การขยับของศิลปินที่สามารถสร้างเรตติ้งได้ดีในโลกโซเชี่ยลมีเดีย ทำให้แบรนด์ตัดสินใจง่ายขึ้นในการจ้างพวกเขาให้มาพรีเซ็นเตอร์ โปรโมตแคมเปญ เป็นสปอนเซอร์อีเวนต์ และไม่เพียงเท่านั้น ยังรวมไปถึงทำธุรกิจร่วมกัน กรณีแบรนด์ใหญ่อย่าง “เอไอเอส” กับแอพพลิเคชั่นโดมออนไลน์ และคอนเสิร์ตเจทวีตเตอร์ปาร์ตี้ คือผลล่าสุดสำหรับศิลปินตัวจริงที่มีตัวตนในโลกออนไลน์ ไม่ใช่แค่ทวีตได้ความมันส์ แต่คือรายได้ที่เป็นกอบเป็นกำ และสำหรับแบรนด์คือความสำเร็จในการใช้งบอย่างคุ้มค่าและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
เอไอเอสได้รับการติดต่อจากโดม ปกรณ์ ลัม ถึงไอเดียในการทำแอพพลิเคชั่น หลังจากที่โดมสร้างความฮือฮาในโลกออนไลน์ด้วยการโพสต์คลิปส่วนตัว “How to หล่อขั้นเทพ” จนมีผู้เข้าชมหลักหมื่นคนในบางคลิป เขาเข้ามาพร้อมกับไอเดียทางการตลาด และโมเดลความเป็นพันธมิตรธุรกิจ ไม่ใช่แค่จ้างพรีเซ็นเตอร์ ทำให้ ”ปรัธนา ลีลพนัง” ผู้อำนวยการสำนักการตลาดบริการเสริม บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ใช้เวลาไม่นานนักก็ตอบตกลงกับโดม
เมื่อดูแล้ว ศิลปินตั้งใจทำจริง (Real & No Fake) เนื้อหามีประโยชน์กับคนอ่าน ดังอยู่แล้วในโซเชี่ยลมีเดีย ทำเองและอินอยู่ในโลกโซเชี่ยลมีเดียจริงๆ มีทั้ง เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ เป็นศิลปินที่มีผลต่อการการตัดสินใจ (Influencer) วัดจากมีแฟนคลับที่เหนียวแน่นของตัวเอง เพราะแฟนคลับซึ่งเป็นลูกค้าอีกเซ็กเมนต์หนึ่งที่อาจสนใจสินค้านั้นด้วย
“ปรัธนา” มองว่าคอมมูนิตี้อย่างเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์เข้มแข็ง เพราะการที่คนกลุ่มหนึ่งจะเข้ามาอยู่ในสังคมออนไลน์เดียวกัน ย่อมมีจุดสนใจร่วมกัน จึงง่ายที่จะดึงลูกค้าให้เข้ามาสู่แบรนด์ (Brand Engagement)
กรณีของเอไอเอสกับโดมออนไลน์แอพพลิเคชั่นนั้น เอไอเอสมีเป้าหมายต้องการโปรโมตบริการสื่อสารข้อมูล โดยดึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่ชอบโดม และเพิ่มคอนเทนต์ให้กับลูกค้าเอไอเอส ได้ในแง่ชื่อเสียงของแบรนด์ที่สร้างโมเดลใหม่ๆ
ส่วนโดม ได้เปิดช่องทางให้แฟนคลับเข้าถึงตัวเขามากขึ้น เพื่อปูทางไปสู่การซื้อคอนเทนต์บันเทิงของเขาในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการดาวน์โหลดเพลง และโปรเจกต์ทีวีออนไลน์ เป็นดีลที่ ”ปรัธนา” บอกว่าดีลนี้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจไม่ใช่แค่ 1+1 เป็น 2 เหมือนอย่างในอดีตที่แบรนด์กับศิลปิน เป็นแค่พรีเซ็นเตอร์ แต่เป็น 1+1 =3 ที่ข้อตกลงนี้สามารถต่อยอดได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
อีกโมเดลหนึ่งของเอไอเอสกับ ”เจ เจตริน” พงศกร คอวนิช ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด เอไอเอส คอนเฟิร์มว่าเพราะเจมีแฟนเยอะ และเอไอเอสกับเจจึงมีความสัมพันธ์ที่ดีมานาน ในแง่ของแบรนด์เมื่อมีอีเวนต์ที่ต้องมีศิลปินเป็นเซเลบริตี้ เอไอเอสก็ไม่ลืมเจ และเช่นเดียวกันเมื่อเอไอเอสมีโปรดักต์ หรือแคมเปญใหม่ เจก็ไม่ลืมทวีตโปรโมตให้
กับคอนเสิร์ตเจทวีตปาร์ตี้เป็นรูปธรรมมากที่สุดที่เจกับเอไอเอสต่อยอดร่วมกัน เอไอเอสเป็นสปอนเซอร์คอนเสิร์ตที่มีแฟนประมาณ 700 คน แต่คนรับรู้ในทวิตเตอร์@jjetrin กว่า 7 หมื่นคน ตั้งแต่หน้างานจนถึงเวทีก็มีแทรกหรือ Tie-in แบรนด์เอไอเอสเป็นระยะๆ แบบไม่ยัดเยียด มีแบ็กดร็อปถ่ายรูปกับเจที่มีโลโก้เอไอเอส ระหว่างแสดงสดมีการแจกรางวัลตั้งแต่ไอโฟนไปจนถึงตุ๊กตาน้องอุ่นใจไอคอนของเอไอเอส
ศิลปินที่สามารถสร้างสื่อของตัวเอง สร้างคอมมูนิตี้ของตัวเอง ทำให้แบรนด์ง่ายต่อการตัดสินใจในการสื่อสารแบรนด์ผ่านศิลปินเหล่านี้ เพราะรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของตัวเองนั้นเป็นใคร เทรนด์นี้กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่สิ่งที่เอไอเอสย้ำคือ เครื่องมือนี้จะสัมฤทธิ์ผลก็ต่อเมื่อศิลปินนั้นมีจุดยืน สร้างจุดแข็งของตัวเองได้ชัดเจน แล้วเรตติ้งที่ตามมาก็ดึงแบรนด์ให้เข้าหาเต็มที่อย่างแน่นอน