COVID-19 สายพันธุ์เดลตา ตรวจพบครั้งแรกในอินเดียเมื่อช่วงเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันสายพันธุ์ดังกล่าวกลายเป็นสายพันธุ์หลักของการติดเชื้อทั่วโลก คิดเป็น 99% เนื่องจากสายพันธุ์เดลตา สามารถแพร่หลายมากกว่าสายพันธุ์อื่น
มาเรีย แวน เคอร์โฮฟ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคขององค์การอนามัยโลกด้านโควิด กล่าวว่า ผู้ติดเชื้อ COVID-19 เกือบทั้งหมด 900,000 รายทั่วโลก ในช่วง 60 วันที่ผ่านมา มีต้นตอมาจากสายพันธุ์เดลตา โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่พุ่งสูงอย่างรวดเร็วทั่วโลกในขณะนี้ มีสัดส่วนหลัก ๆ มาจากฝั่ง ยุโรป โดยคิดเป็น 60% ของจำนวนผู้ป่วยใหม่ที่มีมากกว่า 3.3 ล้านราย ทั่วโลกในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
“สายพันธุ์เดลตามีอิทธิพลมากจริง ๆ และปัจจุบันก็พบว่ามันมีสองรูปแบบที่น่าสนใจ ได้แก่ mu และ lambda ที่เราได้ติดตาม”
สัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวนผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 มีจำนวนเกือบ 50,000 ราย เพิ่มขึ้น 5% โดยกว่าครึ่งมาจากยุโรป การใช้หน้ากากอนามัยที่ลดลงและการเว้นระยะห่างทางสังคม กลายเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตในยุโรปเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่การเข้าสู่ฤดูหนาว จะยิ่งนำไปสู่การเจ็บป่วยด้านทางเดินหายใจในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ซึ่งรวมถึงไข้หวัดใหญ่และเชื้อโรคอื่น ๆ
“การระบาดใหญ่กำลังไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้องในขณะนี้” มาเรีย แวน เคอร์โฮฟ กล่าว
ปัจจุบัน บางประเทศในยุโรปกำลังเผชิญกับการระบาดระลอกใหม่ที่รุนแรง อาทิ เยอรมนี สร้างสถิติผู้ป่วยใหม่เกือบ 39,300 รายในวันจันทร์เป็นประวัติการณ์โดยเฉลี่ย 7 วัน เพิ่มขึ้นเกือบ 40% จากสัปดาห์ก่อน
ด้าน สหราชอาณาจักร มีผู้ป่วยรายใหม่มากกว่า 38,500 ราย ในวันจันทร์โดยเฉลี่ยต่อสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 13% จากสัปดาห์ก่อน ค่าเฉลี่ย 7 วันในฝรั่งเศสและอิตาลี ก็เพิ่มขึ้นเกือบ 40% เช่นกัน
รัสเซีย ยังพบการระบาดของไวรัสในระดับสูงโดยเฉลี่ย 7 วัน โดยมีผู้เสียชีวิตประมาณ 1,199 คน ขณะที่จำนวนผู้ป่วยเฉลี่ย 7 วัน มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 38,000 ราย ลดลงมากกว่า 2%