เจาะกลยุทธ์ ‘G-Able’ สู่การเป็นผู้นำ ‘Tech Enabler’ เมืองไทยพร้อมปั้นยอดขาย 10,000 ล้านบาทใน 5 ปี

วิถีชีวิตใหม่ หรือ New Normal ผลักดันให้ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ และประชาชนก้าวเข้าสู่โลกดิจิทัลอย่างรวดเร็ว มีการประเมินว่าในไทยจะมีการลงทุนไอทีถึง 8.7 แสนล้านบาทเลยทีเดียว โดย ‘จีเอเบิล’ (G-Able) หนึ่งในผู้ให้บริการไอทีโซลูชันที่อยู่ในตลาดมากว่า 33 ปี ก็เห็นถึงโอกาสดังกล่าว และได้ออกมาเปิดเผยถึงทิศทางและกลยุทธ์ปี 2565 ที่จะชิงส่วนแบ่งเม็ดเงินนี้ และสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับองค์กรอย่างไรบ้าง

ปี 2021 โกย 5,000 ล้าน โตทุกพอร์ต

ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทจีเอเบิล เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมา จีเอเบิล สามารถทำรายได้ 5,000 ล้านบาท นอกจากนี้ กำไรของจีเอเบิลสูงขึ้นและมีกำไรขั้นต้น (GP) สูงขึ้นถึงเกือบ 200 BPS ซึ่งนอกจากทิศทางการลงทุนไอทีของภาคธุรกิจที่เป็นปัจจัยบวกแล้ว อีกสิ่งสำคัญที่ทำให้จีเอเบิลเติบโตคือ Solution ที่ตอบโจทย์ ทำให้รายได้ของบริษัทเติบโตในทุกพอร์ตฟอลิโอ ได้แก่

  • G Security มียอดขายกว่า 1,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) 42% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา พร้อมขึ้นเป็นผู้นำด้าน Cybersecurity อันดับ 1
  • G Cloud มีอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) 33% ในช่วง 3 ปีเช่นกัน
  • G Big Data เติบโตขึ้น 33% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
  • G Digital Product ก็เติบโตขึ้นถึง 76% เทียบกับปีที่ผ่านมาเช่นกัน

“จีเอเบิลต้องการสร้างการเติบโตจากโอกาสที่มีอยู่ในตลาดภายใต้แนวคิด ‘Reshaping the Next’ ประกอบกับวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ที่ชัดเจน พร้อมกับการมีผลิตภัณฑ์และบริการที่ดี ทำให้เราสามารถช่วยยกระดับลูกค้าในหลายอุตสาหกรรมเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจดิจิทัลที่พร้อมสำหรับอนาคต” ดร.ชัยยุทธกล่าว

สานต่อกลยุทธ์ G-Able Tree

การเติบโตและความสำเร็จในปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งมาจากกลยุทธ์ G-Able Tree ที่เริ่มปรับใช้ในปี 2021 โดยเปรียบธุรกิจของจีเอเบิลเหมือนต้นไม้ที่มีธุรกิจหลักเป็นรากอันมั่นคง และแตกแขนงกิ่งก้านอย่างแข็งแรงเป็นธุรกิจ Startup โดยปีนี้ จีเอเบิลยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์ G-Able Tree เพื่อสร้างจุดเด่นและความแตกต่างในการให้บริการ ภายใต้วิสัยทัศน์ในการดำเนินงานดังนี้

กลยุทธ์ที่ 1 ยกระดับ Core business หรือ ฐานราก โดยจีเอเบิลต้องการเปลี่ยนจากการเป็น SI++ สู่ Tech Enabler เพื่อช่วงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและต่อยอดโอกาสทางธุรกิจในโลกดิจิทัลให้กับลูกค้า โดยจะเน้น 3 ส่วนหลัก ได้แก่

โซลูชัน G Security บริษัทจะเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ทุกระดับรวมถึง SME โดยจะมุ่งเน้นคอนเซ็ปต์และเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าอย่าง Cybersecurity Mesh Architecture และ Zero Trust Network Access เพื่อขึ้นเป็นผู้นำด้าน Cybersecurity อันดับ 1 ของไทย โดยคาดว่าจะสามารถสร้างการเติบโตกว่าเท่าตัวภายใน 3 ปี

ส่วนกลุ่มโซลูชัน G Cloud ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของธุรกิจในยุค VUCA World หรือยุคใหม่ที่มี ความผันผวน (Volatility) ความไม่แน่นอน (Uncertainty) ความซับซ้อน (Complexity) และคลุมเครือ (Ambiguity) โดยบริษัทตั้งเป้าการเติบโตประมาณ 400 ล้านบาทในปี 2565

และสุดท้าย Advance Integration Solution จะเป็นการนำเอาโซลูชันต่าง ๆ เช่น Digital Product Development Solution, Business Intelligence, Data Analytics และเทคโนโลยีอื่น ๆ มาเสริมแกร่งซึ่งกันและกันเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้แก่ลูกค้า โดยคาดการเติบโตเป็นเลข 2 หลัก

กลยุทธ์ที่ 2 เป็นส่วนของลำต้นไม้ จีเอเบิลจะไม่ใช่แค่เป็น ‘ที่ปรึกษา’ แต่ทำงานคู่กับลูกค้าในฐานะ Business Enabler โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง Data Modernization ที่บริษัทจะผสานจุดแข็งของธุรกิจลูกค้าเข้ากับจุดแข็งทางเทคโนโลยีขอบริษัทเพื่อสร้าง Business Model ทางธุรกิจใหม่ ๆ ต่อยอดธุรกิจเดิม

กลยุทธ์ที่ 3 เปรียบเสมือนกิ่งก้านของต้นไม้ บริษัทฯ มุ่งเสริมแกร่งกลุ่มธุรกิจ Startup หรือ Tech Spin-off  ของจีเอเบิลเพื่อสร้าง new S-Curve ให้กับบริษัท รวมถึงเพิ่มมูลค่าธุรกิจสูงสุดในแต่ละ Startup ที่ผ่านมา จีเอเบิลมีบริษัทสตาร์ทอัพหลัก ๆ 3 ราย ที่จะตอบโจทย์ 3 เทรนด์ AI – Big Data, MarTech และ Metaverse ได้แก่

  • Blendata (เบลนเดต้า) ที่พัฒนาแพลตฟอร์มที่สามารถเชื่อมต่อข้อมูลทั้งหมดขององค์กรมาไว้ที่เดียว เพื่อให้การใช้งานและจัดการกับข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถนำมาประมวลผลและวิเคราะห์เพื่อต่อยอดโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ในอนาคต โดยบริษัทตั้งเป้าการเติบโตกว่าเท่าตัวในปีนี้
  • InsightEra (อินไซท์เอรา) นำเสนอ MARTECH (Marketing Technology) ช่วยให้ลูกค้าสามารถจับพฤติกรรมใหม่ ๆ ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป คาดว่าจะเติบโตมากกว่า 100% ในปีนี้
  • MVerge (เอ็มเวิร์จ) ซึ่งพึ่งได้พัฒนา platform ใหม่ชื่อว่า SPACE” โดยเป็นการนำ Advance Technology มาช่วยในการบริหารจัดการพื้นที่ทั้งในโลกจริงและโลกเสมือน โดยช่วยจำลองสถานที่ กำหนดพื้นที่ให้ผู้เช่า ออกแบบร้านค้าและโฆษณา ช่วยเพิ่มโอกาสให้ร้านค้าเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้มากขึ้นด้วยคอนเซ็ปต์ Omnichannel ที่เชื่อมร้านค้าทั้งโลกจริงและโลกเสมือนอย่างไร้รอยต่อ โดยคาดว่า MVerge จะเติบโตได้มากกว่าเท่าตัวและเป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักในตลาด

ปักเป้า 10,000 ล้านบาท ใน 5 ปี

นอกจาก 3 กลยุทธ์หลักที่สร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มบริษัทจีเอเบิลแล้ว บริษัทฯ ยังมีแบ็คล็อก (backlog) หรือยอดขาย ที่รอการรับรู้รายได้มากกว่า 3,000 ล้านบาท โดยในปีนี้ จีเอเบิลคาดว่าจะทำรายได้ 6,000 ล้านบาท และภายใน 5 ปีจากนี้ จีเอเบิลตั้งเป้าเติบโต 2 เท่า เป็น 10,000 ล้านบาท

“แน่นอนธุรกิจในยุคปัจจุบันมีการแข่งขันที่สูงและเปลี่ยนแปลงตลอดทำให้คาดเดาลำบากมาก ดังนั้น บทบาทของจีเอเบิล ทั้งในระยะสั้นและอีก 3-5 ปีข้างหน้าจะเป็น Tech Enabler เป็นเพื่อนคู่คิดและทำงานร่วมกันในเชิงของธุรกิจของลูกค้า เพื่อผลักดันให้ลูกค้าของเราเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมที่เขาอยู่ให้ได้ และประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่องค์กรตั้งเป้า ดังนั้น ถือได้ว่าทั้งลูกค้าและจีเอเบิลก็จะเติบโตไปพร้อมกัน”