ประเสริฐ เอี่ยมรุ่งโรจน์ ประชาวิวัฒน์ หรือประชาธิปัตย์วิวัฒน์

ถ้าในโลกนี้เต็มไปด้วยฝูงแกะ เขาคนนี้ก็ประกาศตัวเองอย่างชัดเจนว่า ขอเป็นแกะที่คิดต่าง ทำต่าง จากแกะทั่วๆ ไป พร้อมกับนิยามความเป็นตัวตนว่า เขาคือ “แกะดำ” ที่พร้อมจะแหกแนวคิดการทำธุรกิจ การบริหารงาน การวางกลยุทธ์ แต่การเป็นแกะดำของเขาไม่ได้หมายความว่าจะปฏิเสธกรอบ กฎกติกาเดิมที่มีอยู่ เขาพร้อมที่จะแข่งในกรอบการแข่งขันที่เป็นธรรม

ประเสริฐ เอี่ยมรุ่งโรจน์ เจ้าของบริษัท แกะดำทำธุรกิจ จำกัด ผ่านการเป็นแกะขาว เหมือนเช่นแกะปรกติทั่วโลก จนมาวันหนึ่ง เขาปฏิเสธการเป็นแกะขาว ก้าวเข้าสู่โลกของแกะดำ และทุกวันนี้ก็ยังมีความสุขในฐานะแกะดำอันดับต้นๆ ของประเทศ ที่พร้อมจะถ่ายทอดความคิดแกะดำให้กับแกะตัวอื่นๆ ที่เริ่มมองเห็นแล้วว่า การเป็นแกะขาวไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไร ก็มาเป็นแกะดำร่วมฝูงกัน

นโยบายประชาวิวัฒน์ของรัฐบาลที่ออกมา มุมมองแกะดำ ของประเสริฐ เอี่ยมรุ่งโรจน์ มีความน่าสนใจอยู่จุดหนึ่งนั้นคือ การมองไปที่ต้นตอของปัญหา ไม่ได้มองแค่เปลือกนอก

แกะดำวิพากษ์ ตั้งคำถามกับนโยบายการตลาดล่าสุดของพรรคประชาธิปัตย์ไว้น่าสนใจ และน่าคิด

มองการออกนโยบายประชาวิวัฒน์ของรัฐบาลชุดนี้เป็นอย่างไรบ้าง

ผมขอเริ่มอย่างนี้นะครับ ปัญหาของประเทศไทยคือปัญหาอะไร ผมไม่ใช่นักรัฐศาสตร์ ไม่ใช่นักนิติศาสตร์ ผมมาจากการบริหารจัดการ ปัญหาของประเทศนี้คือปัญหาด้านโครงสร้าง และระบบการจัดการที่ไร้ประสิทธิปภาพ ถ้าจะแก้ปัญหาของประเทศนี้ ต้องแก้ปัญหาโครงสร้างก่อน

เวลาที่เราสร้างบ้าน เสาเข็ม ฐานราก คือส่วนสำคัญที่สุด ผมว่ารัฐบาลของคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ไม่ได้แตกต่างจากรัฐบาลของคุณทักษิณชินวัตรเท่าไหร่ ไม่ได้แก้ปัญหาโครงสร้างเลย

ผมเคยคุยกับนักการเมืองคนหนึ่งในพรรคประชาธิปัตย์ เขาบอกว่า นักการเมืองเวลาเข้ามาบริหารประเทศ ต้องทำงานโดยหวังผลระยะสั้น ผมได้ยินคำนี้ผมตกใจมากเลย เพราะความหมายที่ผมแปลได้คือ นักการเมืองมีหน้าที่รักษาเก้าอี้ตัวเองเท่านั้น ไม่ได้มีหน้าที่มาทำงานเพื่อประเทศ เพราะคุณทำงานระยะสั้นคือการรักษาเก้าอี้ ผมบอกได้เลยว่าโครงการที่รัฐบาลออกมา เป็นการหวังผลระยะสั้น

รู้มั้ยว่าใครเดือดร้อนมากที่สุดในประเทศนี้ ชนชั้นกลางครับ ประเทศนี้ประกอบด้วยคน 3 กลุ่มคือ ชนชั้นนำของประเทศ ต่อมาคือชนชั้นกลางที่เสียภาษีเต็มเม็ดเต็มหน่วย และกลุ่มคนยากไร้

เวลาที่ออกนโยบายแบบนี้มา คนที่แบกรับภาระคือพวกเรา ซึ่งผมเชื่อว่ามันไม่ได้แก้ปัญหาอะไร เวลาคนไม่มีกิน ไม่ใช่เอาปลาไปแจกให้เขากินฟรีทุกวัน กินไปอีกกี่ชาติล่ะครับ ที่จะช่วยให้มีอะไรกินได้อย่างต่อเนื่อง เราต้องเอาคันเบ็ดไปใส่มือเขา เพื่อให้เขาสามารถตกปลาได้ทุกวัน ถึงจะช่วยเหลือตัวเองได้

ผมว่าปัญหาของประเทศนี้ เวลาแก้ ต้องแก้ตั้งแต่ต้นน้ำไปถึงปลายน้ำ ผมยังไม่เห็นรัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ทำอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันเกี่ยวกับเรื่องนี้

แต่คุณอภิสิทธิ์โชคดีอยู่อย่างหนึ่ง โชคดีว่ามีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรี ชั่วชีวิตหนึ่งที่มีโอกาสได้เป็นนายกรัฐมนตรีควรทำงานให้เป็นเกียรติประวัติของตัวเอง และวงศ์ตะกูล ผมยังนึกไม่ออกเลยว่ารัฐบาลคุณอภิสิทธิ์เข้าไปแก้ปัญหาที่เป็นรากฐาน โครงสร้างของประเทศนี้ ลองนนึกดูว่า 2 ปีนี้พรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นรัฐบาลทำอะไรไปบ้าง

แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็มีการปรับเปลี่ยนเลือดใหม่เข้ามามากในช่วงหลัง

พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยเปลี่ยนแปลงตัวเอง ครั้งนี้ที่เป็นรัฐบาล กับครั้งที่คุณชวนเป็นรัฐบาล ต่างกันอยู่นิดเดียว ตรงที่ว่าโชว์รูมมันเปลี่ยน แต่ว่าไส้ในยังคงเดิม Engine เดิม หน้าร้านสวยหรู เพราะมีคุณอภิสิทธิ์มาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ไส้ในยังเป็นองค์ประกอบเดิม แล้วประเทศนี้ยังจะเดินได้หรือ

ทุกวันนี้ คุณชวน คุณสุเทพ ก็ยังอยู่ ผมไม่เห็นคุณอภิสิทธิ์แสดงความเป็นผู้นำในฐานะเป็นหัวหน้าพรรค กับนายกรัฐมนตรีอย่างไร ผมยังไม่เคยเห็น ถ้าคุณอภิสิทธิ์เชื่อว่าตัวเองเป็นหัวหน้าพรรค เป็นนายกรัฐมนตรีต้องกล้าทำ สมัยคุณชวนเป็นนายกรัฐมนตรี จะมีคำพูดคือ ไม่ได้รับรายงาน คุณอภิสิทธิ์ก็ไม่ต่างกัน พูดเก่ง กับทำงานไม่เก่ง

การที่มีคณะทำงานมีความรู้เข้ามา แต่ช่วยอะไรไม่ได้มาก เพราะ Engine เดิม อย่างคุณกรณ์ จาติกวนิช ผมว่าเป็นคนมีความสามารถ แต่พลังขับเคลื่อนยังเป็นอันเดิม คุณกรณ์จะทำอะไรได้มากมายขนาดไหน

ผมรู้สึกว่าคุณอภิสิทธิ์เป็นแค่โชว์รูม ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคตัวจริง

พรรคประชาธิปัตย์มีปัญหาอยู่อันหนึ่งคือ เป็นพรรคที่อยู่มานาน มีหลายขั้ว หลายกลุ่ม ไม่มีความเป็นเอกภาพไม่มี การบริหารจัดการต้องมีเอกภาพ

สิ่งที่สำคัญในการบริหารจัดการประเทศคือเรื่องเวลา ใครจะบริหารก็แล้วแต่ จะต้องมีประสิทธิภาพ ต้องใช้เวลาในการเดินไปถึงเป้าหมายในเวลาอันสั้น พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยทำ เวลาแก้ปัญหา จะปล่อยเรื่องให้ค้างคาไว้ และเวลาจะคลี่คลายด้วยตัวมันเอง แต่นั่นคือต้นทุนของประเทศที่สูญเสียไป

ถ้าเช่นนั้นนโบายการตลาดอย่างประชาวิวัฒน์ น่าจะได้ผลบ้าง

รัฐบาลประชาธิปัตย์ออกนโยบายไม่ต่างกับพรรคไทยรักไทย ยังไม่ได้แก้ปัญหาด้านรากฐาน มีคนเคยพูดว่า “รัฐบุรุษคือใครก็แล้วแต่ที่ทำงานเพื่ออนาคตของประเทศ แต่นักการเมืองคือใครก็แล้วแต่ที่ทำงานเพื่อการเลือกตั้งครั้งต่อไป”

ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณอภิสิทธิ์อยากเป็นรัฐบุรุษหรือนักการเมือง

ผมเชื่อว่าประเทศนี้ต้องเอาความจริงมาคุยกัย ผมไม่เก่งเรื่องบริหารประเทศ แต่ผมวิจารณ์ในฐานะที่ผมเสียภาษีเต็มเม็ดเต็มหน่วย ผมวิจารณ์ในฐานะมุมมองการบริหารจัดการ ผมมองไม่เห็นว่ารัฐบาลทำงานโดยมีการบริหารจัดการภายใต้วิกฤตได้อย่างไร

ถ้าปัญหาของบ้านเราเปรียบเหมือนผลส้ม นโยบายที่พรรคประชาธิปัตย์ทำออกมาก็คือเปลือก แต่แก่นไม่ยอมทำ มันทำยาก แก่นทำแล้วไม่ได้รับความนิยมชมชอบ ปัญหาของประเทศนี้ ไม่จำเป็นต้องมิสเตอร์ป๊อปปูล่าร์นะครับ

ประชาวิวัฒน์เป็นแค่เปลือก แก่นคุณไม่แก้ ปัญหาเรื่องน้ำท่วม ภัยแล้ง หนี้สินเกษตรกร ตั้งแต่ผมเป็นเด็ก อ่านหนังสือพิมพ์ออก จนวันนี้ปัญหาเหล่านี้ยังอยู่

พรรคประชาธิปัตย์เคยวิจารณ์ว่าคุณทักษิณนำเรื่องการตลาดมาใช้ เป็นเรื่องที่ผิด วันนี้ก็ทำที่วิจารณ์เองทั้งหมด ผมไม่ได้บอกว่าหลักการตลาดมาบริหารประเทศไม่ถูกต้อง มันไม่ใช่ ผมบอกว่าทุกธุรกิจต้องใช้หลักการตลาดมาบริหารจัดการ ไม่เว้นแม้แต่การเมือง แต่เวลาทำต้องทำไปที่แก่น ไม่ใช่เปลือก ตอนนี้ไม่ต่างจากคุณทักษิณ แค่เปลี่ยนมุมมองหน่อยเท่านั้นเอง

คุณอภิสิทธิ์โชคดีที่ปีนี้ GDP มันโต ผมทำธุรกิจมา 30 ปี ประเทศนี้มันจะดี ไม่เคยขึ้นอยู่กับรัฐบาล ขึ้นอยู่กับเอกชน เวลาดีอย่ามารังแกหรือสร้างความเดือดร้อน ประเทศเดินไปได้เอง

ถ้าเช่นนั้นใครจะมาเปลี่ยน และปัญหาได้อย่างแท้จริง

นักการเมืองไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง เพราะเขาอยู่ในสภาพนั้น แล้วเขาได้เปรียบ เราจะเปลี่ยนประเทศนี้ได้อย่างไร ผมเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงต้องมาจากฐานราก คนบนยอดพีระมิดไม่มีเปลี่ยน เราต้องเปลี่ยนแปลงเอง มีคนถามว่า ถ้าผมเปลี่ยน แล้วคนอื่นไม่เปลี่ยน จะมีประโยชน์อะไร แต่ผมเชื่อว่าเมื่อเราเปลี่ยนแปลง ประโยชน์จะเกิดกับตัวเราก่อน ถ้าหลาย ๆ คนก็เกิดแรงกระเพื่อม พวกเราต้องเปลี่ยนแปลง เราต้องเรียกร้อง

ผมไม่ยินดีที่จะทำงานการเมือง ถ้าผมทำงาน ถ้าทำ ผมต้องทำงานกับเบอร์หนึ่ง ผมไม่ทำงานกับคณะกรรมการที่บ้านเรามีอยู่มากมายหลายร้อยคณะ ซึ่งไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร

โครงการประชาวิวัฒน์ควรเป็นอย่างไร

รวมงบประมาณในโครงการประชาวิวัฒน์ทั้งหมด แล้วเอาไปไปทำอะไรก็ได้ที่สามารถเปลี่ยนแปลงทางด้านโครงสร้างที่เป็นปัญหาอยู่

ความเห็นของแกะดำคืออีกมุมมองหนึ่งของนักบริหารจัดการ กับนโยบายการตลาดของรัฐบาล ที่หลายเรื่องไม่ตรงกับรัฐบาล แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกนโยบายจะต้องมีคนเห็นด้วย 100% และคนที่ไม่เห็นด้วย ก็ไม่ได้มีความผิด

แกะดำ ประเสริฐ เอี่ยมรุ่งโรจน์ ยังแพร่ขยายความคิดของเขาในการบริหารจัดการประเทศ สิ่งที่เขาทำอาจไม่ได้สั่นสะเอนโครงสร้างระบบบริหารของภาครัฐ แต่อย่างน้อยก็เป็นก้อนหนึ่งก้อน ที่โยนลงไปในน้ำเพื่อทำให้น้ำกระเพื่อม พร้อมกับความหวังว่าคลื่นเล็กๆ ที่เกิดขึ้น จะไปรวมกับคลื่นอื่นๆ ให้กลายเป็นสึนามิสักวันหนึ่ง