สหรัฐฯ ยืนยัน! เคสฉีดวัคซีนครบแล้วติดเชื้อโควิดเสียชีวิต คิดเป็นแค่ 0.001%

Photo : Shutterstock
สำนักข่าว CNN รายงานข้อมูลล่าสุดของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (CDC) ว่า 99.99% ของเคสฉีดวัคซีนครบแล้วแต่ยังติดเชื้อ COVID-19 (breakthrough case) ในสหรัฐฯ อาการไม่รุนแรงถึงขั้นต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหรือเสียชีวิต

ข้อมูลดังกล่าวชี้ไปในทิศทางเดียวกับที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขทั่วสหรัฐฯ เน้นย้ำมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาว่า วัคซีน COVID-19 มีประสิทธิภาพสูงมากในการป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตจาก COVID-19 และเป็นอาวุธที่ดีที่สุดของประเทศในการชะลอการแพร่ระบาดของโรคระบาดใหญ่และหลีกเลี่ยงความทุกข์ทรมานไปมากกว่านี้

CDC รายงานว่า มีเคสฉีดวัคซีนครบแล้วแต่ยังติดเชื้อ 6,587 รายจนถึงวันที่ 26 กรกฎาคม โดยมี 6,239 คนป่วยหนักถึงขั้นเข้ารักษาตัวในโรงพงพยาบาล และในนั้นเสียชีวิต 1,263 ราย แต่ CNN ระบุว่า ในช่วงเวลาเดียวกันมีประชาชนมากกว่า 163 ล้านคนในสหรัฐฯ ที่ฉีดวัคซีน COVID-19 ครบแล้ว

สำนักข่าว CNN รายงานว่า เมื่อแยกตามอาการของเคสฉีดวัคซีนครบแล้วแต่ยังติดเชื้อ พบว่ามีไม่ถึง 0.004% ที่ป่วยหนักถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลและไม่ถึง 0.001% ที่เสียชีวิต ยิ่งไปกว่านั้น ราว 74% ของเคสฉีดวัคซีนครบแล้วแต่ยังติดเชื้อทั้งหมด ยังเกิดขึ้นในกลุ่มคนที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป

Photo : Shutterstock

อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวของ CNN ระบุว่า นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา ทาง CDC มุ่งเน้นตรวจสอบเฉพาะเคสป่วยหนักและเสียชีวิตจาก COVID-19 ในกลุ่มคนที่ฉีดวัคซีนครบแล้วเท่านั้น ไม่รวมถึงเคสอาการป่วยเล็กๆ น้อยๆ

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ เผยแพร่รายงานฉบับหนึ่งเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ว่า ตัวกลายพันธุ์เดลตาก่อปริมาณไวรัสพอๆ กับในคนที่ฉีดวัคซีนแล้วกับคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนหากพวกเขาติดเชื้อ และพวกผู้เชี่ยวชาญบอกต่อว่า แม้วัคซีนทำให้ผู้ฉีดมีความเป็นไปได้น้อยลงที่จะติดเชื้อ แต่หากคนเหล่านั้นติดเชื้อ พบว่าพวกเขามีแนวโน้มแพร่กระจายเชื้อได้แบบเดียวกับคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน

ผลการศึกษาดังกล่าวโน้มน้าวให้บรรดาผู้เชี่ยวชาญของ CDC อัปเดตคำแนะนำด้านการสวมหน้ากากในวันอังคารที่ 3 ส.ค. แนะนำให้คนฉีดวัคซีนครบแล้วกลับมาสวมหน้ากากยามอยู่ในร่ม ตามพื้นที่ต่างๆ ที่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในระดับสูง เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อตัวกลายพันธุ์เดลตา ส่วนคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนนั้นยังคงแนะนำให้สวมหน้ากากต่อไปจนกว่าจะฉีดวัคซีนครบแล้ว

Photo : Shutterstock

CNN รายงานต่อว่า นอกเหนือจากเคสอาการรุนแรงแล้ว ผลการวิเคราะห์ข้อมูลของทางการโดยมูลนิธิ Kaiser Family Foundation ยังพบว่าเคสฉีดวัคซีนแล้วติดเชื้อในทุกกรณี ทั้งป่วยเล็กน้อย ป่วยหนัก และเสียชีวิตถือว่าเกิดขึ้นน้อยมากๆ

มีราวๆ ครึ่งหนึ่งของรัฐต่างๆ ทั่วสหรัฐฯ ที่รายงานเกี่ยวกับเคสฉีดวัคซีนแล้วติดเชื้อ COVID-19 และในแต่ละรัฐดังกล่าวมีไม่ถึง 1% ที่เกิดเคสฉีดวัคซีนครบแล้วแต่ยังติดเชื้อ ไล่ตั้งแแต่ระดับ 0.01% ในคอนเนตทิคัต ไปจนถึง 0.9% ในโอคลาโฮมา

มูลนิธิ Kaiser Family Foundation ยังพบด้วยว่ามากกว่า 90% ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ และมากกว่า 95% ของผู้ป่วยหนักถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลและเสียชีวิต เป็นกลุ่มคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน ในนั้นหลายรัฐมีเคสผู้ติดเชื้อใหม่ที่เป็นคนยังไม่ฉีดวัคซีนคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 98% เลยทีเดียว

ผู้เชี่ยวชาญเน้นว่าแม้คนฉีดวัคซีนครบแล้วยังสามารถแพร่กระจายเชื้อไวรัสได้ แต่วัคซีนยังคงปกป้องพวกเขาได้เป็นอย่างดีจากการติดเชื้ออาการหนัก ทั้งนี้ ท่ามกลางจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอันเนื่องจากตัวกลายพันธุ์เดลตา พวกผู้นำท้องถิ่นทั่วอเมริการายงานว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลส่วนใหญ่ คือกลุ่มคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน

บรรยากาศการต่อคิวเข้ารับวัคซีน COVID-19 ในนครนิวยอร์ก สหรัฐฯ

ด้วยตัวกลายพันธุ์เดลตาแพร่เชื้อได้ง่ายมาก อดีตเจ้าหน้าที่สาธารณสุขหรัฐฯ รายหนึ่งจึงเตือนว่าประชาชนที่ไม่ได้รับการป้องกัน ทั้งจากวัคซีนและจากการเคยติดเชื้อมาแล้ว ดูเหมือนคงไม่รอดพ้นจากการติดเชื้อ

ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเคสผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นและความอันตรายของสายพันธุ์เดลตา อัตราการเข้าฉีดวัคซีนของประชาชนในสหรัฐฯ กลับมาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 สัปดาห์หลังสุด โดยรัฐต่างๆ ที่เคยล้าหลังในโครงการฉีดวัคซีน พบเห็นจำนวนประชาชนฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซีเอ็นเอ็นวิเคราะห์ข้อมูลของซีดีซี

เวลานี้ค่าเฉลี่ย 7 วัน ประชาชนรายใหม่เข้าฉีดวัคซีนในสหรัฐฯ อยู่ที่ 652,084 ราย เพิ่มขึ้นจาก 3 สัปดาห์ที่แล้ว 26%

Source