“ไทยเวียตเจ็ท” เปิดเส้นทางบิน 7 เส้นทางใน-นอกประเทศ เชื่อม “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” เข้าเชียงใหม่ เชียงราย อุดรธานี และสิงคโปร์ ปักหมุดรูทต่างประเทศ กรุงเทพฯ-ไทเป และ กรุงเทพฯ-สิงคโปร์ อย่างไรก็ตาม การปิดสนามบินพื้นที่สีแดงเข้มทำให้บริษัทปรับลดเป้าผู้โดยสารปีนี้เหลือ 3.5 ล้านคนเท่านั้น
“วรเนติ หล้าพระบาง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยเวียตเจ็ท ประกาศการเปิดเส้นทางบินเพิ่มเติม 7 เส้นทาง
แบ่งเป็น เส้นทางในประเทศ 4 เส้นทาง ได้แก่
ภูเก็ต-เชียงใหม่ เริ่ม 15 กันยายน 2564
ภูเก็ต-เชียงราย (*) เริ่ม 1 ตุลาคม 2564
ภูเก็ต-อุดรธานี เริ่ม 10 พฤศจิกายน 2564
หาดใหญ่-เชียงราย (*) เริ่ม 1 ตุลาคม 2564
(*) คือเส้นทางบินเดิมที่กลับมาเปิดให้บริการ ส่วนอีก 2 เส้นทางเป็นรูทเปิดใหม่
และอีก 3 เส้นทางเป็นเส้นทางบินระหว่างประเทศใหม่จากไทยเวียตเจ็ท ได้แก่
ภูเก็ต-สิงคโปร์ เริ่ม 21 ตุลาคม 2564
กรุงเทพฯ-ไทเป เริ่ม 20 ตุลาคม 2564
กรุงเทพฯ-สิงคโปร์ เริ่ม 20 ตุลาคม 2564
โดยบริษัทได้ลงทุนเช่าเครื่องบินเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ลำที่ 16 กำลังจะมาถึงเมืองไทยวันที่ 11 กันยายนนี้ และตลอดปี 2564 นี้จะมีเข้ามาเพิ่มฝูงบินเป็น 18 ลำ (ลดจากเป้าเดิม 20 ลำ) ซึ่งจะช่วยให้ไทยเวียตเจ็ทลดการดีเลย์ลงได้
สนับสนุน “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” แม้ยังไม่สำเร็จเท่าที่ควร
จะเห็นได้ว่าเส้นทางบินของไทยเวียตเจ็ท เชื่อมต่อเข้าภูเก็ตโดยตรงถึง 4 เส้นทาง และเส้นทางกรุงเทพฯ-ไทเปนั้น วรเนติกล่าวว่า ต้องการจะให้เป็นเส้นทาง ไทเป-กรุงเทพฯ-ภูเก็ต คือจัดให้เป็น Sealed Route ผู้โดยสารที่เดินทางเส้นทางนี้กับไทยเวียตเจ็ทไม่จำเป็นต้องกักตัวเมื่อถึงภูเก็ต เข้าระบบเดียวกับภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ได้
วรเนติกล่าวว่า แม้สถานการณ์ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ไม่ได้ประสบความสำเร็จ 100% เท่าที่คาดหวังกันไว้ แต่ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม กลุ่มเป้าหมายเฟสแรกของภูเก็ตซึ่งเน้นไปทางนักท่องเที่ยวยุโรป บัดนี้เริ่มมีความกังวลเพราะสหราชอาณาจักรบรรจุไทยลงในกลุ่มประเทศเสี่ยงสูง เมื่อนักท่องเที่ยวกลับจากประเทศไทยแล้วจะต้องกักตัว ซึ่งอาจทำให้นักท่องเที่ยวมาเยือนไทยลดลงได้
“ต้องหวังกับเฟสสองคือนักท่องเที่ยวเอเชีย แต่จะมากันเมื่อไหร่อยู่ที่รัฐบาลและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะเจรจากับประเทศต่างๆ เพื่อเปิด Travel Bubble ได้สำเร็จ โดยชี้ให้เห็นชัดเจนว่าภูเก็ตไม่ใช่ทั้งประเทศไทย แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเจรจาสำเร็จ เป็นไปได้ว่าการท่องเที่ยวภูเก็ตต้องรอให้ทั้งประเทศสถานการณ์ดีขึ้น ก่อนจะเปิด Travel Bubble กันได้ ซึ่งเรามองความเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นเดือนตุลาคม แต่ทั้งนี้สถานการณ์ผู้ติดเชื้อต้องลดลงอย่างต่อเนื่องด้วย” วรเนติกล่าว
การประเมินไทม์ไลน์เปิดการเดินทางดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เส้นทางต่างประเทศของไทยเวียตเจ็ท เช่น กรุงเทพฯ-สิงคโปร์ หรือ ภูเก็ต-สิงคโปร์ จะเริ่มต้นช่วงปลายเดือนตุลาคม เพราะขณะนี้สิงคโปร์ยัง ‘ยกการ์ดสูง’ กลุ่มเป้าหมายการท่องเที่ยวและการเดินทางธุรกิจคือ ‘expat’ ต่างชาติในสิงคโปร์ยังไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ เนื่องจากรัฐบาลสิงคโปร์จะยกเลิกใบอนุญาตทำงาน (work permit) หากเดินทางออกนอกประเทศในเวลานี้
แม้สถานการณ์ไม่มีความแน่นอน แต่วรเนติระบุว่า ไทยเวียตเจ็ทมีโชคดีอยู่บ้างที่ก่อนหน้าเกิดวิกฤตยังเป็นสายการบินหน้าใหม่ มีฝูงบินเพียง 15 ลำ ทำให้ผลกระทบไม่สูงเท่าสายการบินอื่น และยังมีโอกาสขยายเส้นทางและฝูงบินได้ จึงยังเดินหน้าขยายตัวต่อไปตามยุทธศาสตร์ระยะยาว
ลดเป้าผู้โดยสารเหลือ 3.5 ล้านคน
แม้ว่าจะเปิดเส้นทางบินเพิ่ม แต่วรเนติมองว่าผู้โดยสารของไทยเวียตเจ็ทปีนี้น่าจะมีเพียง 3.5 ล้านคน จากเดิมเคยประเมินว่าจะถึง 5 ล้านคน เพราะการปิดเส้นทางบินในเขตพื้นที่สีแดงกว่า 1 เดือน และหลังจากนี้ต้องใช้เวลากว่าที่กลุ่มนักท่องเที่ยวไทยจะมั่นใจพอที่จะกลับมาบิน อัตราผู้โดยสารต่อที่นั่งทั้งหมด (Load Factor) จะกลับมาถึง 80% ได้อาจจะเป็นช่วงพฤศจิกายนเป็นต้นไป
แต่ตัวเลขนี้ยังดีกว่าปี 2563 เล็กน้อย เพราะปีก่อนมีผู้โดยสารเพียง 3 ล้านคน ทำให้รายได้ปี 2564 น่าจะยังอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ
วรเนติยังมองยาวไปถึงอนาคตด้วย นั่นคือกลุ่ม “นักท่องเที่ยวจีน” ลูกค้ากลุ่มใหญ่ของไทยเวียตเจ็ทและการท่องเที่ยวไทย ความคืบหน้าการเปิดประเทศให้ชาวจีนเดินทางออกได้เสรี ความเป็นไปได้อย่างเร็วที่สุดคือเดือนพฤศจิกายนนี้ แต่มีโอกาสเพียง 25%
หากพ้นช่วงนั้นไปน่าจะต้องหวังกับเทศกาลตรุษจีนเดือนกุมภาพันธ์ปี 2565 และถ้าจีนยังไม่เปิดประเทศอีก ก็อาจจะขยับไปเปิดช่วงกลางปี 2565 เลยทีเดียว