อสังหาฯ แนวราบ “บริทาเนีย” (BRI) เตรียมเปิด IPO แข็งแกร่งด้วยนวัตกรรม-การออกแบบตอบโจทย์ “ชีวิตยุคใหม่”


“บริทาเนีย” (BRI) บริษัทเรือธงของ “ออริจิ้น” เตรียมเปิด IPO โดยเป็นบริษัทเน้นพัฒนาโครงการแนวราบ ชูความแข็งแกร่ง การออกแบบเป็นเอกลักษณ์ ฟังก์ชันตอบโจทย์ “ชีวิตยุคใหม่” มีแบรนด์ครบทุกเซ็กเมนต์สนองตลาด เลือกทำเลเกาะแหล่งงาน “นิคม” ทั้งในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลและ EEC

สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์หลัง COVID-19 สะท้อนให้เห็นทิศทางอนาคตที่จะมา ‘เข้ามือ’ ผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยแนวราบมากขึ้น โดยข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) พบว่า เมื่อปี 2563 มูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ของที่อยู่อาศัยแนวราบทั่วประเทศอยู่ที่ 6.17 แสนล้านบาท เติบโต 2.15% เทียบกับทั้งตลาดที่ติดลบไป -0.3% สะท้อนให้เห็นว่าโครงการแนวราบมีความแข็งแกร่ง

สาเหตุเนื่องจาก COVID-19 ทำให้วิถีชีวิตมีความเปลี่ยนแปลง ผู้อยู่อาศัยต้องการพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นเพื่อทำงานจากที่บ้าน หรือเรียนจากที่บ้าน โครงการประเภททาวน์เฮาส์ บ้านแฝด หรือบ้านเดี่ยวจึงตอบโจทย์กว่า

ปัจจัยบวกนี้เป็นแรงหนุนให้กับ บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ หรือ ORI มุ่งเน้นการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ

ผ่านมา 5 ปีนับจากปีก่อตั้ง ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 “บริทาเนีย” เปิดขายโครงการสะสม 15 โครงการ แบ่งเป็นโครงการที่ปิดการขายแล้ว 2 โครงการ มูลค่ารวม 2,028 ล้านบาท และโครงการอยู่ระหว่างขาย 13 โครงการ มูลค่ารวม 17,550 ล้านบาท

อนาคตมีโครงการอยู่ระหว่างพัฒนาเตรียมเปิดขาย 6 โครงการ มูลค่ารวม 4,300 ล้านบาท และโครงการรอพัฒนาอีก 9 โครงการ มูลค่ารวม 10,800 ล้านบาท

เมื่อปี 2563 บริษัทบริทาเนียทำรายได้รวมไป 2,342 ล้านบาท และงวดเก้าเดือนแรกของปี 2564 ทำรายได้รวมไป 2,809 ล้านบาท ที่น่าสนใจคือ ปี 2563 บริษัทมีอัตรากำไรสุทธิถึง 14.89% ขณะที่งวดเก้าเดือนแรกของปี 2564 อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 16.10% สะท้อนความแข็งแกร่งในธุรกิจที่สามารถทำอัตรากำไรสุทธิได้แบบ ‘ดับเบิล ดิจิต’


มีครบทุกเซ็กเมนต์ ตอบรับทุกตลาด

แม้จะเป็นน้องใหม่ในตลาด แต่บริทาเนียขยายตัวอย่างรวดเร็วและมีแบรนด์ครบทุกเซ็กเมนต์ ซึ่งทำให้บริษัทมีความยืดหยุ่น สามารถตอบสนองลูกค้าได้ทุกตลาด โดยมีแบรนด์และกลุ่มราคา ดังนี้

1.ไบรตัน (Brighton)

โครงการทาวน์โฮม-บ้านแฝด ในพื้นที่ปริมณฑลของกรุงเทพฯ และจังหวัดโดยรอบ เน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่วัย 25-35 ปีที่มีความทันสมัย เข้าใจเทคโนโลยี รายได้ต่อเดือนประมาณ 30,000-50,000 บาท กลุ่มราคาเฉลี่ย 2.5-4 ล้านบาทต่อหลัง

ตัวอย่างโครงการ: ไบรตัน คูคต สเตชั่น

2.บริทาเนีย (Britania)

โครงการทาวน์โฮม บ้านแฝด หรือบ้านเดี่ยวในกรุงเทพฯ และปริมณฑล อยู่ใกล้ทางขึ้นลงทางด่วน เน้นกลุ่มคนวัยเริ่มต้นครอบครัวหรือครอบครัวขนาดเล็ก อายุ 25-40 ปี เป็นพนักงานบริษัท เจ้าของกิจการ SMEs รายได้ต่อเดือน 50,000-130,000 บาท กลุ่มราคาเฉลี่ย 4-8 ล้านบาทต่อหลัง

ตัวอย่างโครงการ: บริทาเนีย บางนา สุวรรณภูมิ

3.แกรนด์ บริทาเนีย (Grand Britania)

โครงการบ้านแฝดและบ้านเดี่ยวในกรุงเทพฯ และปริมณฑล อยู่ติดกับถนนสายหลัก เน้นกลุ่มครอบครัวขนาดกลางถึงใหญ่ อายุ 35-50 ปี เป็นพนักงานบริษัทระดับบริหาร หรือเจ้าของกิจการขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีรายได้ต่อเดือน 130,000-500,000 บาท กลุ่มราคาเฉลี่ย 8-20 ล้านบาทต่อหลัง

ตัวอย่างโครงการ: แกรนด์ บริทาเนีย ราชพฤกษ์ พระราม 5

4.เบลกราเวีย (Belgravia)

โครงการบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ ที่ตั้งในกรุงเทพฯ ติดถนนสายหลัก กลุ่มเป้าหมายคนวัย 35-50 ปีที่ประสบความสำเร็จ เป็นผู้บริหารระดับสูง หรือเจ้าของกิจการขนาดใหญ่ ใช้ชีวิตทันสมัย ฐานะมั่นคง รายได้ต่อเดือน 500,000 บาทขึ้นไป กลุ่มราคาเฉลี่ย 20-50 ล้านบาทต่อหลัง

ตัวอย่างโครงการ: เบลกราเวีย เอ็กซ์คลูซีฟ พูลวิลล่า บางนา พระราม 9


เจาะแหล่งงาน “นิคม” กำลังซื้อสูง

ไฮไลต์ของบริษัทบริทาเนียคือมุมมองการหาทำเลเจาะตลาด โดยบริษัทจะเลือกทำเลที่คมนาคมสะดวกเป็นหลัก และพื้นที่ที่เมืองกำลังขยายตัว มีอุปสงค์สูง เช่น บางนา ราชพฤกษ์ คูคต รวมถึงรอบนอกกรุงเทพฯ ที่เป็นจังหวัดศักยภาพ เช่น ปทุมธานี ฉะเชิงเทรา ระยอง อยุธยา นครปฐม สมุทรสงคราม เป็นต้น

รวมถึงบริทาเนียยังให้ความสำคัญกับ “นิคม” อุตสาหกรรมทั้งในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และต่างจังหวัด เช่น เขตระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) เพราะพื้นที่เหล่านี้เป็นแหล่งงานด้านการส่งออกที่ทำรายได้ให้กับประเทศ และจะมีดีมานด์ที่อยู่อาศัยสูงตามมา

ปัจจุบันโครงการของบริทาเนียที่มีการเปิดขายไปแล้ว 15 โครงการ มีถึง 10 โครงการที่ตั้งอยู่ใกล้นิคม เช่น ไบรตัน บางนา กม.26 อยู่ใกล้กับนิคมฯ บางพลีและเวลโกร์ว, บริทาเนีย แพรกษา สเตชั่น อยู่ใกล้กับนิคมฯ บางปูและแพรกษา, แกรนด์ บริทาเนีย สุวรรณภูมิ อยู่ใกล้กับนิคมฯ อัญธานี เจมโมโปลิส เป็นต้น

บริทาเนียยังเล็งเห็นพื้นที่ “บลูโอเชียน” ตามการขยายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐซึ่งบริษัทจะมองหาโอกาสเข้าไปพัฒนาที่อยู่อาศัยในอนาคตด้วย เช่น โครงการสนามบินอู่ตะเภา โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการมอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช เป็นต้น


ใส่ใจการออกแบบ “ฟังก์ชันบ้าน” ยึด Human Centric

แบบสถาปัตยกรรมของบ้านในเครือบริทาเนียจะมีความเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละโครงการ และฟังก์ชันที่ให้ในตัวบ้านและโครงการยังออกแบบจากแนวคิด Human Centric ทำให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคสมัยใหม่ แก้ปัญหาการใช้ชีวิต เช่น ก่อสร้าง “ครัวไทย” ภายนอกบ้านให้เรียบร้อย ลูกค้าไม่ต้องห่วงเรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์ และไม่ต้องดูแลงานก่อสร้างเพิ่มเติมในภายหลัง หรือ ชั้น 1 จะมี “ห้องนอนผู้สูงอายุ” ซึ่งดัดแปลงเป็นห้องอเนกประสงค์ได้ และมี “ที่นั่งอาบน้ำสำหรับผู้สูงอายุ” ช่วยให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้น

รวมถึงในโครงการเบลกราเวียซึ่งมี “สระว่ายน้ำ” ส่วนตัว จะเป็นสระว่ายน้ำขนาดมาตรฐานที่ออกกำลังกายได้จริง ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่รักสุขภาพมากขึ้นในยุคนี้

บริทาเนียยังนำ “นวัตกรรม” มาใช้ในโครงการภายใต้แนวคิด Living Solution ด้วย โดยเป็นการนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อแก้โจทย์ให้กับลูกค้า ทำให้ลูกค้ามีชีวิตที่สะดวกสบายขึ้น เช่น ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวภายในบ้านเมื่อไม่มีคนอยู่บ้านและส่งสัญญาณแจ้งเตือน ระบบเครื่องฟอกอากาศแบบฝังฝ้าบริเวณห้องนั่งเล่น ชั้น 1 เป็นต้น

นอกจากนี้ การเป็นหนึ่งในบริษัทในกลุ่มออริจิ้นยังเสริมความได้เปรียบด้านต้นทุนก่อสร้าง เพราะสามารถประหยัดต้นทุนได้จากการสั่งซื้อวัสดุร่วมกับบริษัทแม่ และยังดึงดูดทาเลนต์ให้เข้ามาร่วมงานได้ง่ายขึ้นจากการอยู่ภายใต้เครือออริจิ้น

จากปัจจัยทั้งหมด “บริทาเนีย” (BRI) จึงเติบโตได้รวดเร็ว และพร้อมที่จะเปิดระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดขายหุ้น IPO จำนวน 252.65 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกิน 29.6% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด โดยจะนำเงินระดมทุนใช้เพื่อเป็นทุนพัฒนาโครงการและขยายธุรกิจ เพื่อชำระเงินกู้ยืม และเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน ผู้สนใจสามารถศึกษาข้อมูลของ BRI ได้จากสำนักงาน ก.ล.ต.