‘เอไอเอส’ ชูวิสัยทัศน์ใหม่ ‘Cognitive Telco’ ชี้ แค่เร็ว-แรงไม่พอมัดใจลูกค้า

ย้อนไปช่วงสิ้นเดือนพฤศจิกายนมีข่าวใหญ่ที่เขย่าวงการโทรคมนาคมก็คือ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จํากัด (มหาชน) หรือ Dtac จะควบรวมกัน ซึ่งนั่นทำให้ตำแหน่งเบอร์ 1 ของพี่ใหญ่อย่าง ‘เอไอเอส’ (AIS) ต้องสั่นคลอนด้วยจำนวนลูกค้ารวมที่ 51 ล้านราย แซงหน้าเอไอสที่มี 43.7 ล้านราย และล่าสุด เอไอเอสก็ได้ประกาศถึงวิสัยทัศน์ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า โดยจะมุ่งสู่ Cognitive Telco (ค็อกนิทิฟ เทลโค่) หรือ องค์กรโทรคมนาคมอัจฉริยะ

ปีหน้าการแข่งขันในตลาดจะเปลี่ยนไป

ในตลาดโทรคมนาคมที่ผ่านมา เอไอเอสถือว่าเป็นเบอร์ 1 ที่แข็งแรงมาโดยตลอด ด้วยลูกค้ากว่า 43.7 ล้านเลขหมาย มีคลื่นความถี่รวม 1,420 MHz และมีรายได้ 130,995 ล้านบาท แต่จากนี้ความท้าทายยิ่งเพิ่มขึ้นจากทั้งการเปลี่ยนแปลงของตลาด รวมถึงการพัฒนาของเทคโนโลยี

สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า ปกติตลาดโทรคมนาคมจะเติบโตตาม GDP ของประเทศ แต่ในปีหน้าตลาดจะเปลี่ยนแปลงไปด้วย 2 อย่าง คือ

  • การเหลือผู้เล่น 2 ราย
  • ทิศทางเอไอเอสที่เปลี่ยนสู่ Cognitive Telco หรือ องค์กรโทรคมนาคมอัจฉริยะ

“ผมบอกไม่ได้ว่าปีหน้าจะเป็นอย่างไรเพราะตลาดมีการเปลี่ยนแปลง 2 อย่าง 1. การเหลือผู้เล่นสองราย และ 2. ทิศทางของเอไอเอสที่เปลี่ยนไป คงบอกไม่ได้ว่าการแข่งขันจะรุนแรงขึ้นหรือเบาลง แต่เราไม่ได้สนใจเรื่องควบรวม สนใจแต่ลูกค้า แค่พูดว่าเร็วกว่า แรงกว่าไม่พอแล้ว”

มุ่งสู่ Cognitive Telco

ด้วยบริบทของโลกใหม่ ที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การปรับตัวเพื่อให้มีความพร้อมก็เป็นสิ่งที่เอไอเอสได้เตรียมการมาอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อ 6 ปีก่อน เอไอเอสได้ประกาศวิสัยทัศน์ในการเปลี่ยนจาก Telecom Operator สู่ Digital Life Service Provider และล่าสุดยกระดับสู่ Cognitive Telco ซึ่งจะเป็น มาตรฐานเซอร์วิสขององค์กรที่จะมีความอัจฉริยะมากขึ้น ดังนั้น การบริการจากนี้จะต้อง

  • Interactive ตลอดเวลา
  • Offer สินค้าและบริการได้เฉพาะคน
  • Automate ได้ทันที

เอไอเอสใช้เวลาประมาณ 3 ปีเพื่อสร้างระบบอัจฉริยะเพื่อมาตอบสนองความต้องการของลูกค้า ซึ่งยังไม่รวมการวางโครงสร้างพื้นฐาน จากนี้หากเน็ตเวิร์กล่มตรงไหนระบบจะแจ้งมาอัตโนมัติ การนำเสนอแพ็กเกจก็จะเสนอได้ตรงใจลูกค้ามากที่สุด

“เพราะธุรกิจการติดต่อสื่อสารกลายเป็นคอมมูนิตี้ การแค่เร็ว แรง มันไม่พอต้องสร้างความแตกต่างให้ได้ และการสร้างความต่างที่ดีที่สุดคือ การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าประทับใจ เราเชื่อว่าวันนี้เราเร็วกว่าคู่แข่งเยอะและมีความลึกกว่า อีกทั้งเรายังมีแผนดูแลให้ลูกค้ารักเราที่สุด ดังนั้น เราไม่จำเป็นต้องไปแข่งราคา เหมือนกับ Apple ที่ลูกค้ายอมจ่ายเพราะคุณภาพการบริการ”

เร่งพัฒนา 5G เพื่อเป็นพื้นฐานรับ Metaverse

ที่ผ่านมา เอไอเอสติดตามเทรนด์ของเทคโนโลยีใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็น Metaverse หรือ Cryptocurrency แม้จะไม่ได้ผลักดันเรื่องเหล่านี้ให้เกิดในองค์กร แต่เอไอเอสมั่นใจว่าอินฟราสตรักเจอร์ของ 5G จะสามารถรองรับเทรนด์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้

“เรามองว่า 5G เป็นสิ่งที่เปลี่ยนโลกได้ เพราะเป็นพื้นฐานของเทคโนโลยีออโตเมชั่น เมตาเวิร์ส หรือคริปโต ซึ่งเราต้องทำตรงนี้ให้แข็งแรงให้ได้ เพราะแม้ดีไวซ์หรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ จะยังไม่มา เราก็ต้องทำไว้ก่อน เหมือนเรามีบ้านแล้วรอแค่เฟอร์นิเจอร์เข้ามา”

ที่ผ่านมา AIS เป็นรายแรกที่ประกาศเปิดตัวการให้บริการ 5G และถือครองคลื่นความถี่มากที่สุด ครอบคลุมสูงสุดทั่วประเทศ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 90% ในเขตกรุงเทพฯ ครอบคลุม 100% ในพื้นที่ EEC ล่าสุด 5G mmWave ด้วยความเร็วระดับ 4 กิกะบิตต่อวินาที และ 5G CA ครั้งแรกของโลก

เน็ตบ้าน 2 Gbps ครั้งแรกในไทย

ในส่วนของธุรกิจเน็ตบ้าน เอไอเอสเริ่มทำเมื่อ 6 ปีที่แล้ว โดยเปิดตัวอินเทอร์เน็ตบ้านความเร็วสูงสุด 1 Gbps รายแรกที่ให้บริการไฟเบอร์แท้ 100%  ล่าสุด ได้ส่งความเร็ว 2 Gbps รายแรกของไทย ในราคาเริ่มต้นที่ 1,299 บาท ปัจจุบัน เอไอเอสสามารถวางโครงข่ายไฟเบอร์ให้บริการครอบคลุมพื้นที่กว่า 3.5 ล้านครัวเรือนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล และรวมกว่า 8  ล้านครัวเรือนทั่วประเทศทั้ง 77 จังหวัด มีลูกค้ากว่า 1.7 ล้านราย เป็น อันดับ 3 ในตลาด

“เอไอเอสไม่ได้หวังแค่ผลกำไร แต่ต้องไปพร้อมกับการพัฒนาประเทศ ตลอดระยะเวลา 31 ปีที่ผ่านมาได้ใช้งบประมาณเพื่อร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคมประเทศไปแล้ว กว่าล้านล้านบาท เราต้องยอมรับว่าประเทศเล็กจะแข่งกับประเทศใหญ่ยาก ดังนั้น ต้องใช้ดิจิทัลเป็น ถ้าทำสำเร็จเราจะแข่งขันกับประเทศอื่นได้” สมชัย กล่าวทิ้งท้าย