เมื่อสัปดาห์ที่แล้วทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 เกือบ 50,000 ราย ซึ่งถือว่าเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 1 ปี แม้จะดูเหมือนเป็นสัญญาณที่ดี แต่มีข้อสังเกตว่าอาจมีผู้เสียชีวิตมากกว่าที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน ขณะที่เป้าหมายที่จะฉีดวัคซีนให้ได้ 10% ของประชากรใน 56 ประเทศก็ยังไปไม่ถึง
เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก เปิดเผยว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิดลดลงในทุกภูมิภาค ยกเว้นยุโรป โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมามีจำนวนผู้เสียชีวิตเกือบ 50,000 ราย ถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบปี อย่างไรก็ตาม ความไม่เท่าเทียมกันของวัคซีน โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนายังเป็นปัญหา
โดย WHO ได้ตั้งเป้าการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากร 10% ใน 56 ประเทศภายในเดือนกันยายน แต่ปัจจุบันยังคงไม่บรรลุถึงเป้าหมายนั้น โดยรายงานผู้เสียชีวิตสูงที่สุด อยู่ในประเทศที่มีการเข้าถึงวัคซีนได้น้อยที่สุด
“แม้จำนวนผู้เสียชีวิตจะลดลงในระดับต่ำสุดเมื่อเทียบกับช่วง 1 ปีที่ผ่านมา แต่มันยังคงเป็นระดับสูงอย่างไม่อาจยอมรับได้ และจำนวนจริงนั้นสูงกว่าอย่างแน่นอน”
ปัจจุบัน มีเพียง 3 ประเทศเท่านั้นที่ยังไม่มีการแจกจ่ายวัคซีน ได้แก่ บุรุนดี เอริเทรีย และเกาหลี ขณะที่ประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนน้อยที่สุดในจำนวน 56 ประเทศ ส่วนใหญ่อยู่ในแอฟริกา โดยครึ่งหนึ่งของ 52 ประเทศในแอฟริกาที่มีวัคซีนป้องกันโควิด มีเพียง 2% หรือน้อยกว่า ของประชากรทั้งหมดที่ได้รับวัคซีนครบ
ขณะที่ประเทศที่มีรายได้สูงและระดับกลาง-บน ครอบครองวัคซีนไปกว่า 75% ของวัคซีนทั้งหมดที่พัฒนาขึ้นในช่วงการแพร่ระบาด ดังนั้น จึงต้องการเรียกร้องให้ประเทศร่ำรวยหยุดฉีดวัคซีนเข็ม 3 สำหรับกระตุ้นภูมิ เพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายขององค์การอนามัยโลก ในการสร้างภูมิคุ้มกัน 40% ของทุกประเทศภายในสิ้นปีนี้
“การบรรลุ 40% ต้องใช้แนวทางทั้งของรัฐบาลและทั้งสังคม ซึ่งขึ้นอยู่กับความเป็นผู้นำทางการเมืองและภาคประชาสังคม”
อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ เข้าร่วมการบรรยายสรุปเกี่ยวกับโควิด-19 ขององค์การอนามัยโลกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยออกมาประณามความไม่เท่าเทียมกันของวัคซีนทั่วโลกว่า “ผิดศีลธรรม” และ “โง่เขลา” โดยเสริมว่าอัตราการฉีดวัคซีนที่ต่ำ อาจกระตุ้นให้เกิดการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิดที่ดื้อต่อวัคซีน
ทั้งนี้ มีการวิจัยจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบุว่า บุคคลที่ไม่ได้รับวัคซีนมีแนวโน้มว่าจะเสียชีวิตจาก COVID-19 มากกว่า 11 เท่า และมีแนวโน้มที่จะต้อง รักษาตัวในโรงพยาบาลสำหรับอาการมากกว่า 10 เท่า โดย CDC พบว่า คนที่ไม่ได้รับวัคซีนมีโอกาสติดเชื้อ COVID-19 ได้ประมาณ 4.5 เท่า