สัญญาณดี? ราคาน้ำมันโลกปรับลด 12% หลัง UAE ประกาศเพิ่มกำลังผลิต

ราคาน้ำมันปรับตัวลงอย่างกะทันหัน เนื่องจาก สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ประกาศสนับสนุนการผลิตน้ำมันเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น เพื่อลดภาวะน้ำมันแพงขึ้นทั่วโลก จากที่เดือนนี้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น 15% เนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน

ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงมากกว่า 12% หรือ 15 ดอลลาร์ ปิดที่ 108.7 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากที่ราคาน้ำมัน WTI พุ่งแตะระดับ 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงเวลาสั้น ๆ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 13 ปี เนื่องจากความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครนทวีความรุนแรงขึ้น

ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานสากลร่วงลง 13% หรือ 16.8 ดอลลาร์ อยู่ที่ 111.1 ดอลลาร์ ถือเป็นการปรับลดลงสูงสุดในหนึ่งวัน นับตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 จากที่ราคาน้ำมันเบรนต์เพิ่งแตะระดับ 139 ดอลลาร์ในวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551

การปรับตัวลดลงมีสาเหตุมาจาก สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ประกาศสนับสนุนการผลิตน้ำมันเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น เพื่อบรรเทาภาวะอุปทานขาดแคลน หลังจากที่รัสเซียถูกนานาประเทศคว่ำบาตร เนื่องจากใช้กำลังทหารรุกรานประเทศยูเครน

“จุดที่ราคาน้ำมันพุ่งสู่ระดับ 130 ดอลลาร์ นั้นเกิดจากปัจจัยในการปิดล้อมอย่างสมบูรณ์ในตลาดน้ำมัน โดยมองจากการอาจสูญเสียผลผลิตของรัสเซียทั้งหมด ซึ่งถือเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่สุดอันดับ 2 ของโลก, OPEC เลือกจะไม่ทำอะไร และสถานการณ์ในยูเครนยิ่งแย่ลง” จอห์น คิลดัฟฟ์ จาก Again Capital กล่าว

“โลกกำลังทำงานร่วมกันเพื่อรับมือกับราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น” Ed Moya นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของ Oanda กล่าว

ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรได้ประกาศข้อจำกัดในการซื้อน้ำมันนำเข้าจากรัสเซีย โดยระบุว่าจะเลิกนำเข้าน้ำมันของประเทศภายในสิ้นปีนี้ ส่วน สหภาพยุโรป ยังได้เปิดเผยแผนการที่จะเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลของรัสเซีย อีกด้วย

Source