ถอดบทเรียน 3 แบรนด์ดัง กับการใช้ Smart Channel Ads พื้นที่โฆษณาทำเลทองบน LINE


ในยุคที่ดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันอย่างมาก ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การเข้าถึงสื่อโฆษณาย่อมมีการเปลี่ยนไป โฆษณาในรูปแบบเดิมๆ ที่เคยประสบผลสำเร็จอาจจะใช้ไม่ได้ในยุคนี้แล้วก็ได้ แน่นอนว่ายุคดิจิทัลนำพามาด้วยแพลตฟอร์ม และเครื่องมือที่หลากหลาย ตอบโจทย์ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ 


ตำแหน่งโฆษณาที่ดี มีชัยมากกว่าครึ่ง

ขึ้นชื่อว่าการทำโฆษณาแล้ว โจทย์ของนักการตลาดส่วนใหญ่ก็ต้องการ Awareness หรือการรับรู้ในจำนวนมาก หรือมากไปกว่านั้นก็ต้องการเทิร์นการรับรู้เหล่านั้น มาเป็น Conversion หรือสามารถเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์ หรือช่องทางการขาย เพื่อที่สามารถปิดการขายได้

นอกจากการสร้างการรับรู้แล้ว โลเคชั่น หรือจุดที่วางตำแหน่งโฆษณาสำคัญมากๆ ส่งผลต่อการมองเห็น และการตัดสินใจของผู้บริโภคเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ว่าแคมเปญนั้นจะต๊าชมากแค่ไหน แต่ถ้าอยู่ในจุดที่ไม่เหมาะสม จุดที่คนไม่มองเห็น ก็เปล่าประโยชน์ แคมเปญอาจจะพังไม่เป็นท่าเลยก็ได้ สมัยนี้แค่คอนเทนต์ถูกใจ หรือภาพถูกตาก็ยังไม่พอ ต้องเลือกแพลตฟอร์มให้ถูกที่และวางให้ถูกเวลาอีกด้วย จึงจะได้ผลลัพธ์คุ้มค่า โดนใจ มีประสิทธิภาพสูงสุด

แต่เมื่อเครื่องมือการตลาด หรือแพลตฟอร์มมากมายเต็มไปหมด หลายเจ้าต่างชูจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป แต่ถ้าดูในรายละเอียดแล้ว ต้องบอกว่าเครื่องมือการตลาดในยุคนี้คงไม่มีอะไรที่น่าสนใจไปกว่า LINE อีกแล้ว เป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้มากถึง 50 ล้านคน/เดือน มียอดแอคทีฟยูเซอร์ในระดับที่สูงมากๆ เมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอื่นๆ

ที่สำคัญก็คือ กลุ่มผู้ใช้หลากหลาย ตั้งแต่เด็ก นักเรียน นักศึกษา คนทำงาน ไปจนถึงผู้สูงอายุ ทุกคนใช้ LINE ในการพูดคุยในชีวิตประจำวัน อีกทั้งในแต่ละวันคนไทยยังอยู่บน LINE โดยเฉลี่ยรวมเกิน 1 ชั่วโมงต่อวัน เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในแอปฯ ที่คนไทยเปิดกันบ่อยตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงก่อนเข้านอนกันเลยทีเดียว

วันนี้ทาง Positioning จะมาเล่าให้ฟังว่าทำไมการลงโฆษณาบน LINE ถึงมีประสิทธิภาพ แล้วตำแหน่งไหนที่จะทำให้ Ads มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งก็คือโฆษณาตรงตำแหน่งที่เรียกว่า Smart Channel หรือ Smart Channel Ads นั่นเอง


ทำไม Smart Channel ถึงเวิร์ก?

Smart Channel เป็นตำแหน่งโฆษณาที่ขึ้นอยู่ด้านบนหน้ารายการ Chat ของ LINE เรียกได้ว่าเป็นหน้าที่มีการเข้าใช้งานสูงที่สุดบน LINE เพราะผู้ใช้จะเห็นห้องแชทของเพื่อนๆ หรือ กลุ่มโดยรวม ก่อนที่จะกดเข้าไปแชทนั่นเอง โดยรูปแบบโฆษณาที่แบรนด์สามารถนำมาขึ้นบนตำแหน่ง Smart Channel นี้แบ่งได้ 2 ประเภทคือ

  1. VDO Expandable Ads แบรนด์สามารถจัดทำชิ้นงานโฆษณาในรูปแบบ VDO เพื่อให้ลูกค้าคลิกขยาย และดูวิดีโอโฆษณาได้ทันที เสริมประสบการณ์ของลูกค้าในการรับข้อมูลสินค้าและบริการได้อย่างน่าสนใจ ก่อนที่จะสามารถคลิกเพิ่มเติมไปยังหน้าปลายทางที่แบรนด์ต้องการต่อได้
  2. Static Banner แบนเนอร์โฆษณาในรูปแบบภาพนิ่งที่สามารถนำลูกค้าไปสู่หน้าเว็บไซต์หรือหน้าปลายทางที่ต้องการได้ในคลิกเดียว ถือเป็นเครื่องมีทรงประสิทธิภาพในการสร้างทราฟฟิกให้กับเว็บไซต์อย่างมาก

คำถามที่ตามมาก็ได้ ทำไมการทำโฆษณาบนตำแหน่ง Smart Channel ถึงประสบผลสำเร็จ การทำโฆษณาในยุคปัจจุบัน เป็นยุคของการทำ Personalized ads โดย LINE มีเครื่องมือที่พร้อมที่จะทำให้แบรนด์สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ถูกที่ ถูกเวลา ตามความสนใจและพฤติกรรมของลูกค้า โดยลูกค้าจะมองเห็นคอนเทนต์และโฆษณาในตำแหน่ง Smart Channel นี้ ตามความสนใจของแต่ละบุคคล ด้วยการทำงานของ AI / Machine learning จากพฤติกรรมในอดีต 

เช่น ลูกค้าจะเห็นเพียง 3-6 คอนเทนต์ต่อวันเท่านั้น ซึ่งเป็นจำนวนที่ทำให้จดจำโฆษณาได้ดีกว่า แต่ละคอนเทนต์ จะปรากฎอยู่เพียง 30 นาทีเท่านั้น และในบางคอนเทนต์จะไม่มาให้เห็นอีก ภายในเวลา 2 ชั่วโมง ที่สำคัญคือ จุดที่วางโฆษณาค่อนข้างจะเป็นธรรมชาติมากๆ เพราะอยู่ในตำแหน่งบนสุดของรายการแชท ส่วนถ้าเวอร์ชั่นเดสท์ท็อปจะอยู่แถบล่างสุด เรียกว่าไม่รบกวนสายตาจนเกินไป ไม่ทำให้ผู้ใช้รู้สึกรำคาญ หรือคิดว่าถูกยัดเยียดให้ดูโฆษณา ผู้ใช้สามารถกดปิดได้ด้วย

การทำงานของ AI และ Machine Learning ของ LINE มีประสิทธิภาพสูง เพราะเป็นการเก็บข้อมูลจาก Ecosystem ทั้งหมด อาทิ พฤติกรรมการซื้อของออนไลน์ การเข้าดูข้อมูลต่างๆ บน LINE สิ่งที่สนใจหรือชอบ พฤติกรรมการตอบรับต่อข้อมูลของลูกค้าในรูปแบบ Real Time (เวลาเห็นข้อมูล มีการ React  อย่างไร)

ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ ทำให้ Smart Channel เป็นพื้นที่และเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ เพราะ ไม่เป็นการให้ข้อมูล หรือโฆษณาแบบถาโถมที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกรำคาญ หรือถูกรบกวนจนเกินไป อยู่บนตำแหน่งที่โดดเด่น ส่งผลให้การมองเห็นโฆษณาของกลุ่มเป้าหมาย ในแต่ละครั้งมีความหมาย น่าจดจำ และมีแนวโน้มในการนำไปสู่ความสนใจในสินค้าและบริการ ด้วยตัวเลขพิสูจน์ประสิทธิภาพของโฆษณาในแต่ละประเภทบน Smart Channel เมื่อเทียบกับการลงโฆษณาแบบทั่วไปในตลาด ซึ่งถือว่าสูงมาก ไม่ว่าจะเป็น


ทำเลทอง สร้างการจดจำได้มากกว่า

ถ้าให้เจาะถึงสถิติของรูปแบบโฆษณาแต่ละประเภทบน Smart Channel ต้องบอกว่ามีตัวเลขที่ค่อนข้างน่าประทับใจ เป็นสถิติที่ค่อนข้างสูง และวัดผลได้ เมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอื่นๆ โดยเฉพาะยอดการเข้าถึงของผู้ใช้งานหรือ Reach จากโฆษณาในตำแหน่งนี้ ที่สูงสุดถึง 31 ล้านคนต่อวัน จนกลายเป็นพื้นที่โฆษณาทำเลทอง พร้อมผลสถิติการใช้งานที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น

โฆษณาประเภท VDO Expandable Ads

  • เรตการคลิกเข้าชม VDO เฉลี่ย 8%
  • เรตการเข้าชม VDO จนจบ เฉลี่ย 15%
  • เรตการคลิกเข้าสู่เว็บไซต์ เฉลี่ย3%

โฆษณาประเภท Static Banner

  • เรตการคลิกเข้าสู่เว็บไซต์ เฉลี่ย  0.7%

นอกจากรูปแบบของชิ้นงานโฆษณาที่แบรนด์สามารถเลือกทำเป็นวิดีโอหรือภาพนิ่งได้แล้ว นักการตลาดยังสามารถวางแผนการทำการตลาดได้ล่วงหน้า เลือกอัตราการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหรือ target reach ของโฆษณาบนตำแหน่ง Smart Channel ไม่ว่าจะเป็น 25%, 50%, 75% หรือ 100% เต็มเพื่อให้สอดคล้องกับงบประมาณที่วางไว้ด้วยได้เช่นกัน


กรณีศึกษา 3 แบรนด์ใหญ่ กับผลลัพธ์สุดปัง

ถ้ามาเล่าถึงรูปแบบการโฆษณาอย่างเดียวคงจะไม่เห็นภาพว่ามันทรงพลังอย่างไร จึงขอเล่าถึงกรณีศึกษาของแบรนด์ที่ลงโฆษณาในรูปแบบนี้แล้วประสบผลสำเร็จ ได้ผลลัพธ์สุดปัง

LINE BK กับผลงานโฆษณาสินเชื่อออนไลน์ โดยได้สร้างสรรค์งานครีเอทีฟในรูปแบบ Static Banner ได้ตรงใจ key message ชัดเจน เข้าใจง่ายและเข้ากับช่วงเวลา พร้อมเลขโปรโมชั่นที่จัดวางได้อย่างน่าดึงดูดใจ เมื่อวางในตำแหน่ง Smart Channel ที่เข้าถึงคนจำนวนมาก จึงสามารถสร้างคลิกเรต (CTR) ได้กว่า 1.53% ซึ่งถือเป็น Best Practice ของโฆษณาบนช่องทางนี้ทีเดียว

 

โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ได้นำเสนอโฆษณาในรูปแบบภาพนิ่งหรือ Static Banner บนตำแหน่ง Smart Channel เช่นกัน โดยนำเสนอแคมเปญวัคซีนโมเดอน่าให้กับคนไทย โดยเลือกกลุ่มเป้าหมายไว้อย่างครอบคลุม คือกลุ่มคนที่สนใจเรื่องวัคซีน สุขภาพ การแพทย์ และเมื่อคอนเท้น งานครีเอทีฟสื่อสารได้ชัดเจน วางในตำแหน่งที่ถูกต้อง แคมเปญจึงประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก สร้างคลิกเรต (CTR) ได้มากถึง 1.41%

KFC เป็นอีกหนึ่งเคสที่น่าสนใจ ทำโฆษณาในรูปแบบ VDO Expandable Ads เพื่อโปรโมทโปรไก่ทอดเซ็ตพิเศษ เฉพาะวันอังคาร เพื่อตอกย้ำให้คนจดจำโปรได้มากขึ้น ด้วยงานครีเอทีฟ ภาพเคลื่อนไหวที่แค่เห็นก็อดน้ำลายไหลไม่ได้ พร้อมกลยุทธ์การเลือกช่วงเวลาในการนำเสนอโฆษณาบน Smart Channel อย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงประสบความสำเร็จด้านการรับรู้เท่านั้น แต่ยังสร้างการจดจำได้ดีต่อลูกค้า ด้วยตัวเลขอัตราการคลิก (CTR) ที่มากกว่า Avg. CTR ใน Smart Channel ถึง 64% นำไปสู่ยอดขายที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

จะเห็นได้ว่าการแข่งขันด้านโฆษณาที่สูงมากในทุกวันนี้ ทุกแบรนด์แข่งกันให้ลูกค้าเห็น ให้ลูกค้าจดจำได้ แบรนด์จึงต้องอัพเดท และมองหาช่องทางที่ดีที่สุด ที่ตอบโจทย์ที่สุดอยู่ตลอดเวลา Smart Channel บนแพลตฟอร์ม LINE ไม่เพียงตอบโจทย์ในเรื่องการเข้าถึงคนจำนวนมาก ถูกที่ ถูกเวลา แต่ยังสามารถเปิดโอกาสให้แบรนด์สามารถ Personalized คอนเท้น ให้ถูกใจลูกค้าได้มากขึ้นอีกด้วย

ธุรกิจองค์กรที่สนใจ สามารถติดต่อพันธมิตรเอเจนซี่ของ LINE ที่ท่านร่วมงานอยู่ หรือตรวจสอบพันธมิตรเอเจนซี่ของ LINE ได้ที่ https://lineforbusiness.com/th/partner เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้