Pupe_so_Sweet ท็อปโหวตบิวตี้กูรูเมืองไทย

“ศักรัช เปี่ยมวรนันท์” หรือ “ Pupe_so_Sweet” ล็อกอินของ Blogger สุดฮอตบนโลกออนไลน์ เคยได้รับการจัดอันดับ Popular Voteสูงสุด ด้านบล็อกความงามและแฟชั่นจากงาน Thailand Blog Awards 2010… เบื้องหลังความสำเร็จของเขามาจากจุดหักเหในอดีต… ในวันที่ “รักล่ม-หน้าล่ม” กลายเป็นแรงส่งที่ทำให้ปัจจุบัน บล็อกของ “ศักรัช” มีความเป็นไปไดัที่จะเกิดเอฟเฟค “ เว็บล่ม” ด้วยยอด Pageview ที่พุ่งสูงถึง 2,500,000 ต่อปี

POSITIONING : เป็นคนดังขนาดนี้ งานชุกมั้ย
Pupe : บางวันก็วิ่งรอก 2-3 งาน อย่างเมื่อช่วงเย็นได้รับเชิญไปงานของ Eucerin Men คือเขาอยากให้เราเขียนลง Blog เหมือนกับเป็นการ PR แต่ก่อนหน้า ทาง Eucerinก็ได้ติดต่อให้เราร่วมแคมเปญหา Beauty Columnist หน้าใหม่ โดยเราเขียน Content ให้ดูเป็นตัวอย่างหนึ่งหน้า

POSITIONING : Eucerin Men? เทรนด์ For Men มาแรงเพราะเทรนด์เกาหลีรึเปล่า
Pupe : ก็คงประมาณนั้น เดี๋ยวนี้ผู้ชายก็มีเครื่องสำอางของเขาแล้วนะ อย่าง Jean Paul Tier ก็มี Make up ของผู้ชายแล้ว อย่างน้อยๆ ก็ลงเบสบาง ปัดแป้งคุมความมัน เทรนด์มันเปลี่ยนไปเพราะใครๆ ก็อยากจะดูดีน่ะครับ

POSITIONING : มีแบรนด์สกินแคร์ เครื่องสำอางรายไหนติดต่อเข้ามาบ้าง
Pupe : เยอะครับ ของเราเน้น Skin Care มี Keihl’s, Clinique, แบรนด์ในเครือ L’oreal , Covermark ล่าสุดเป็น Kanebo ส่วน Make up นี่ไม่ค่อย เพราะส่วนตัวผมเป็นคนไม่ค่อยแต่งหน้า

POSITIONING : เขาติดต่อให้เราทำอะไร
Pupe : ส่วนใหญ่ต้องการให้ผมเข้าไปสัมผัส ลองผลิตภัณฑ์ ถ้าเกิดผมชอบตัวไหน ก็จะเอามาลงบล็อก หรือไม่ก็เชิญไปงานอีเวนต์ เช่น เปิด shop ใหม่ คือเราเป็น Influencer ที่มีคุณภาพ คนตามเยอะและน่าเชื่อถือ เมื่อก่อนนักการตลาดต้องสื่อสารไปยังผู้บริโภค แต่เดี๋ยวนี้พุ่งมาที่ Influencer แทน ก็อาจจะเป็นช่องทางทำ Marketing ที่ดี แต่อันนี้ก็ต้องเข้าใจว่าเราไม่ได้รับจ้างเขียน Advertorial ของที่ไม่ดีเราก็บอกว่าไม่ดี เราบอกตรงๆ ทุกอย่าง ไม่ว่าจะให้มากหรือน้อย ทุกคำพูดของเราเลยมีค่า นิตยสารถ้าเก่าคนก็ทิ้ง แต่ตัวหนังสือในบล็อกมันอยู่ได้ตลอด

POSITIONING : รายได้ดีมั้ย
Pupe : ค่อนข้างดีนะครับ ครึ่งชั่วโมง ขั้นต่ำสองหมื่น แล้วก็มีมาจากโฆษณา แบนเนอร์ในบล็อกด้วย

POSITIONING : เวลาที่เราคอมเมนต์ว่าไม่ดี เจ้าของแบรนด์ยังกล้าให้เรารีวิวโปรดักต์อีกหรือ
Pupe : คือเราจะมีเงื่อนไขไว้ก่อนเลยว่าเราพูดตรงๆ นะ รับได้มั้ย แต่เอาเข้าจริงแบรนด์เกือบทั้งหมดก็ยอมรับ เพราะเขาถือว่าคอมเมนต์ที่มีแต่ชมอย่างเดียว มันจะไม่ทำให้เกิดการพัฒนา ถ้าบอกว่าดี แล้วคนไปใช้เกิดปัญหา ผู้บริโภคก็จะมีภาพลักษณ์ในแง่ลบทั้งกับแบรนด์และตัวผมเอง

POSITIONING : มีคนเขียนบล็อกเกี่ยวกับ Skin Care เยอะมั้ย
Pupe : จริงๆ มีคนที่ทำก่อนผมนะ อย่างคุณ ”ฟีบี้” เขาเป็นคนไทยอยู่ที่แคนาดาครับ และเขาก็เป็น Idol ของผม เพราะสมัยก่อนเราก็เหมือนผู้บริโภคทั่วไป ที่ตกหลุมพลางทางการตลาด จนคุณฟีบี้ออกบอกมาว่าเครื่องสำอางเราต้องดูส่วนจากผสมนะ ขนมเรายังอ่านเลยว่ามีกี่แคลอรี พอเราลองทำตาม ปรากฏว่าผิวเราดีขึ้นจริงๆ โดยที่เราไม่ต้องไปเสียเงินเยอะๆ อีกคนนึงก็คือ “พอลล่า บีบอนด์” เจ้าของแบรนด์ “Paula’s choice” ผมชอบเขามาก เพราะเขาให้ข้อมูลตรง แพ็กเกจจิ้งไม่ได้สวยหรูแต่ประสิทธิภาพเต็มที่ ราคาก็ไม่แพงมาก คือผมพยายามผลักดันให้มันเป็นกระแส เพื่อบอกว่านี่นะเขาทำได้ คนไทยก็ต้องทำได้ แบรนด์เครื่องสำอางไทยมีตั้งเยอะ

POSITIONING : แล้วได้รีวิวสกินแคร์ของไทยบ้างรึยัง
Pupe : ครับ คนไทยเก่ง และมีกำลังผลิตด้วย แต่ทำไมเราไม่ทำเครื่องสำอางดีๆ ในราคาที่ไม่แพงบ้าง อย่าง Oriental Princess บางตัวก็ดี บางตัวก็อืมนะ แต่อย่างน้อยสิ่งที่เราวิจารณ์ไป ก็ได้เห็น Impact เช่นเรื่องแพ็กเกจที่เราว่าน่าจะออกแบบให้มันใช้ง่ายหรือสะอาดกว่านี้ ปีต่อมาเขาเปลี่ยนเลย

POSITIONING : หวังผลอื่นๆ จากการเขียนบล็อกอีกหรือไม่
Pupe : ผมไม่ได้หวังขนาดให้มันเป็นวาระแห่งชาติที่คนไทยจะดูข้อมูลก่อนซื้อสินค้า แต่อย่างน้อยเราเปลี่ยนทัศนคติการซื้อสินค้าแล้วมันดี ก็เลยอยากให้คนทำตามและบอกต่อ ผมก็เหมือนเป็นแค่น้ำหยดนึงในทะเลสาบ

POSITIONING : ทำไมถึงมีความรู้ด้านนี้ เรียนอะไรมา
Pupe : จบมนุษยศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษครับ จริงๆ ผมก็ถูกโจมตีมากเลยนะว่าเราไม่ใช่แพทย์บ้าง ไม่ใช่นักเคมีบ้าง แต่เรามั่นใจเพราะเรามีลิงค์ Research ให้คุณอ่าน เราค้นคว้าจากวารสารการแพทย์ ลงทุนซื้อ Textbook แล้วเราก็มีคอนเนกชั่นค่อนข้างเยอะ ทั้งคุณหมอ นักเคมี หรือกระทั่งบริษัทผลิตเครื่องสำอาง

POSITIONING : เริ่ม Test ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความงามตั้งแต่เมื่อไหร่
Pupe : ตั้งแต่อายุ 12 ครับ คือเป็นคนที่ติดแม่มากๆ เห็นแม่มีครีมเยอะเลยอยากลองใช้ แม่ก็เลยให้ครีมกันแดดขนาดทดลองมา ตั้งแต่วันนั้นเราก็รู้สึกว่ามันดีนะ หอม หน้านิ่มจัง …กลายเป็น ”ความหลงใหล” แต่พอเข้า ม.ปลาย ปัญหาผิวเริ่มมา รับไม่ได้ถึงขนาดสิวขึ้นสองเม็ดก็ไม่ไปโรงเรียนแล้ว นั่งร้องไห้อยู่บ้าน คุณแม่ก็เป็นผู้หญิงที่วิเศษมาก ยอมอดแต่ให้เงินเรามา เราก็ลองหมด หมอที่ไหนใครว่าดี เชื่อโฆษณา ใช้ตั้งแต่ “ผงพิเศษ” ไปจนกระทั่ง “ลาร์แมร์” ก็ยังไม่หาย จนช่วงอายุ 24 ปี ความรักล่ม แพ้เครื่องสำอาง หมดความเชื่อมั่นในตัวเอง ขว้างกระจกทิ้งเลย จนได้มาอ่านบล็อกคุณฟีบี้ จึงเริ่มศึกษาข้อมูลด้วยตัวเอง และรักษาจนหาย

POSITIONING : จึงเริ่มเขียนลงบล็อกแบบคุณฟีบี้บ้าง?
Pupe : เดิมเกิดจากการที่เราชอบบ่นมากกว่า 55 เลยเขียนลงพันทิพย์ที่ห้องโต๊ะเครื่องแป้งก่อนครับ แล้วช่วงปีแรกนี่เราใส่ใหญ่เลย คนเขาก็เลยชอบสไตล์การเขียนของเราที่จิกกัดบ้าง เจ้าสำนวน และชอบคิดใหม่ด้วย

POSITIONING : มีหลักเกณฑ์ในการเลือกสินค้าที่จะมารีวิวอย่างไร
Pupe : หนึ่งเราเสี้ยนเอง แบบว่าครีมนี้โอวส่วนผสมเริ่ด เพชรในตม! สอง มีกระแสเรียกร้องให้รีวิว สาม ทางแบรนด์นำผลิตภัณฑ์มาเสนอ แล้วก็มีบทความที่เรารวบรวมและเรียบเรียงเป็นซีรี่ส์ด้วย โดยมาจากประสบการณ์และการค้นคว้าของเราทั้งหมด เป็นอะไรที่ยากมาก ทำเป็นปีเลยกว่าจะได้ทั้ง 12 บท ตอนแรกเราเขียนบล็อกค่อนข้างจะแรง และตรง แต่เดี๋ยวนี้พยายามเขียนในมุมมองที่หลากหลาย อย่างมีคนบ่น BA ว่าให้บริการไม่ดี เราก็อยากรู้ว่าทำไม เลยไปสมัครฝึกงานเป็น BA ของ Keihl’s ซะเลย ทำอยู่ 3 เดือน สนุกมาก ได้ทำทุกอย่าง

POSITIONING : ปัญหาผิวส่วนใหญ่ที่คนไทยชอบถามเราคือ
Pupe : ยอดฮิต 3 อันดับเลยนะครับ หนึ่ง สิว สอง ไวท์เทนนิง สาม เอจจิ้ง แต่คนไทยไม่ค่อยอ่านข้อมูล ชอบให้ตอบเลยว่าใช้อะไรดี เราเลยบอก ถ้าแค่อ่านยังขี้เกียจ ผิวที่ต้องดูแลเป็นกิจวัตรก็คงทำไม่ได้ กลับไปนอนหน้าเน่าเถ้อะ หรือบางทีเวลามีกระแสผิดๆ เช่น ทายาเสร็จแล้วห้ามโดนแสงไฟ ถามกันมากจนตอบจิกๆ ไปว่า แกไปเอามาจากไหนเนี่ย จ่อแสงนีออน 8 ชั่วโมง ก็เท่ากับตากแดดแค่ 1 นาทีเอง

POSITIONING : ทุกวันนี้เวลารีวิว ยังต้องช้อปปิ้งควักเงินตัวเองซื้อผลิตภัณฑ์อยู่มั้ย
Pupe : ส่วนใหญ่ก็ใช้ทุนตัวเองอยู่ เพราะความสุขอยู่ที่การได้เลือก ได้ Test ให้อยู่ทั้งวันก็ไม่เบื่อ

POSITIONING : วางแผนในอนาคตไว้ว่าอย่างไร คิดว่ากระแสบล็อกจะเฟดเอาต์มั้ย
Pupe : จากตอนนี้ที่เป็น Full-time Blogger ก็อยากที่จะผันตัวเองให้เป็นไปในเชิง Celebrity หรือกูรูด้าน Skin Care เอาตัวเองออกมาอยู่นอกโลกออนไลน์ เดี๋ยวนี้มันไม่มีพรมแดนแล้วครับ แต่เวลาอยู่ข้างนอก ก็ต้องระวังเรื่องข้อกฎหมายด้วย ไม่งั้น คุกรออยู่ ….