“Spotify” ซื้อบริษัท “หนังสือเสียง” อีกหนึ่งก้าวใหญ่เพื่อ “เป็นทุกอย่างที่คุณอยากฟัง”

Spotify หนังสือเสียง
สัปดาห์ก่อน Spotify เข้าซื้อกิจการ Findaway ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย “หนังสือเสียง” รายใหญ่ เป็นอีกหนึ่งก้าวบนหนทางเพื่อ “เป็นทุกอย่างที่คุณอยากฟัง” หวังขึ้นแท่นแอปฯ ทรงพลังเมื่อนึกถึงการฟังในทุกๆ เรื่อง

การเข้าซื้อ Findaway ของ Spotify ไม่ได้เปิดเผยเม็ดเงินลงทุน แต่ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ของบริษัทถือว่าเป็นก้าวใหญ่มาก เพราะจะเข้าสู่ธุรกิจที่แตกต่างจากเดิม เนื่องจาก หนังสือเสียง (audiobook) ไม่เหมือนกับพอดคาสต์ ในตลาดนี้มักจะมีผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรายใหญ่ มีโมเดลการแบ่งรายได้ที่แตกต่างกับพอดคาสต์ และจะต้องดูแลสัญญาลิขสิทธิ์จำนวนมาก

ความต่างของหนังสือเสียงกับพอดคาสต์ คือในขณะที่พอดคาสต์อาจจะเริ่มจากการอัดเสียงบนโทรศัพท์มือถือ ตัดต่อใส่ซาวด์และดนตรีประกอบสักหน่อย เท่านี้ก็ได้พอดคาสต์แล้ว แต่หนังสือเสียงมักจะมีผู้บรรยายมืออาชีพ หรือกระทั่งนักแสดงอาชีพที่มาให้เสียง รวมถึงมีการอัดในห้องอัดอย่างเป็นกิจจะลักษณะ

โมเดลธุรกิจที่ Findaway ทำอยู่คือการจัดแพลตฟอร์มชื่อ “Voices” ซึ่งเป็นตัวกลางระหว่างนักเขียนกับผู้บรรยายที่แพลตฟอร์มคัดกรองมาให้แล้วว่าจะอัดหนังสือเสียงได้อย่างมีคุณภาพ ทำให้ฝั่งนักเขียนจะยอมเสียค่าบริการให้กับ Findaway เพื่อการจัดหาผู้บรรยายคุณภาพ จากโมเดลธุรกิจนี้ Spotify จะเข้าไปสร้างโอกาสพัฒนาเทคโนโลยีของแพลตฟอร์มให้ดีขึ้น

Spotify พอดคาสต์

ไม่เพียงแต่จัดหาผู้บรรยาย Findaway ยังเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายในตัวเองด้วย ซึ่งทำให้มีส่วนแบ่งรายได้ ปกติสำนักพิมพ์มักจะให้ความเชื่อมั่นต่อ Findaway ในการจัดจำหน่ายหนังสือเสียงต่อไปยังแพลตฟอร์มสำหรับการฟัง ห้องสมุด หรือแพลตฟอร์มรีเทลขายหนังสือเสียง เช่น Audible, Apple Books, Kobo, Libro.fm เป็นต้น จุดนี้จะแตกต่างจากผู้ผลิตพอดคาสต์ที่มักจะเผยแพร่งานของตัวเองด้วยตนเอง

เหตุที่ต้องผ่านคนกลางอย่าง Findaway เพราะการนำไฟล์ที่ซับซ้อนของหนังสือเสียงลงเผยแพร่ตามแพลตฟอร์มแตกต่างกันหลายแห่งไม่ใช่เรื่องง่าย ทำให้ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้หนังสือเสียงลงบนหน้าแอปฯ ต่างๆ อย่างถูกต้อง

สำหรับรายได้ของธุรกิจตัวแทนจัดจำหน่าย คาดว่า Spotify น่าจะรอรับรายได้ก็เพียงพอ เพราะ Findaway มีความแข็งแรงในตัวเองอยู่แล้ว

ณ สิ้นไตรมาส 4 ปี 2020 แอปฯ Spotify มีผู้ใช้ active users จำนวน 345 ล้านคนต่อเดือน และมีสมาชิกพรีเมียม 155 ล้านคน

ข้อสุดท้ายที่น่าสนใจเกี่ยวกับดีลนี้คือ Spotify น่าจะเพิ่มฟังก์ชันใหม่ของตัวเอง เป็นแพลตฟอร์ม “จำหน่ายหนังสือเสียง” ด้วย ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องย้ายแอปฯ ไปฟังหนังสือเสียงที่แอปฯ อื่น แต่กดฟังใน Spotify ได้เลย ตามกลยุทธ์ของ Spotify ที่ต้องการเป็นทุกอย่างที่คุณอยากจะฟัง

หาก Spotify จะจำหน่ายหนังสือเสียงแบบแยกเป็นเรื่องๆ ไป มาร์จิ้นที่ได้จะสูงกว่าพอดคาสต์มาก โดยคาดว่าแอปฯ จะเก็บค่าผ่านทางในการเข้าฟังหนังสือเสียงได้ถึงเรื่องละ 15 เหรียญสหรัฐเลยทีเดียว

เมื่อรวมทั้งซัพพลายเชนแล้ว จะเห็นได้ว่า Spotify จะได้รายได้ตลอดเส้นทาง หาก Findaway เข้าไปมีส่วนในขั้นตอนใดก็ตาม ตั้งแต่การผลิต การเป็นตัวแทนจัดจำหน่าย และการเป็นผู้ขายเองด้วย

สำนักข่าว The Verge คาดการณ์ว่าในอนาคต Spotify น่าจะเริ่มแยกฟังก์ชันสมัครสมาชิกออกเป็นหลายระดับ เช่น มีแพ็กเกจสมาชิกระดับที่สามารถดาวน์โหลดหนังสือเสียงได้เดือนละเล่มร่วมกับการฟังเพลง หรืออาจจะมีแพ็กเกจดาวน์โหลดหนังสือเสียงได้ไม่จำกัด และถ้าหาก Spotify สามารถดึงตลาดให้นักฟังหนังสือเสียงมาใช้บริการแพลตฟอร์มเป็นหลักได้ เมื่อนั้นสำนักพิมพ์ก็จะต้องการลงหนังสือบนแอปฯ นี้มากขึ้น และจะให้ราคาที่ดีขึ้นด้วย

ย้อนกลับไปในช่วงที่ Spotify โหมบุกตลาดพอดคาสต์ บริษัทนี้ใช้เวลาแค่ 2 ปีเพื่อเคลมตัวเองว่าเป็นเบอร์ 1 ของวงการพอดคาสต์ แล้วบริษัทจะทำได้อีกหรือไม่กับการตะลุยวงการหนังสือเสียง? ต้องรอติดตามกันต่อไป

Source