การเข้ามาเป็นรายที่สองในตลาดอีโค่คาร์ของฮอนด้า ถึงจะเป็นสิ่งที่รู้ล่วงหน้ามาก่อน แต่ด้วยความที่เป็นแบรนด์ใหญ่ซึ่งอยู่ในรถอันดับแรกๆ ที่ผู้ซื้อนิยม ทำให้ถูกจับตามองว่าฮอนด้าจะมองตลาดนี้อย่างไร นอกจากในการทำเงื่อนไขที่ภาครัฐกำหนด และที่สำคัญอยากรู้ว่าฮอนด้าจะตั้งราคาได้น่าสนใจขนาดไหน
ฮอนด้า บริโอ้ ถูกคาดหมายว่าจะออกมาเปลี่ยนแปลงตลาดรถขนาดเล็ก โดยเฉพาะรถอีโค่คาร์ เพราะฮอนด้าน่าจะมีฐานลูกค้า และการรับรู้ของแบรนด์ที่แข็งแรงกว่านิสสัน มาร์ช การปลุกกระแสความต้องการในรถอีโค่คาร์อาจจะพุ่งถึงขีดสุดเมื่อมีรายที่สองเข้ามา
อาซึชิ ฟูจิโมโตะ ประธานบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด บอกในงานวันเปิดตัวฮอนด้า บริโอ้ เมื่อวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมาว่า ฮอนด้าภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้แนะนำBrioคันแรกสู่สายตาชาวโลก เพราะเป็นรถยนต์ที่ผลิต ประกอบ จัดจำหน่ายในประเทศไทย
เขาหวังว่า ฮอนด้า บริโอ้ จะสนองตอบความต้องการด้านไลฟ์สไตล์ของผู้ที่มองหารถที่มีรูปลักษณ์โดดเด่นสะดุดตา ขนาดกะทัดรัด แต่ให้ความรู้สึกกว้าง โปร่งสบาย และประหยัดเชื้อเพลิง และเป็นแบรนด์ที่พวกเขาให้ความใว้วางใจ ในเรื่องเทคโนโลยีนำสมัยและเทคโนโลยีความปลอดภัย
ถ้าถามหาความคาดหวังจากรถรุ่นนี้ ประธานฮอนด้าตอบอย่างเต็มปากเต็มคำว่า เขาตั้งเป้ายอดขายในปีแรกไว้ที่ 40,000 คัน และจะทำให้ยอดขายรถฮอนด้าโดยรวมขยับขึ้นไปแตะ 150,000 คันเลยทีเดียว
ดันยอดขายด้วยรถขนาดเล็กแบบนี้ แสดงว่าฮอนด้าต้องมั่นอกมั่นใจในตลาดนี้พอสมควร และต้องรู้ว่าขณะนี้ตลาดต้องการอะไร และลูกค้าอยู่ตรงไหน
แต่สิ่งที่ฮอนด้าทำให้ลูกค้าและผู้ที่รอคอยรถอีโค่คาร์ของฮอนด้าผิดหวังก็คือ ราคาขายไม่ได้แข่งขันกับรายเดิมที่มีอยู่ในตลาด เพราะเลือกตั้งราคาที่ 399,000 บาทในรุ่นต่ำสุด ซึ่งก็น่าจะเป็นไปตามทิศทางของฮอนด้าที่ตั้งราคาขายแพงกว่าคู่แข่งเป็นธรรมดา
เมื่อเข้ามาเป็นรายที่สอง หลังจากที่คู่แข่งขายไปล่วงหน้าแล้วเกือบ 1 ปี พร้อมกับยอดขายกว่า 30,000 คัน หากมองว่าเป็นการสูญเสียโอกาสก็เป็นไปได้ แต่หากมองว่าเป็นการปูทางให้ฮอนด้า บริโอ้ก็ได้เช่นกัน แต่การเข้ามาเป็นรายที่สอง การตอบโจทย์ลูกค้า และกลุ่มเป้าหมายก็ต้องแตกต่างออกไป หากลุ่มใหม่ๆ ที่ยังไม่มีใครเข้าไปหา
อรนุช พฤกษ์วัฒนานนท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของฮอนด้า บอกว่า เป้าหมายเดิมของฮอนด้าสัดส่วนยอดขายระหว่างตลาดกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดอยู่ที่ประมาณ 50:50 แต่เมื่อบริโอ้เข้ามาในตลาด ฮอนด้าก็ต้องการตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น
“เราพยายามที่จะเจาะกลุ่มต่างจังหวัดมากขึ้น แต่ต้องดูหลังการขายก่อนว่าเป็นอย่างไร เพราะเป็นรถรุ่นใหม่ ความพยายามของเราคือพยายามขยายออกไปต่างจังหวัดมากขึ้น คิดว่าสัดส่วนจะขยับขึ้นเป็น 60:40 ในอนาคต”
อรนุช บอกด้วยว่า ก่อนหน้านี้ฮอนด้าก็ให้สนใจลูกค้ากลุ่มนี้ และเมื่อมีการทำวิจัยตลาดพบว่า รถเล็กมีตลาดเฉพาะอยู่ตรงไหน จนรู้ว่ากลุ่มลูกค้าอยู่ตรงไหน กลุ่มลูกค้าต่างจังหวัดที่มองไว้ว่าอยู่ตรงไหน
การมองมุมต่างในการแยกแยะกลุ่มลูกค้าของฮอนด้าและนิสสันมีความชัดเจน ซึ่งทางอรนุชบอกว่า ลูกค้าในต่างจังหวัดมีมาก วิถีชีวิตคนเปลี่ยนไป เป็นสังคมเมืองมากขึ้น มีการใช้ดิจิทัลมีเดีย เข้าถึงกันมากขึ้น การใช้รถก็เป็นส่วนหนึ่ง ทุกคนจับต้องได้ ราคาไม่แพง
จึงไม่แปลกที่ฮอนด้า บริโอ้ จะเน้นไปที่รถเกียร์ธรรมดาถึง 2 รุ่น เพื่อครองตลาดต่างจังหวัด เพราะคนใช้รถต่างจังหวัดยังนิยมใช้เกียร์ธรรมดามากกว่าเกียร์อัตโนมัติ และความต้องการลึกๆ ของฮอนด้าต้องการไปเบียดแย่งส่วนแบ่งของรถกระบะ และกินไปถึงตลาดรถจักรยานยนต์ด้วย
ขณะนี้ตลาดรถจักรยานยนต์ไม่ได้มีราคาถูกเหมือนในอดีตแล้ว รถจักรยานยนต์ที่ได้รับความสนใจและเป็นที่นิยมรุ่นล่าสุดของฮอนด้าเอง ราคาคันละ 70,000 – 80,000 บาท ถ้าเปลี่ยนทัศนคติของคนใช้รถจักรยานยนต์มาเป็นรถอีโค่คาร์ก็คือตลาดใหญ่ของรถเล็กทีเดียว
ความแตกต่างที่เพิ่มเข้ามาอีกส่วนหนึ่งก็คือ การสร้างความรู้สึกถึงความปลอดภัยในรถขนาดเล็ก ใช้ความกลัวมาเป็นจุดขาย ด้วยการใส่ถุงลมนิรภัยด้านหน้า และถุงลมด้านคนขับที่เรียกว่าถุงลมอัจฉริยะ ทั้งนี้เพื่อตอบโจทย์รถเล็กไม่ปลอดภัยออกไปจากความคิดของผู้บริโภค
อรนุชมองคู่แข่งที่ออกมาก่อนอย่างนิสสัน มาร์ชว่า ก็คืออีโค่คาร์คันหนึ่งที่ออกมาก่อน แต่จุดเด่นของฮอนด้าคือความแรง และเป็น Sporty และความเป็นหนุ่มสาวที่เป็นจุดแข็ง
“เราจะสื่อสารกับลูกค้าภายใต้แนวคิด The Perfect Happiness หรือ ความสุขที่ลงตัว โดยมี Honda Brio เป็นผลิตภัณฑ์ที่จะมอบความสุขให้กับลูกค้าของเราทั่ว ประเทศ โดยมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ราคาย่อมเยา”
เพื่อให้บรรลุถึงจุดประสงค์ของฮอนด้า บริโอ้ จึงมีการใช้แบรนด์ แอมบาสเดอร์ถึง 2 คนคือ ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์ และหมาก ปริญ สุภารัตน์ โดยจะสื่อสารกับลูกค้าภายใต้แนวคิดความสุขที่ลงตัว และจะมีกิจกรรมเสริมสำหรับลูกค้าต่างจังหวักคือการเข้าร่วมเป็นผู้สนับสนุนคอนเสิร์ตคาราบาว 30 ปี ที่เดินสายทัวร์คอนเสิร์ตทั่วประเทศ 77 จังหวัด โดยจะมีรถฮอนด้า บริโอ้ไปเปิดตัวในทุกเวทีคอนเสิร์ตด้วย
เธอบอกว่า การใช้คอนเสิร์ตคาราบาวเป็นเพียงกิจกรรม เราใช้คอนเสิร์ตเพื่อนำความสุขไปให้ เพราะกิจกรรมของคาราบาวเข้าได้ทุกรุ่นทุกวัย ส่วนการใช้พรีเซ็นเตอร์เป็นการใช้คาแร็กเตอร์ของทั้ง 2 คนสะท้อนแบรนด์ของฮอนด้า มีความเป็นหนุ่มสาว
จุดหนึ่งที่ฮอนด้ายังแก้ไม่ได้ก็คือ การรอส่งมอบรถ ที่อรนุชยืนยันว่าไม่ต้องการให้รอนานเกิน 2 เดือน แต่ถ้าหากเร่งการผลิตได้ก็น่าจะเร็วกว่านี้ เพราะฮอนด้าต้องการขายให้มากที่สุด
การรอรถของค่ายฮอนด้า น่าจะเป็นธรรมเนียมของค่ายนี้อยู่แล้ว ลูกค้าทุกคนเข้าใจได้
หลังจากนี้ไปรถฮอนด้า บริโอ้ ก็จะทำหน้าที่เขียนประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งให้กับฮอนด้า และเป็นการรอเวลาให้รายที่สามของอีโค่คาร์เข้ามาร่วมต่อสู้ในเวทีเดียวกัน
ฮอนด้า บริโอ้ | |
Official Launch | 17 มีนาคม 2554 |
Positioning | รถอีโค่คาร์คันที่สองของประเทศไทย |
Product Details | รถยนต์ขนาด 1200 ซีซี ivtec 4 สูบ เกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ มี 2 รุ่น 5 สี ราคาเริ่มต้น 399,900– 508,500 บาท |
Target | คนทำงาน นักศึกษา ในต่างจังหวัด |
Strategy | The Perfect Happiness |
Competitor | นิสสัน มาร์ช |
ยอดขายรถรุ่นต่างๆ ของฮอนด้าปี 2553 | ||
รุ่น | ยอดขาย (คัน) | % |
ซิตี้ | 48,853 | 27.1 |
แจ๊ซ | 17,710 | 9.8 |
ซีวิค | 28,978 | 31.1 |
แอคคอร์ด | 6,041 | 19.8 |
ฟรีด | 2,934 | 21.0 |
ซีอาร์-วี | 9,540 | 16.9 |