Goldman Sachs วาณิชธนกิจรายใหญ่ คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 7 ครั้งภายในปีนี้ เพื่อสู้กับปัญหาเงินเฟ้อ หลังตัวเลข CPI สูงกว่าที่คาดไว้
ก่อนหน้านี้ Goldman Sachs ประเมินว่า เฟดจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 5 ครั้งในปีนี้ เเต่มุมมองนี้เปลี่ยนไป หลังดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐฯ หรือ CPI ประจำเดือนม.ค. แตะที่ระดับ 7.5% สูงสุดในรอบ 40 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี 1982 สร้างแรงกดดันให้เฟดต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างจริงจัง
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ก็พุ่งขึ้น 6.0% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี
นักเศรษฐศาสตร์ของ Goldman Sachs ประเมินว่า ในการประกาศขึ้นดอกเบี้ยของเฟดทั้ง 7 ครั้ง อาจจะมีการขึ้นดอกเบี้ยที่ 0.25% อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย ‘0.50%’ ในการประชุมนโยบายการเงินเดือนมี.ค.นี้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงมาก รวมไปถึงการปรับเพิ่มของค่าจ้างในตลาดเเรงงาน
เช่นเดียวกับความเห็นของนักวิเคราะห์จาก Citi ที่คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนมี.ค.นี้ เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ
“ตอนนี้เราคาดว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนมีนาคม ตามด้วยการปรับขึ้น 0.25% สี่ครั้งในเดือนพฤษภาคม มิถุนายน กันยายน และธันวาคม”
นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปี 2033 หลังจากที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 1.50% ในปีนี้
ขณะที่นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่าเฟดจะคงแนวทางนโยบายการเงินเเบบ ’ค่อยเป็นค่อยไป’ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะสูงเกินคาดก็ตาม
- ตลาดแรงงานสหรัฐฯ แข่งเดือด! ‘Amazon’ อัดเงินเดือนเพิ่ม ‘เท่าตัว’ หวังดึงดูดคนเข้าบริษัท
- คนไทยค่าครองชีพ-ต้นทุนสินค้าพุ่ง ttb ประเมิน ‘เงินเฟ้อ’ ไตรมาสแรกปีนี้ แตะสูงสุด 4%
ที่มา : Straitstimes , Reuters , CNBC