บริษัท เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง อินเตอร์เนชันแนล คอร์ปอเรชั่น หรือ SMIC ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของจีนรายงานรายรับและผลกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในปีที่แล้ว ท่ามกลางปัญหาการขาดแคลนชิปทั่วโลกแต่มีความต้องการสูง
SMIC บันทึกรายรับปี 2564 ที่ 5.44 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 39% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2553 กำไรอยู่ที่ 1.7 พันล้านดอลลาร์ เติบโตถึง 138% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยการเติบโตดังกล่าวนี้ แม้ว่า SMIC จะถูกขึ้นบัญชีดำการค้าของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า Entity List ในปี 2020 ก็ตาม
“การขาดแคลนชิปทั่วโลกรวมถึงความต้องการที่เพิ่มทำให้บริษัทมีโอกาสที่หายาก ในขณะที่ข้อจำกัดของการถูกขึ้นบัญชีดำ ได้สร้างอุปสรรคมากมายต่อการพัฒนาของบริษัท” SMIC กล่าว
SMIC เป็นโรงผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดของจีน ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตชิปตามความต้องการของบริษัท และถือเป็นคู่แข่งกับ TSMCของไต้หวันและ Samsung ของเกาหลีใต้ แต่เทคโนโลยีของ SMIC นั้นยังตามหลังอยู่หลายรุ่น และการถูกขึ้นบัญชีดำของสหรัฐฯ ทำให้ SMIC มีอุปสรรคเพิ่มขึ้นในการพัฒนาชิปให้ล้ำหน้ามากยิ่งขึ้น
แต่เนื่องจากความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ ได้เพิ่มสูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ได้ลามไปถึงการต่อสู้เพื่อครองตำแหน่งผู้นำทางเทคโนโลยีด้วยเช่นกัน และเซมิคอนดักเตอร์เป็นหนึ่งในพื้นที่เหล่านั้น โดยจีนถือว่าตามหลังสหรัฐฯ อย่างมากในอุตสาหกรรมชิปแต่ SMIC ถูกมองว่าเป็นกุญแจสู่ความทะเยอทะยานที่จะไม่ต้องพึ่งพาชิปจากต่างประเทศของจีน
อย่างไรก็ตาม SMIC ยังคงลงทุนอย่างหนักอย่างต่อเนื่อง และบริษัทกล่าวว่ามีแผนที่จะใช้เงินทุน 5 พันล้านดอลลาร์ในเพื่อสร้างโรงงานใหม่ 3 แห่งจากพื้นดินในกรุงปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และเมืองเซินเจิ้นทางตอนใต้ของจีน โดยบริษัทกล่าวว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตในปี 2565 มากกว่าในปี 2564
Source