Samsung Smart TV เปิดบ้านรับ Content

ซัมซุง คือรายหนึ่งที่ประกาศบุกทีวีอินเทอร์เน็ตอย่างชัดเจน แต่ซัมซุงเลือกใช้ชื่อ

“Smart TV” เป็นจุดขาย ซึ่งในความหมายสมาร์ททีวีของซัมซุงนั้น จะครอบคลุมประโยชน์การใช้งานตั้งแต่ระบบ 3 มิติ ต่อเชื่อมอินเทอร์เน็ต

คุณสมบัติของเครื่องรับโทรทัศน์แต่ละค่ายแตกต่างกันไม่มาก เพราะเทคโนโลยีเท่าทันกันหมด แต่การวาง Positioning อินเทอร์เน็ตทีวีมีความแตกต่าวงกันอย่างชัดเจน ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละค่ายมองจุดไหนของตลาด

ซัมซุง ตลาดนัด Content

รัชตะ สุทธาพัฒน์ธานนท์ ผู้จัดการอาวุโสธุรกิจดิจิตอล อิมเมจจิ้ง บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด อธิบายว่า ซัมซุงทำตลาดทีวีอินเตอร์มาตั้งแต่ปี 2007 แต่ทำเพียงแค่การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านโทรทัศน์ธรรมดา ไม่มีฟังก์ชันอะไรมากนัก เพราะข้อจำกัดเรื่องความเร็วของอินเทอร์เน็ตในบ้านเรา ไม่รองรับเท่าไหร่

แต่ซัมซุงก็ยังทำตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อรอเวลา

จน 2 ปีที่ผ่านมาการพัฒนาของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตดีขึ้น การมาถึงของ Social Network ต่างๆ ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีสำหรับอินเทอร์เน็ตทีวี

“เรามาก่อนชาวบ้าน 5 ปี และเจาะกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียม แต่หลังจากนี้ เราจะมีครบทุกกลุ่มลูกค้า” รัชตะอธิบายถึงความเปลี่ยนในตลาดทีวีอินเทอร์เน็ตในช่วงนี้

ซัมซุงใช้เวลานานถึง 5 ปีในการบอกเล่าถึงคุณสมบัติของทีวีอินเทอร์เน็ตให้กับผู้บลริโภคได้รับรู้ เป็นการรอเวลาให้อินเทอร์เน็ตบ้านเราพัฒนา พร้อมๆ กับการเพิ่มไลน์สินค้าโทรทัศน์ให้มีราคาที่ต่ำลง เมื่อทั้ง 2 ส่วนมาบรรจบกันในปีนี้ ตลาดทีวีอินเทอร์เน็ตจึงเกิดขึ้นอย่างคึกคัก

แม้ว่าโทรทัศน์ทุกแบรนด์จะมีอินเทอร์เน็ตเข้ามาเป็นฟังก์ชันเสริม แต่ก็มีความแตกต่างกันในเรื่องของระบบ และการคัดเลือกเนื้อหาที่จะนำมารวมไว้ใน Platformของตัวเอง

ซังซุงเรียก Platform ของตัวเองว่า Smart Hub ซึ่งเป็น Platform ของซัมซุงทั่วโลก โดยบริษัทแท่ของซัมซุงเป็นผู้พัฒนาขึ้นมา เพื่อใช้กับโทรทัศน์ซัมซุงทุกประเทศ

Smart Hub ของซัมซุง เปรียบเหมือน Application ในสมาร์ทโฟน สามารถเรียกมาใช้งานผ่านอินเทอร์เน็ต และแสดงผลบนหน้าจอโทรทัศน์ เนื่องจากเป็น Platform ทั่วโลก ทำให้มีเนื้อหาส่วนกลางจากต่างประเทศขณะนี้กว่า 1,000 เว็บไซต์ที่ให้บริการ ส่วนเนื้อหาที่เป็นของแต่ละประเทศ ตัวแทนจำหน่ายของซัมซุงในพื้นที่จะเป็นคนคัดเลือกมามาใส่ไว้ใน Platform นี้

รัชตะ บอกว่า ถ้าเราจะขายทีวีอินเทอร์เน็ตในบ้านเรา เนื้อหาก็ต้องเป็นภาษาไทย เพราะผู้บริโภคเราต้องการเนื้อหาเป็นภาษาไทย ไม่อย่างนั้นขายไม่ได้

วิธีการคัดเลือกเนื้อหาที่เป็นของไทยเข้ามาไว้ในระบบ ทางซัมซุงจะทำการแบ่งหมวดเนื้อหาทึ่คิดว่าผู้บริโภคสนใจ และเหมาะสมออกมาให้ชัดเจน ซึ่งสามารถแบ่งออกมาได้ 12 ประเภท จากนั้นก็เลือกผู้นำของแต่ละหมวด แล้วก็ติดต่อให้มาเข้าร่วมกับซัมซุง ซึ่งขณะนี้ติดต่อไปแล้ว 60 ราย แต่ละรายให้การตอบรับอย่างดี มีบางรายที่ปฏิเสธเพราะว่าคำเนื้อหาให้กับรายอื่นไปแล้ว

จำนวนเนื้อหาที่จะเข้ามาในระบบนี้ซัมซุงไม่มีข้อจำกัดในเรื่องจำนวน เพราะรัชตะต้องการให้มีเนื้อหามากที่สุด เพื่อเป็นทางเลือกของผู้บริโภคในการเลือกดูรายการต่างๆ ได้มากขึ้น และคาดการณ์ด้วยว่าปีต่อๆ ไป เนื้อหาที่เป็นของไทยจะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด

Smart Hub ของซัมซุง มีสภาพเหมือนกับตลาดนัด Content ที่สามารถบรรจุและรองรับผู้ผลิตเนื้อหาทุกราย ที่ต้องการใช้ช่องทางของซัมซุงในการเผยแพร่ และสร้างการรับรู้ใน Brand ของตัวเอง

Channel ให้ฟรี แต่ห้ามสินค้าคู่แข่ง

สิ่งที่รัชตะเป็นกังวลในขณะนี้ ไม่ใช่ว่าหาผู้ผลิตเนื้อหาไม่ได้ แต่กลายเป็นว่าจะทำอย่างไรให้ผู้ผลิตเนื้อหาสามารถเลี้ยงตัวเองได้ และอยู่ในระบบของซัมซุงได้อย่างสบายอก สบายใจ

“มีผู้ผลิตเนื้อหาหลายรายติดต่อเข้ามา เพื่อมาเข้าช่องทางของเรา ผู้ผลิตเนื้อหาก็ต้องการผลตอบแทนในการผลิตเนื้อหาบ้าง ตอนนี้เป็นการบ้านของผม ที่จะต้องหาทางออก และวิธีการที่เหมาสมกับทุกฝ่าย”

ผู้ผลิตเนื้อหาต้องการมีรายได้จากการโฆษณาผ่านทางเว็บไซต์ของตัวเองบ้าง โดยการเรียกเก็บค่าสมาชิกจากผู้บริโภค เหมือนเคเบิลทีวี ซึ่งทมางรัชตะมองว่าทำไมได้ เพราะซัมซุงคือผู้จำหน่ายเครื่องรับโทรทัศน์ ไม่ได้ขายเนื้อหาผ่านการเป็นสมาชิก หากทำเช่นนี้เหมือนกับการหลอกลวงผู้ซื้อโทรทัศน์ซัมซุง

ทางออกของซัมซุงขณะนี้คือ การเข้าไปดูแลว่าจะช่วยผู้ผลิตเนื้อหาที่เข้าร่วมอย่างไรบ้าง ทั้งเรื่องการลงสื่อ หรือให้ทำโฆษณาแล้วลิงค์กลับไปที่เว็บไซต์ของผู้ผลิตเนื้อหา แล้วจะทำการขายสินค้าที่เป็นลูกค้าของเว็บตัวเอง ซึ่งเรื่องนี้ซัมซุงไม่เปิดโอกาสให้ทำในตอนแรก แต่เมื่อได้รับข้อมูล และพูดคุยกันแล้วก็เปิดช่องให้ผู้ผลิตเนื้อหาสามารถทำได้ เป็นการเปิดช่องทางออกให้

“ซัมซุงเปิดช่องให้อย่างนี้ ทางผู้ผลิตเนื้อหาก็ดีขึ้น แต่เราก็มีข้อแม้ว่า เมื่อลิงค์กลับไปแล้ว จะขายสินค้าอะไรก็ได้ ยกเว้นสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าของคู่แข่งเราในตลาด ไม่ใช่ว่าอยู่บน Platform ของซัมซุงแล้วขายเครื่องใช้ไฟฟ้าของคู่แข่งเรา อย่างนี้มันดูตลก”

นโยบายนี้จะใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการทบทวนผู้ผลิตเนื้อหาบน Platform ของซัมซุงในปีต่อไปด้วย ซึ่งจะเริ่มเข้มงวดขึ้น หลังจากที่ระดมเข้าไปไว้ในระบบเป็นจำนวนมากในปีแรก

ตั้งเอเยนซี่เลือก Content เข้าระบบ

การเข้าร่วมเปิด Platform ของซัมซุงสำหรับผู้ผลิตเนื้อหาบนเว็บไซต์แล้ว ไม่ใช่เรื่องยากเพราะว่าทุกรายให้บริการบน Platform โทรศัท์มือถือและสมาร์ทโฟนอยู่แล้ว การปรับเปลี่ยนมาเป็นระบบของซัมซุงไม่ใช่เรื่องยาก

ผู้ผลิตเนื้อหาต้องทำตามคู่มือ และวิธีการที่ซัมซุงกำหนดเอาไว้เป็นมาตรฐาน รวมถึงต้องผ่านการทดสอบด้วยว่าสามารถทำงานได้กับเครื่องรับโทรทัศน์ตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา เพราะซัมซุงต้องดูแลลูกค้าเก่าที่ซื้อไปแล้วด้วย

ส่วนการคัดเลือกซัมซุงใช้บริษัทภายนอกเข้ามาบริหารจัดการ ซึ่งก็คือบริษัท นิวมีเดีย จำกัด โดยทำหน้าที่แทนซัมซุงทั้งหมดในการรับเรื่อง ติดต่อ ประสานงาน ทดสอบ ผู้ผลิตเนื้อหาที่ติดต่อไป

บริษัท นิวมีเดีย ก่อตั้งโดย วีระพงษ์ ศรีวรกุล ทำหน้าที่เป็นคนกลางระหว่างเว็บไซต์ต่างๆ กับเจ้าของสินค้าและบริการที่ต้องการใช้ช่องทางใหม่ในการโฆษณาสินค้าของตัวเอง นอกเหนือจากสื่อดั้งเดิม อย่างทีวี วิทยุ และสิ่งพิมพ์ และเป็นพันธมิตรกับเว็บไซต์ทุกแห่งทั่วโลกที่ต้องการขายพื้นที่โฆษณา

ทุกวันนี้ผู้ผลิตเนื้อหาที่ต้องการเข้ามาใน Platform ของซัมซุงต้องผ่านนิวมีเดียทั้งหมด

“ผมให้ทางนิวมีเดียจัดเทรนนิ่ง อบรมผู้ผลิตเนื้อหาที่ต้องการเข้ามาใน Platform ซัมซุง ในเดือนมิถุนายนนี้ จัดเป็นงานใหญ่”

สาเหตุที่ต้องทำเช่นนี้ เพื่อเป็นการคัดสำรวจผู้ผลิตเนื้อหา คัดกรองขั้นตอน เพื่อจะได้ทำงานได้รวดเร็วขึ้น และตัดปัญหาความเข้าใจ หรือการสื่อสารที่ผิดพลาดในการทำงานร่วมกัน

นาวิน ตาร์ พรีเซ็นเตอร์ Smart TV

เมื่อซัมซุงเตรียมเนื้อหาที่จะเป็นจุดขายเสริมให้กับ Smart TV ของซัมซุงเรียบร้อยแล้ว การขายทีวีอินเทอร์เน็ตทีวีของซัมซุงก็มีการเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน ในส่วนของหน้าร้านต้องอบรมให้พนักงานขายสามารถตอบและอธิบายให้กับลูกค้าที่ต้องการซื้อทราบได้ว่า Smart TV ของซัมซุงคืออะไร ทำงานอย่างไร ต้องชัดเจน และมีข้อมูลที่เป็นจริงตอบกับลูกค้า

พฤติกรรมของผู้ซื้อโทรทัศน์ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จะมีการหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต เปรียบเทียบสินค้า แล้วเลือกแบรนด์ เมื่อไปที่หน้าร้านถามพีซี หากให้ข้อมูลตรงใจ เขาเชื่อ ก็ซื้อเลย ทำให้ซัมซุงต้องปรับวิธีการขายใหม่ตามไปด้วย ต้องปรับเปลี่ยนการขายให้กับพนักงานขายถึง 2,000 คน

รัชตะ บอกด้วยว่า Smart TV ของซัมซุงได้เลือกใช้ Presenter ใหม่คือ นาวินตาร์ โดยได้มาจากการสำรวจผู้บริโภคว่า สมาร์ททีวีว่าเหมาะสมกับใคร เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจว่าคนรุ่นใหม่เลือกนาร์วิน ตาร์ เพราะเขาจบปริญญาเอก ดูทันสมัย

การสื่อสารการตลาดของ Smart TV ซัมซุง จะสื่อ 3 จุดเด่นของซัมซุงคือ ระบบ 3 มิติ สมาร์ททีวี และการออกแบบ ทั้ง 3 เรื่องนี้จะสื่อสารออกไปพร้อมๆ กัน เพื่อให้เห็นความแตกต่างที่ชัดเจนจากคู่แข่ง

ในเรื่องการแข่งขันในตลาดโทรทัศน์ รัชตะวางแผนรับมือด้วยการจัดทำข้อมูลการตลาดแบบอัพเดตทุกสัปดาห์ ผ่านพนักงานขานจำนวน 800 คน ที่จะเก็บข้อมูลจากพื้นที่ ว่าซัมซุงขายได้เท่าไหร่ คู่แข่งขายเท่าไหร่ เพื่อเป็นข้อมูลที่รับมือกับลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว

“การให้คน 800 คนทำแบบเดียวกัน กรอกเอกสารเหมือนกัน และส่งพร้อมกัน ไม่ใช่เรื่องง่าย มันยากมาก ต้องลงมือจัดการ ทั้งปลอบ ทั้งขู่ ถึงขั้นไล่ออกก็มี”

วิธีการนี้ใช้เวลาทำมาถึง 3 ปีจึงออกมาเป็นระบบที่ชัดเจน ซึ่งรัชตะบอกว่ามีเงินก็ทำไม่ได้

การทำข้อมูลแบบนี้ ทำให้ซัมซุงสามารถรักษาส่วนต่างเรื่องราคากับคู่แข่งได้ในระดับที่ 20% หากเกินเกณฑ์นี้ก็ต้องมีการปรับแกเกมการตลาดอีกครั้ง ซึ่งบางครั้งคู่แข่งเปิดเกมราคา ซึ่งซัมซุงตอบโต้ไปบ้างก็บ่อยครั้ง

อนาคตของทีวีอินเทอร์เน็ต รัชตะฟันธงว่า ต่อไปโทรทัศน์จะเป็นสมาร์ททีวีทั้งหมด สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ และมีสินค้ารองรับทุกกลุ่มลูกค้า และจะขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ คาดว่า ทีวีอินเทอร์เน็ตจะเติบโตประมาณ 15-20% หรือประมาณ 2 แสนเครื่อง