เป็นเวลาเกือบ 1 ปีแล้วที่ทั่วโลกเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนชิป ส่งผลให้การผลิตผลิตภัณฑ์ตั้งแต่รถยนต์, คอมพิวเตอร์ไปจนถึงเครื่องใช้อย่างแปรงสีฟันต้องชะงักตัว แม้จะมีการคาดการณ์ว่าสถานการณ์จะดีขึ้นในไตรมาส 2 ปีนี้ แต่ดูเหมือนจะยิ่งเลวร้ายลง และมีแนวโน้มจะขยายไปสู่ปี 2565 และอาจมากกว่านั้น
Matt Murphy ซีอีโอของ Marvell Technology บริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ กล่าวว่า ในขณะที่ผู้ผลิตชิปหลายรายได้ประกาศแผนการที่จะขยายกำลังการผลิตของโรงงาน แต่กว่าโรงงานใหม่จะสามารถเริ่มต้นผลิตชิปได้ก็อาจต้องรอถึงปี 2566 หรือ 2567 เลยทีเดียว ดังนั้น ปัญหาขาดแคลนชิปจะยังไม่ดีขึ้นในเร็ววัน
“ผมอยู่ในวงการนี้มา 27 ปีแล้ว แต่ยังไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน นี่จะเป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวดมาก รวมถึงในปี 2565 ด้วย” Matt Murphy ซีอีโอของ Marvell Technology กล่าว
ขณะที่คู่แข่งในอุตสาหกรรมชิปของ Marvell Technology อย่าง ลิซ่า ซู ซีอีโอของ AMD คาดว่าปัญหาการขาดแคลนจะลดลงในปีหน้าเมื่อโรงงานเปิดใหม่ โดยคาดว่าครึ่งแรกของปี 2565 จะยังคง ‘ตึงตัว’ แต่ช่วงครึ่งหลังจะรุนแรงน้อยลงเมื่อกำลังการผลิตได้เริ่มต้น โดยอาจต้องใช้เวลา 18 ถึง 24 เดือนในการฟื้นกำลังการผลิตใหม่
ที่ผ่านมา Intel เป็นหนึ่งในบริษัทที่ต้องการเพิ่มกำลังการผลิตเป็นสองเท่า โดยประกาศในเดือนมีนาคมว่าจะลงทุน 2 หมื่นล้านดอลลาร์เปิดโรงงานชิปใหม่ 2 แห่งในรัฐแอริโซนา ด้าน TSMC ซึ่งเป็นผู้ผลิตที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมก็ได้ทำสัญญาและทำงานร่วมกับบริษัท Marvell รวมถึงมีแผนจะสร้างโรงงานมูลค่า 1.2 หมื่นล้านในรัฐแอริโซนา และประกาศในเดือนเมษายนว่าจะลงทุน 1 แสนล้านดอลลาร์ในอีก 3 ปีข้างหน้าเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตของโรงงาน
อย่างไรก็ตาม เมอร์ฟีกล่าวว่า ปัญหาการขาดแคลนอาจลดลง หากความต้องการผลิตภัณฑ์ที่ใช้ชิปบางชนิดลดลง อาทิ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ที่ยอดขายต่ำกว่าที่คาด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเชื่อว่าการขาดแคลนชิปจะยังลากยาวไปอีก 12 เดือน อย่างไรก็ตาม ถ้าความต้องการของผู้บริโภคลดน้อยลง อาจจะสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการชิปที่แท้จริง
ทั้งนี้ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลมากกว่า 300 ล้านเครื่องถูกขายในปี 2020 จากข้อมูลของ IDC บริษัทข่าวกรองด้านการตลาด เพิ่มขึ้นจาก 268 ล้านเครื่องในปี 2019 นั่นทำให้นักวิเคราะห์บางคนคาดการณ์ว่า ยอดขายพีซีอาจมีมากกว่า 400 ล้านเครื่องในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
“ถ้าคุณดูจำนวนหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ หรือกระดาษชำระที่ถูกซื้อในตอนแรกที่เกิดจากความตื่นตระหนก และเทียบกับปัจจุบัน เช่นเดียวกับชิปที่ตอนนี้ก็เกิดความตื่นตระหนกกับการซื้อ”
อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการขาดเซมิคอนดักเตอร์อาจจะยังน่าเป็นห่วงหากต้องรอนานอีก 1 ปี โดยที่ผ่านมา เจนเนอรัล มอเตอร์ส (GM) กล่าวว่ายอดขายรถยนต์ในสหรัฐฯ ในช่วงไตรมาสที่สามลดลงมากกว่า 30% เมื่อเทียบเป็นรายปี เนื่องจากการขาดแคลนชิปทำให้การผลิตหยุดชะงักและทำให้สินค้าคงคลังที่ตัวแทนจำหน่ายลดลง
เมื่อเดือนที่แล้ว ผู้ผลิตรถยนต์ได้ปิดการผลิตที่โรงงานส่วนใหญ่ในอเมริกาเหนืออีกครั้ง เนื่องจากประสบปัญหาขาดแคลนชิปเซมิคอนดักเตอร์ และปัญหาดังกล่าวทำให้เจนเนอรัล มอเตอร์ส ต้องเปลี่ยนชิปที่มีอยู่เป็นเฉพาะรถยนต์ที่ได้รับความนิยมและทำกำไรสูงสุดเท่านั้น เช่น รถกระบะ
‘ชิปขาดตลาด’ ทำผู้ผลิตรถยนต์เสียหาย 2.1 แสนล้านเหรียญ ลุ้น ‘โช้คอัพ’ ของขาดชิ้นต่อไป
เมื่อเร็ว ๆ นี้ Elon Musk ซีอีโอของ Tesla เรียกปัญหาการขาดแคลนชิปเซมิคอนดักเตอร์ว่า ‘ปัญหาระยะสั้น’ โดยมองว่ามีโรงงานผลิตชิปจำนวนมากที่กำลังสร้างขึ้น และคิดว่า Tesla จะมีกำลังการผลิตที่ดีในปีหน้า ทั้งนี้ โดยรวมแล้วยอดขายรถยนต์ในสหรัฐฯ คาดว่าจะลดลงอย่างน้อย 13% ในไตรมาสที่สาม เนื่องจากการผลิตหยุดชะงักที่เกิดจากปัญหาขาดแคลนชิป