สืบเนื่องจาก “กัญชา” ในประเทศไทย ได้ถูกปลดออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษ ชมรมการประกอบอาหารด้วยสมุนไพรไทย หรือ Club of Thai Herbal Cuisine (Club of T.H.C.) เล็งเห็นถึงความมหัศจรรย์และประโยชน์ของพืชกัญชา และ สมุนไพรไทย ที่สามารถเข้าไปเสริมศักยภาพของ Gastronomy Tourism ด้วยการนำอาหารและการท่องเที่ยวเข้ามาผสมผสานกัน โดยการสนับสนุน กัญชา และ สมุนไพรไทย ในหลากหลายมิติ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย จึงเกิดโครงการที่ชื่อว่า Hi Life Thailand ขึ้น จากความร่วมมือของภาครัฐ นำโดย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก, กระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 8, กรมอนามัย ภาคธุรกิจท่องเที่ยว สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) และ ภาคเอกชน “เคทีซี” หรือ บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ที่ได้มองเห็นศักยภาพและโอกาส ที่จะร่วมมือกัน จัดกิจกรรมหลากหลายที่ตอบโจทย์ Gastronomy Tourism ที่มีกัญชาและสมุนไพรไทย เป็นส่วนผสม
โดยเปิดอบรมหลักสูตรกัญชาและสมุนไพรในอาหาร-เครื่องดื่มเป็นยาสำหรับเชฟมืออาชีพ (Food Beverage Cannabis Chef หรือ FBCC) โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เพื่อให้เชฟทุกท่าน มีความรู้ในการนำกัญชาและสมุนไพรไทย ไปใช้ได้อย่างถูกต้อง อีกทั้งยังสามารถสื่อสารเรื่องของกัญชาในอาหาร-เครื่องดื่ม และ ส่งเสริมสุขภาพด้วยการกินอาหาร เป็นยา จนนำไปสู่กิจกรรมหลากหลายที่สามารถนำเงินตราเข้าประเทศได้อีกครั้ง เพื่อเป็นโครงการนำร่อง ณ ห้องประชุม KTC Pop ชั้น B1 อาคาร UBC2 สุขุมวิท 33 เมื่อวันก่อน
ดร.ภก.อนันต์ชัย อัศวเมฆิน คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีนโยบายกัญชาเสรีทางการแพทย์ ที่มุ่งเน้นเรื่องการแพทย์ และส่งเสริมให้พืชกัญชา กัญชง เป็นพืชเศรษฐกิจที่สามารถสร้างรายได้ให้กับประชาชนคนไทยทุกคน วัฒนธรรมพื้นถิ่นของคนไทย หนีไม่พ้นในเรื่องอาหารที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ที่มีการผสมผสานสมุนไพรหลากหลายชนิดลงในคอนเชปต์ “กินอาหารเป็นยา” การมีหลักสูตรกัญชาและสมุนไพรในอาหาร-เครื่องดื่มเป็นยาสำหรับเชฟมืออาชีพ จะทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจอาหารมีความรู้ในการนำเอาสมุนไพรไทย รวมถึงกัญชา กัญชง ไปปรุงอาหารให้มีรสชาติที่ดีพร้อมๆ กับประโยชน์ทางสุขภาพ กระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ การท่องเที่ยวนำไปสู่รายได้ที่มากขึ้นของคนไทยทุกคน ซึ่งต้องขอชื่นชมผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 8 นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ ในการประสานความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ได้แก่ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก สถาบันกัญชาทางการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กรมการท่องเที่ยว ให้เกิดภาพการทำงานขับเคลื่อนประเทศไปพร้อมๆ กัน ตั้งแต่การเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพและเรียนรู้กัญชา-กัญชง การจัดหลักสูตรมัคคุเทศก์ ท่องเที่ยวกัญชาเพื่อสุขภาพ รวมถึงหลักสูตรนี้”
คุณคมสรรค์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) เสริมว่า “ธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งประสบวิกฤติมา 2-3 ปีในช่วงโควิด-19 การท่องเที่ยวไทย ติดอันดับต้น ๆ ของโลกอยู่แล้ว แต่หลังโควิด คนก็จะ Concern เรื่องของสุขภาพมากขึ้น ถ้านำเรื่องของการท่องเที่ยวและสุขภาพมารวมกันได้ โดยที่ไม่ใช่เรื่องของ Medical Tourism แต่ทำให้มันเป็น Lifestyle มากกว่านั้นได้ก็น่าจะดี แล้วยิ่ง กัญชา ของไทย มีคุณประโยชน์มหาศาล ถูกกฎหมาย และนำมาใช้ได้ ในหลากหลายมิติ ในมิติของการท่องเที่ยวเอง การที่มีเรื่องกัญชาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในประสบการณ์ใหม่ ๆ ของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศแล้ว ก็น่าจะทำให้การท่องเที่ยวไทยเราคึกคักได้มากขึ้น ซึ่งทาง สทน. ก็ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับทางชมรม และภาครัฐ เพื่อให้ภาพของการท่องเที่ยวที่มีกัญชาและสมุนไพรไทย เป็นภาพที่ดีต่อประเทศ แล้วตอนนี้ก็ได้รับการตอบรับจากโรงแรม เอเจนท์ทัวร์ ที่เป็นสมาชิกของทางสมาคม พร้อมขานรับโครงการ Hi Life Thailand ครับ”
“ทางเคทีซีเห็นถึงความสำคัญของการท่องเที่ยวในรูปแบบ Gastronomy Tourism ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวได้รับความสนใจและเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เพราะเรื่องอาหารเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ในการเดินทางท่องเที่ยวที่สำคัญ และเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการเดินทางท่องเที่ยวของบัตรเครดิตเคทีซี รวมถึงการสร้างความคุ้มค่าในการใช้จ่ายผ่านบัตรฯ เคทีซีจึงได้ร่วมมือในโครงการ Hi Life Thailand เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในรูปแบบ Gastronomy Tourism อันจะกระตุ้นเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมท่องเทียว และเรื่องสมุนไพรไทย โดยเฉพาะ “กัญชา” ให้มีความหลากหลายและเติบโตมากยิ่งขึ้น
เคทีซีจึงได้ออกแคมเปญ “เที่ยว ชิม ลิ้มรสอาหารระดับเชฟมืออาชีพ กับเมนูสมุนไพรใบกัญชา” เปิดโอกาสให้สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีได้เลือกจองเข้าร่วมกิจกรรมที่หลากหลายตลอดปี 2565 อาทิ Chef’s Table และ การอบรม Cooking Class ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ และทริป 2 วัน 1 คืน รวมถึงงานเทศกาลและกิจกรรมออกร้านช่วงปลายปี โดยสมาชิกฯ สามารถรับสิทธิพิเศษตลอดแคมเปญดังนี้ : รับคะแนน X3 ทุกการใช้จ่ายกับพันธมิตรที่ร่วมรายการ หรือรับเพิ่มส่วนลด 130 บาท เพียงแลกคะแนน KTC FOREVER ทุก 1,000 คะแนน เมื่อสมาชิกจองการเข้าร่วมกิจกรรมผ่าน KTC WORLD ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2565 – 31 มีนาคม 2566” คุณประณยา นิถานานนท์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร – การตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติม
คุณภูรดา ลิมปนาทไพศาล ประธานชมรมการประกอบอาหารด้วยสมุนไพรไทย หรือ Club of Thai Herbal Cuisine (Club of T.H.C.) กล่าวทิ้งท้ายว่า “ชมรมการประกอบอาหารด้วยสมุนไพรไทย หรือ Club of Thai Herbal Cuisine (Club of T.H.C.) ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้การสนับสนุนโครงการ Hi Life Thailand ในปีนี้ ถือเป็นความร่วมมือที่เข้มแข็ง ทั้งการผลักดัน เรื่องของ อาหาร ท่องเที่ยว กัญชา และ สมุนไพรไทย โดยมีกิจกรรมหลากหลายตลอดปี 2565 ไม่ว่าจะเป็น Chef’s Table / Cooking Class และ กิจกรรมท่องเที่ยวพักผ่อน ที่จะให้คุณได้สัมผัสถึงการผ่อนคลายมากกว่าที่เคย”
ติดตามกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นตลอดทั้งปีนี้ได้ที่ เฟซบุ๊ก CLUB of THC
https://m.facebook.com/CLUB-of-THC-108814468371381
About: Club of Thai Herbal Cuisine
ชมรมการประกอบอาหารด้วยสมุนไพรไทย หรือ Club of Thai Herbal Cuisine (Club of T.H.C.)
พันธกิจของชมรม
T : Traditional & Trendy … Food & Beverage
H : Herbs
C : Chef
องค์กรที่ทำงานเรื่องของ อาหาร เครื่องดื่ม สมุนไพรไทย และ เชฟ
ชมรมมีความตั้งใจ ที่จะเป็นองค์กรที่รวบรวมเชฟที่มีฝีมือในประเทศไว้ด้วยกัน และมุ่งเน้นเสริมศักยภาพให้กับเชฟในเรื่องเกี่ยวกับสมุนไพรไทย เพื่อนำไปประกอบอาหาร-เครื่องดื่ม ให้เชฟมีความรู้ ความเข้าใจ สามารถนำไปใช้ได้อย่างถูกต้องตามหลักการแพทย์แผนไทย และ นำไปเผยแพร่ต่อด้วยวิธีการต่าง ๆ สร้างให้เป็นกลุ่มเชฟที่สามารถเป็นตัวแทนของประเทศในแง่ของอาหาร-เครื่องดื่มสมุนไพร หรือ การกินอาหารเป็นยาแบบไทย
และพร้อมให้ความร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ ที่ต้องการนำมิติของอาหารเป็นยา สมุนไพรในอาหาร และ สมุนไพรกัญชา เข้าไปมีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการท่องเที่ยว การเผยแพร่องค์ความรู้และวัฒนธรรม เป็นส่วนหนึ่งของ Soft Power Thailand ที่สำคัญ และสามารถสร้างการรับรู้และความสนใจจากสังคมโลกได้
ตลอดทั้งปี ชมรมจะมีกิจกรรมหลากหลาย เริ่มต้นจากการอบรมให้ความรู้กับเชฟในชมรม และนำเชฟในชมรมไปร่วมทำกิจกรรมกับทั้งภาครัฐ และเอกชน ในหลากหลายรูปแบบ