คุยกับ ‘พิมล ศรีวิกรม์’ กับการปั้นแบรนด์ Alexander & James ลุยตลาดเอเชีย หลังเปิด Flagship Store ใหม่

คุยกับ พิมล ศรีวิกรม์ ประธานกรรมการของ บมจ. ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ Alexander & James ในเรื่องการขยายธุรกิจแบรนด์โซฟาจากอังกฤษที่ต้องการเจาะตลาดเอเชีย โดยเฉพาะตลาดในประเทศจีน รวมถึงการเปิด Flagship Store ใหม่ในซอยสุขุมวิท 63

สำหรับแบรนด์ Alexander & James หลายคนอาจรู้จักว่าแบรนด์โซฟาดังกล่าวถือว่าเป็นแบรนด์จากอังกฤษ แต่น้อยคนที่จะรู้ว่าเจ้าของจริงๆ นั้นคือบริษัทไทยนั่นก็คือ บมจ. ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น หรือ TCMC

โดย TCMC ได้เข้าซื้อหุ้นสัดส่วน 75% ของ Midlands Group บริษัทแม่แบรนด์ Alexander & James เมื่อ 8 ปีที่แล้ว และแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ชั้นนำจากอังกฤษมีการเปิดขายสินค้าในประเทศไทยด้วยเช่นกัน นอกจากนี้โซฟาของแบรนด์ดังกล่าวยังมีการผลิตในประเทศไทยด้วยส่วนหนึ่ง นอกจากประเทศสเปน

สินค้าหลักของแบรนด์ Alexander & James ก็คือโซฟา โดยจุดเด่นของแบรนด์คือ วิธีการดึงดุม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ นอกจากนี้ลูกค้าสามารถปรับแต่งวัสดุโซฟาได้ตามความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเลือกหนังที่ผลิตในทวีปยุโรปหลายแบบ หรือวัสดุอื่นได้

ล่าสุด TCMC ได้เปิด Flagship Store ของ Alexander & James แห่งใหม่ในซอยสุขุมวิท 63 ซึ่งสถานที่ดังกล่าวมีขนาดใหญ่กว่าสาขาเดิมที่สุขุมวิท 39 นอกจากนี้ยังมีการออกแบบด้วยคอนเซ็ปต์ที่ผสมกลิ่นอายของวัฒนธรรมอังกฤษซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแบรนด์

Positioning จะพาไปคุยกับ พิมล ศรีวิกรม์ ประธานกรรมการของ TCMC ในเรื่องธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขยายตลาดไปในทวีปเอเชีย หรือแม้แต่การขยายตลาดในประเทศไทย

ภาพรวมธุรกิจ

พิมล ได้กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจของแบรนด์ Alexander & James ว่ามีการออกแบบโดยทีมงานที่อังกฤษที่ฝีมือสูง ส่งผลทำให้ความต้องการโซฟาของแบรนด์สูง ซึ่งตัวเขาเองสงสัยว่าทำไมขายดีที่อังกฤษ ต่อมาลูกค้าคนไทยเห็นคุณค่า เลยเริ่มนำมาลองขายในประเทศไทย

ตลาดในอังกฤษซึ่งเป็นตลาดหลักของแบรนด์ Alexander & James นั้นชะลอตัวลง เนื่องจากสภาวะดอกเบี้ยที่สูง ส่งผลทำให้การก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวลง ส่งผลทำให้การสั่งซื้อโซฟาลดลงด้วย เขายังมองว่าภายในช่วงปลายปี 2024 นี้อังกฤษน่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย จะทำให้ยอดขายกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง

นอกจากนี้เขายังมองว่าเทรนด์สินค้าตกแต่งบ้านจากเดิมที่เน้นสไตล์มินิมอลนั้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงมาเป็นเทรนด์ที่มี ‘ความเยอะ’ มากขึ้น เช่น อย่างโซฟา เขาได้ยกตัวอย่างเช่นมีตุ่มขึ้นมา ฯลฯ หรือแม้แต่การมีหมอนเสริม

ปรับแบรนด์เน้นไลฟ์สไตล์มากขึ้น

ประธานของ TCMC ยังกล่าวถึง แบรนด์ Alexander & James นั้นอาจขยายธุรกิจไปยังเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ เพิ่มเติมนอกจากโซฟา เน้นไลฟ์สไตล์มากขึ้น โดยจะเน้นสินค้าเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น โต๊ะกาแฟ โต๊ะข้างเตียง โต๊ะข้างข้างโซฟา โดยมองว่าสินค้าเหล่านี้เป็นส่วนเสริมจากโซฟา

สินค้าเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ เหล่านี้บริษัทอาจจ้างให้กับผู้ผลิตรายอื่นนั้นผลิตสินค้าให้แทน เช่น ผู้ผลิตในยุโรป หรือแม้แต่ ผู้ผลิตจากจีน

เขาได้เล่าตัวอย่างลูกค้าได้มาสอบถามในโชว์รูมบ่อยๆ ว่า โต๊ะข้างโซฟานั้นสวยมาก เนื่องจากสินค้าเข้ากัน จะซื้อกลับไปด้วยได้ไหม จึงทำให้บริษัทตัดสินใจที่นำสินค้าอื่นๆ วางขายด้วย

เปิดโชว์รูมใหม่ และอนาคตมีแผนอาจขยายสาขาไปภูเก็ต

สำหรับแบรนด์ Alexander & James นั้น ตัว Flagship Store ที่สุขุมวิท 63 ถือเป็นสาขาเดียวในทวีปเอเชียของแบรนด์ โดยพิมลได้กล่าวว่า การย้ายสาขาจากเดิมที่อยู่สุขุมวิท 39 นั้นมีพื้นที่มากขึ้น มีการตกแต่งหรูหรา รวมถึงสินค้าที่นำมาโชว์หลากหลายมากขึ้น

ขณะเดียวกัน พิมล ยังมองว่าแบรนด์ Alexander & James นั้นเจาะตลาดสินค้าหรู แต่อยู่ในช่วงราคาที่จับต้องได้ โดยราคาโซฟานั้นอยู่ในช่วง 100,000 ถึง 300,000 บาท แตกต่างกับแบรนด์หรูจากอิตาลี ซึ่งโซฟาตัวนึงนั้นราคามีตั้งแต่ 900,000 จนถึงหลัก 1,000,000 บาท เขายังกล่าวว่าถ้าหากลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าแล้วส่วนใหญ่จะซื้อสินค้าเลย

เขายังชี้ว่าลูกค้าในต่างจังหวัดนั้นสนใจในโซฟาของแบรนด์ไม่น้อย โดยได้ยกตัวอย่างลูกค้าในจังหวัดนครราชสีมา ได้มาสั่งซื้อโซฟาของแบรนด์เช่นกัน และเขาเองยังเปรยไว้ว่าอาจมีการขยายสาขาของ Alexander & James ไปต่างจังหวัด เช่น ภูเก็ต เนื่องจากเป็นตลาดที่มีชาวต่างชาติที่มีจำนวนมาก ซึ่งอาจมีการไปทดลองเปิดสาขาชั่วคราวเพื่อทดลองการขายก่อน ขณะที่การขยายสาขานั้นเป็นเรื่องของอนาคต

เตรียมขยายธุรกิจไปในเอเชีย

ประธานของ TCMC ยังได้กล่าวถึงสัดส่วนของรายได้จากการขายโซฟานั้น 90% มาจากอังกฤษ เนื่องจากขายเป็นล็อตใหญ่ๆ (B2B) และที่เหลืออีก 10% คือนอกอังกฤษ ซึ่งเน้นขายให้ลูกค้า (B2C)

สำหรับสาขาของแบรนด์ Alexander & James ที่อยู่ในไทยนั้นมีลูกค้าชาวต่างชาติสั่งสินค้าเหมือนกัน เช่น ลูกค้าที่มาจาก มาเลเซีย หรือแม้แต่นิวซีแลนด์ แต่การสั่งสินค้ากลับไปนั้นลูกค้าจะต้องออกค่าใช้จ่ายในการขนส่งเอง ซึ่งทางแบรนด์จะช่วยดูในเรื่องบริษัทรับขนส่งให้

เขายังกล่าวถึงแผนในการขยายตลาดไปยังทวีปเอเชียเนื่องจากก่อนหน้านี้บริษัทไม่ได้จริงจังมากนัก จนล่าสุดเขากล่าวว่ามีลูกค้าจากประเทศจีนสั่งสินค้าเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าสินค้าของแบรนด์ Alexander & James จะมีบางส่วนผลิตในไทย แต่เนื่องด้วยความสวยงามในการออกแบบทำให้ลูกค้าชาวจีนชื่นชอบ

นอกจากนี้เขายังกล่าวว่าด้วยความที่เป็นแบรนด์จากอังกฤษ ยิ่งทำให้ลูกค้าจีนชื่นชอบมากกว่าเดิม ซึ่งหลังจากนี้ทางแบรนด์จะเริ่มเข้าไปเปิดตลาดในประเทศจีน เพื่อเจาะลูกค้าเพิ่ม

ไม่เพียงเท่านี้ ตลาดตะวันออกกลางเขาก็ยังมองว่าเติบโตมากขึ้น โดยในดูไบนั้นมีลูกค้าที่สั่งสินค้าเหมือนกัน แต่จะสั่งเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีลูกค้าชาวต่างชาติที่สั่งสินค้าไปขายต่อก็มี โดยเลือกสินค้าแต่ละชนิดที่น่าสนใจไปวางจำหน่าย

Alexander & James ตั้งเป้ารายได้ปี 2024 ไว้ที่ 130 ล้านบาท และประธานของ TCMC ยังคาดว่าแบรนด์โซฟาจากอังกฤษรายนี้จะสามารถเป็น Top of mind ในกลุ่มผู้ชื่นชอบสินค้าลักชัวรี่ที่มาพร้อมคุณภาพได้