ตอนนี้วงการคริปโตฯ ไทยกำลังน่าจับตามองมาก โดยเฉพาะกับคริปโตสัญชาติไทย อาทิ KUB Coin, jfin Coin และ Six Coin แต่ในช่วงเช้าของวันนี้ (08:45 น.) ทั้ง 3 เหรียญราคากลับร่วงหลังจากที่เคยพุ่ง All Time High เป็นประวัติการณ์ในช่วงเวลาไม่กี่วัน
ย้อนไปช่วงวันที่ 20 พฤษภาคม Bitkub แพลตฟอร์ม Exchange สำหรับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ได้ประกาศว่าจะเปิดให้เหรียญ KUB Coin ที่ออกโดยบริษัท สามารถซื้อขายในแพลตฟอร์มได้ โดยราคาขายเบื้องต้นอยู่ที่ 30 บาท และจะออกมา 1 พันล้านเหรียญ หรือมีมูลค่า 3 หมื่นล้านบาท โดย 10 ล้านเหรียญแรก Bitkub แจกให้กับยูสเซอร์ที่เคยใช้งานแพลตฟอร์ม ก่อนจะออกมาให้ซื้อในวันแรกอีก 10% และจะทยอยปล่อยออกมาเป็นรายไตรมาสและรายปี
ใน 2 วันแรกที่ KUB Coin สามารถขายได้ 50 ล้านเหรียญ จากนั้นราคาก็ร่วงลงมาเหลือ 13-14 บาท เนื่องจากก.ล.ต. ตั้งกฎว่าห้ามบุคคลที่เกี่ยวข้องกับศูนย์ซื้อขายเอง แม้จะไม่มีผลย้อนหลัง แต่ทำให้ศูนย์ซื้อขายอื่น ๆ ทำไม่ได้จนเกิดเป็นดราม่า หลังจากนั้น Bitkub ก็ได้เบิร์นเหรียญทิ้ง 89% ให้เหลือ 110 ล้านเหรียญ จนราคากลับมาอยู่ที่ราว 25 บาท
จากนั้น 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา SCB ได้ให้ SCBs เข้าซื้อหุ้น Bitkub ในสัดส่วน 51% ในมูลค่า 17,850 ล้านบาท ทำให้เหรียญราคาพุ่ง 132% ในวันเดียว ปิดที่ 77 บาท และนับตั้งแต่ตอนนั้นราคาเหรียญ KUB Coin ก็ทรงตัวมาโดยตลอด และช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาก็เติบโตมาตลอด
จนวันที่ 29 พฤศจิกายน ข้อมูลจาก tradingview แสดงถึงราคาของเหรียญ KUB ว่าได้พุ่งทะยานสู่จุดสูงสุดใหม่ที่ 500 บาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพราะมีข่าวว่า Bitkub ร่วมกับ เดอะมอลล์ ตั้ง Bitkub M ก่อนจะค่อย ๆ ร่วงลดลงเรื่อย จนกระทั่งประมาณ 9 โมงเช้าของวันนี้ (30 พฤศจิกายน) ก็มีการเทขายอย่างรุนแรง จนทำให้ราคาร่วงลงเหลือ 140 บาท แต่จากนั้นก็มีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม สาเหตุดังกล่าวอาจมาจากที่มีการรายงานว่า ในวันที่ 1 ธันวาคม จะมีการทยอยปลดล็อกเหรียญ KUB จำนวนนับล้านเหรียญจากแพลตฟอร์ม Bitkub next หรือ Bonus kub ที่มีการล็อกเหรียญไว้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน ทำให้นักเทรดชาวไทยเริ่มความกังวลว่ามันจะทำให้เกิดแรงเทขายจำนวนมหาศาลที่อาจส่งผลทำให้ราคาของเหรียญ KUB นั้นร่วงลงอย่างรุนแรงได้
สำหรับอีก 2 เหรียญที่ราคาร่วงก็คือ Jfin Coin (ของ J-mart) และ Six Coin (ของ Ookbee U และ กลุ่ม YDM) ที่เกิดมาจากการทำ ICO (Initial Coin Offering : การระดมทุน แบบดิจิทัลด้วยการเสนอขาย ดิจิทัลโทเคน) โดยเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน มูลค่าของ Jfin Coin อยู่ที่ 15 บาท ก่อนจะพุ่งอยู่ที่ 66 บาท ในวันที่ 26 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา จากนั้นเพียงไม่กี่วันเหรียญดังกล่าวก็ได้การไล่ซื้อชุดใหญ่จนดันให้ราคาขึ้นอยู่ในระดับ All Time High ที่ 248 บาท ในวันที่ 30 พฤศจิกายน
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เหรียญ Jfin Coin พุ่งนั้นก็เพราะมีการเปิดเผยว่า รถไฟฟ้า BTS กำลังร่วมมือกับ บมจ.เจ มาร์ท (JMART) เพิ่มช่องทางการชำระเงินใช้บริการรถไฟฟ้า BTS ด้วยการใช้ Jfin Coin ชำระค่าบริการต่าง ๆ ในเครือ ในช่วงต้นปีหน้า เช่น การใช้เหรียญในการชำระค่าบริการธุรกิจโรงแรมในเครือ, การใช้เหรียญเพื่อเติมเงินในบัตรแรบบิทในการชำระค่าเดินทางด้วยรถไฟฟ้าของ BTS หรือ การชำระราคาสินค้า เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม หลังจาก Jfin Coin พุ่งสู่ New Hight ได้ไม่กี่นาทีก็เริ่มมีแรงขายออกมาอย่างหนัก กดดันให้ราคาเหรียญร่วงลงราวตกหน้าผา โดยมาทำจุดต่ำสุดที่ 88 บาท จนล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ที่บริเวณ 125 บาท
ส่วนเหรียญ Six Coin เปิดขายตอนแรกที่ 3 บาทในช่วงปี 2018 จากนั้นก็พุ่งสูงสุดที่ 6 บาทในช่วงเดือนเมษายน จากนั้นก็ร่วงลงมาตลอด แต่เคยมีข่าวลือว่าจะคอลแลบกับลาซาด้า ทำให้ราคาขึ้นลง ๆ อยู่ช่วงหนึ่ง จนเริ่มขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และเมื่อเช้าวันที่ 29 พฤศจิกายนทำสถิติสูงสุดที่ 18 บาท ก่อนจะร่วงลงสู่ระดับ 10 บาทในวันที่ 30 พฤศจิกายน
จะเห็นว่าเหรียญแต่ละสกุลมีความผันผวนขึ้นลงเร็วมาก ดังนั้น ควรศึกษาให้ดีก่อนจะลงทุน ไม่ควรประมาทเด็ดขาด