บริษัท “ยูโทเปีย” ทุนอสังหาฯ จากออสเตรเลียที่ลงทุนในภูเก็ตมากว่า 5 ปี ล่าสุดแตกไลน์เปิดบริษัทเชนโรงแรม “UHG” เพื่อบริหารโครงการในเครือ และรับจ้างบริหารให้กับโครงการนอกเครือ โดยชูจุดขาย “การันตีผลตอบแทน” ให้กับพาร์ตเนอร์เจ้าของโรงแรม
“ฮาชิ ยิน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “ยูโทเปีย คอร์ปอเรชัน” ประกาศแตกไลน์บริษัทในเครือ “ยูโทเปีย ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป” หรือ UHG ซึ่งจะก้าวเข้าสู่ธุรกิจบริหารโรงแรม เป็นเชนใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาด จ.ภูเก็ต
ฮาชิ ผู้ก่อตั้งซึ่งเป็นชาวออสเตรเลียนเอเชียน กล่าวถึงความเป็นมาของยูโทเปีย คอร์ปอเรชันว่า เกิดจากตนเองเคยเปิดบริษัทเอเย่นต์อสังหาริมทรัพย์เพื่อขายสินทรัพย์บนเกาะภูเก็ต แต่ปรากฏว่าเจ้าของโครงการทิ้งงานและไม่ส่งมอบให้ลูกค้า ทำให้เกิดแรงบันดาลใจว่าจะเข้ามาทำธุรกิจนี้เอง
ในปี 2558 จึงก่อตั้งยูโทเปีย คอร์ปอเรชันขึ้น มุ่งเน้นพัฒนาโครงการเพื่อการลงทุน เป้าหมายลูกค้าต่างชาติ ปัจจุบันเปิดตัวแล้ว 10 โครงการ จำนวนรวม 2,000 ยูนิต มูลค่าการลงทุนรวม 8,000 ล้านบาท ราคาอสังหาฯ ครอบคลุมทุกกลุ่มตั้งแต่ 3-40 ล้านบาท โดยเปิดขายแล้ว 6 แห่งและทำยอดขายไปแล้ว 80% ส่งมอบแล้ว 10%
ที่ผ่านมายูโทเปียขายโครงการด้วยโมเดลคอนโดเทล การันตีผลตอบแทนให้ลูกค้า 6% ต่อปี ระยะเวลา 3 ปี โดยลูกค้าสามารถเลือกให้บริษัทบริหารการปล่อยเช่าให้หรือปล่อยเช่าเองก็ได้
ล่าสุด เพื่อต่อยอดการบริหารการปล่อยเช่าได้ดีและเป็นไลน์ธุรกิจใหม่ ยูโทเปียจึงเปิดบริษัทลูก “ยูโทเปีย ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป” (UHG) มาบริหารธุรกิจโรงแรม โดยจะนำมาบริหารโครงการในเครือที่กำลังก่อสร้าง เริ่มแห่งแรกที่โครงการ ยูโทเปีย เซ็นทรัล ทำเล 3 กม.จากเซ็นทรัล เฟสติวัล ภูเก็ต ซึ่งจะเปิดบริการเดือนตุลาคม 2565
บริหารโรงแรมระดับกลางจนถึงอัลตร้าลักชัวรี
“นลินา สุรนัคครินทร์” ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารแบรนด์ของ UHG ซึ่งเคยผ่านงานบริหารแบรนด์ในกลุ่มลักชัวรีหลายบริษัท เช่น ไรมอนแลนด์, นาฬิกาเฟรเดอริก คองสตอง, แบรนด์วิสกี้ในกลุ่มดิอาจิโอ และเข้ามาร่วมงานกับ UHG เมื่อเดือนมิถุนายนปีนี้ เธออธิบายถึงแผนงานของเครือ แบ่งแบรนด์โรงแรมที่จะพัฒนาออกเป็น 3 ระดับ (จะมีการประกาศชื่อแบรนด์ในภายหลัง) ดังนี้
- Midscale Aparthotel เป็นส่วนผสมของโรงแรมกับอพาร์ตเมนต์ จับเทรนด์ของ Airbnb ที่ลูกค้าชื่นชอบความรู้สึกเป็นส่วนตัว เหมือนอยู่บ้าน เข้ากับบริการของโรงแรมที่ทำให้การเข้าพักง่ายและสะดวก งานดีไซน์ภายในจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกเจาะเป้าหมาย “Workation” เหมาะกับการมาทำงานพร้อมกับการท่องเที่ยว และสามารถพักระยะยาวได้ จะเปิดแบรนด์นี้ในโครงการ ยูโทเปีย เซ็นทรัล บริการจริงเดือนตุลาคม 2565
- Upscale Lifestyle Hotel and Resort โรงแรมระดับบน ตอบโจทย์ชีวิตที่ต้องการการพักผ่อน มีสุขภาพที่ดีทั้งกายใจ (Retreat) แต่ขณะเดียวกันก็มีไลฟ์สไตล์ความบันเทิงด้วย
- Ultra-Luxury Hotel โรงแรมระดับอัลตร้าลักชัวรีเจาะกลุ่มมหาเศรษฐี เปิดตัวแห่งแรก ณ โครงการ “Bay of Icons” ทำเลอ่าวปอ โดยจะมีความร่วมมือกับแบรนด์ระดับโลก 2 แบรนด์ ที่ประกาศความร่วมมือแล้วคือ “Tonino Lamborghini” อีกแบรนด์หนึ่งจะเป็นแบรนด์แฟชั่นระดับโลก เตรียมเปิดตัวปีหน้า
“โครงการ Bay of Icons อ่าวปอจะเป็นมิกซ์ยูสคอมเพล็กซ์ นอกจากโรงแรมแล้วจะมีบีชคลับและความบันเทิง ลองนึกภาพภูเก็ตที่จะมีเรือยอชต์มาจอดเรียงรายกันอีกครั้งหลังการท่องเที่ยวฟื้น” นลินากล่าว
“เรามองว่าภูเก็ตยังไม่มีจุดแลนด์มาร์กจริงๆ สำหรับกลุ่มอัลตราลักชัวรี ไม่เหมือนกับสิงคโปร์ที่มีเซ็นโตซ่า ฮ่องกงมีเดอะพีค หรือลอสแอนเจลิสมีฮอลลีวูด เราต้องการปั้นให้ Bay of Icons เป็นแลนด์มาร์กของ จ.ภูเก็ต” ฮาชิกล่าว
หลังจากนี้ โครงการคอนโดมิเนียมที่จะปรับเป็นโรงแรม จะมีการรีดีไซน์ตกแต่งภายในให้ตรงกับคาแร็กเตอร์ของแบรนด์แต่ละระดับ และจะดำเนินการขอใบอนุญาตเป็นโรงแรมอย่างถูกต้อง
รับจ้างบริหารแบบ “การันตียีลด์”
ฮาชิกล่าวต่อว่า ธุรกิจใหม่อย่าง UHG จะรับจ้างบริหารให้กับโรงแรมอื่นนอกเครือด้วย โดยรับตั้งแต่เป็นที่ปรึกษาการพัฒนาโครงการจนถึงการใช้แบรนด์เข้าบริหารหลังโครงการสร้างเสร็จ ปัจจุบันมีดีเวลอปเปอร์โครงการขนาดเล็กระดับบูทิคโฮเทลสนใจเข้ามาเจรจาบ้างแล้ว
นลินาอธิบายว่า ไฮไลต์ของเชนในเครือ UHG คือ จะมีการ “การันตีผลตอบแทน” ให้ด้วย จากปกติในวงการนี้ เชนโรงแรมอื่นๆ ไม่มีการการันตีให้ รวมถึงจะมีความยืดหยุ่นกว่าในแง่การทำสัญญา เช่น สามารถทำสัญญาระยะสั้นเพียง 5 ปี จากปกติเชนอื่นๆ จะรับขั้นต่ำประมาณ 10-15 ปี และยืดหยุ่นด้านมาตรฐานและสไตล์ของโรงแรม
“ปกติเชนโรงแรมอื่นๆ ถ้าจ้างมาบริหารจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเยอะมาก เช่น ค่าธรรมเนียมการบริหาร ค่าธรรมเนียมการตลาด แต่ไม่เคยมีใครกล้าการันตีผลตอบแทนให้เลย” ฮาชิกล่าว ทั้งนี้ ผลตอบแทนจะเป็นเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับการเจรจาเป็นรายโครงการ
ตลาดจีนยังแข็งแรง รัสเซีย-อังกฤษกำลังมา
ด้านสภาวะตลาดในช่วงที่การท่องเที่ยวซบเซา ฮาชิกล่าวว่า ในแง่ของลูกค้าลงทุนอสังหาฯ ยังมีดีมานด์อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทสามารถปิดการขายอสังหาฯ ได้ 132 ยูนิตในช่วงที่เกิดโรคระบาด COVID-19 ขึ้น เนื่องจากมีเอเย่นต์พาร์ตเนอร์ในหลายประเทศ เช่น จีน อังกฤษ
“เมื่อ 5 ปีก่อนที่ผมเริ่มขายโครงการแรก 80% ของผู้ซื้อมาจากออสเตรเลีย รัสเซีย และยุโรป แต่ 3 ปีก่อน 80% กลายเป็นชาวจีน ส่วนหลังจาก COVID-19 มองว่าตลาดจีนจะยังแข็งแรงอยู่ โดยเรามีออฟฟิศประจำที่ปักกิ่งและมีพาร์ตเนอร์เอเย่นต์ช่วยขาย แต่เรากำลังกระจายความเสี่ยงให้มากขึ้น มองว่าตลาดที่จะมาแรงคือรัสเซียซึ่งฟื้นตัวจากปัญหาค่าเงินอ่อนตัวแล้ว และอังกฤษซึ่งเรามีพาร์ตเนอร์เอเย่นต์แล้ว รวมถึงตลาดประเทศไทยที่เราจะประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น” ฮาชิกล่าว
ส่วนลูกค้านักท่องเที่ยวที่จะเป็นเป้าหมายของธุรกิจโรงแรม มองว่าช่วงคริสต์มาสถึงปีใหม่ปีนี้ ยอดจองโรงแรมในภูเก็ตเริ่มกระเตื้องขึ้น คาดว่าตลาดภูเก็ตจะฟื้นได้ชัดเจนไตรมาส 3-4 ปี 2565 และภูเก็ตจะกลับมาบูมเหมือนเก่าได้ในปี 2566
ขณะที่ตลาดชาวจีนซึ่งยังไม่เปิดให้คนในประเทศออกเที่ยวต่างประเทศได้เสรี ข้อมูลจากพาร์ตเนอร์ในประเทศจีนระบุว่า มีแนวโน้มที่รัฐบาลจีนจะเปิดประเทศให้ประชาชนออกต่างประเทศได้ในจำนวนจำกัดตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2565
แผนธุรกิจของยูโทเปีย คอร์ปอเรชันใน 2 ปีจากนี้จะเน้นพัฒนาโครงการที่มีอยู่เดิมให้เสร็จสิ้น ยังไม่มีการลงทุนเพิ่ม อย่างไรก็ตาม ถ้ามีข้อเสนอเทกโอเวอร์โครงการที่น่าสนใจก็พร้อมพิจารณา ที่ผ่านมาบริษัทเคยเทกโอเวอร์โครงการเก่ามาพัฒนาต่อแล้ว 2 แห่ง ที่ยูโทเปีย ยามู และยูโทเปีย ถลาง