดเจนที่จินตนากล่าวถึงนั้นคงรวมทั้งแผนการเปิดตัวฟีโอเร่ ซึ่งเตรียมการมาก่อนหน้านี้ไม่ต่ำกว่า 3 ปี ที่จะวางตลาดฟีโอเร่ในเมืองไทย เพราะนอกจากจะต้องเสนอแผนงานให้บริษัทแม่รับรู้ และการที่ทีมงานในไทยต้องเตรียมความพร้อมเบื้องหลังการผลิตซึ่งประกอบด้วยการพัฒนาเครื่องยนต์และชิ้นส่วนที่มีองค์ประกอบมากกว่า 100 รายการ

“เรามีประสบการณ์ของไลฟ์สไตล์มาร์เก็ตติ้งมาตั้งแต่ออโตเมติกรุ่นแรก อย่างนูโว จนมาถึงฟีโอเร่ ประสบการณ์บวกกับการศึกษาความต้องการของผู้บริโภคที่พัฒนามาตลอด บอกได้เลยว่า ไลฟ์สไตล์พูดง่ายแต่เจาะยาก แต่เราก็ทำได้ประสบความสำเร็จมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความแตกต่างให้กับองค์กรของเรา จนถึงความแตกต่างของสินค้าที่ลูกค้าสัมผัสได้”

แผนงานและความตั้งใจทั้งหมดที่ถูกนำเสนอไปแล้วและกำลังจะทยอยเกิดขึ้นในอนาคตของฟีโอเร่ เป็นสิ่งที่จินตนาและทีมงานยามาฮ่ามั่นใจมากว่าจะเป็นกระแสใหม่ที่สร้างทอล์กออฟเดอะทาวน์ให้กับตลาดมอเตอร์ไซค์เมืองไทยได้ไม่แพ้กระแสฟีโน่ที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้ว

YAMAHA by Number
ยอดขาย 9.05 แสนคัน
ยอดจดทะเบียน 4.8 แสนคัน
คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 26%
งบการตลาดฟีโอเร่ 70 ล้านบาท (ธ.ค.2553 – มี.ค.2554)
ราคาขายฟีโอเร่ 44,500 บาท
ดีลเลอร์ 380-390 แห่งทั่วประเทศ