ใครๆ ก็สร้างหนังเองได้

การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพ คืออีกหนึ่งแรงผลักดันให้วงจรชีวิตของอินเทอร์เน็ตทีวีเกิดได้เร็วขึ้น จากการที่ต้องใช้อุปกรณ์ในการถ่ายภาพราคาแพง ก็สามารถใช้กล้อง DSLR มาเป็นอีกทางเลือกหนึ่งได้

กล้องถ่ายภาพนิ่ง กลายมาเป็นเครื่องมือชิ้นหนึ่งในการผลิตภาพยนตร์ สารคดี มิวสิกวิดีโอ ละคร สำหรับผู้ที่สนใจผลิตเนื้อหาเพื่อเผยแพร่ผ่านสถานีโทรทัศน์ อินเทอร์เน็ต หรือแม้แต่การถ่ายภาพเคลื่อนไหวได้ดูเอง

เทคโนโลยี คุณภาพ และราคาของกล้อง DSLR ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นองค์ประกอบหนึ่งของอินเทอร์เน็ตทีวีอย่างไม่ยากเย็นเท่าไหร่

5 D Mark II ปลุกตลาด

วรินทร์ ตันติพงศ์พาณิช ผู้อำนวยการอาวุโส และผู้จัดการทั่วไป ส่วนงานคอนซูมเมอร์ อิมเมจจิ้ง แอนด์อินฟอร์เมชั่น บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด บอกว่า การนำกล้อง DSLR มาถ่ายภาพยนตร์ เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมา เริ่มต้นในอเมริกา กล้อง Canon รุ่น 5 D Mark II ถูกนำมาใช้งานก่อน ภาพออกมาสวย และราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับกล้องถ่ายหนังโดยตรง จากนั้นก็แพร่กระจายไปทั่วโลก ในไทยก็หันมาใช้กล้องนี้มาถ่ายวิดีโอ มิวสิกวิดีโอ มีมากขึ้น

การที่อุปกรณ์กล้องถ่ายภาพพัฒนาขึ้นในระดับที่จับต้องได้ และขยายลงมาสู่กลุ่มผู้ใช้ที่กว้างขึ้น จึงเป็นช่องทางการขยายตลาดของแคนนอน รวมไปถึงการเปิดช่องทางให้ผู้ที่สนใจผลิตงานเผยแพร่ผ่านอินเทอร์เน็ต ทีวีดาวเทียม การเกื้อหนุนกันเช่นนี้ทำให้ในส่วนของเครื่องมือและผู้ใช้ได้รับประโยชน์ร่วมกัน

เขาบอกด้วยว่า ขณะนี้สินค้าหลายๆ ตัวพูดถึงภาพระดับ High-Definition ทั้งไอแพด หรืออื่นๆ เครื่องรับโทรทัศน์ก็ละเอียดขึ้นเรื่อยๆ สิ่งเหล่านี้ทำให้อุปกรณ์ที่มาผลิตเนื้อหาเพื่อรองรับ ก็เกิดขึ้นตามไปด้วย จึงไม่ต้องโปรโมตมาก ทุกคนเข้าใจ พอพูดถึง High-Definition รู้ว่าคืออะไร ต่อไปการตอบรับของผู้บริโภคจะขยายตัวไปอีกมาก

แคนนอนได้ใช้การยอมรับในเรื่องการถ่ายภาพเคลื่อนไหวในกล้อง DSLR มาเป็นจุดขายด้วยการเรียกชื่อฟังก์ชันนี้ว่า EOS MOVIE ต่อท้ายเหมือนนามสกุลของตัวสินค้าเข้าไปด้วย เพื่อบอกว่ากล้องตัวนี้สามารถใช้ถ่ายทำภาพยนตร์ได้

EOS MOVIE เป็นแนวคิดที่มาจากสิงคโปร์ ที่แคนนอนหาคำแทนความหมายการถ่ายภาพเคลื่อนไหวซึ่งเป็นฟังก์ชันหนึ่งในกล้องถ่ายภาพนิ่ง และได้ข้อสรุปที่ EOS MOVIE

“เป็น Positioning ที่เราสามารถนำมาพูดในตลาดได้ ยังไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้ เลยใช้ EOS MOVIE มาโปรโมตให้ผู้บริโภคได้เห็นว่าเราเป็นกล้องภาพนิ่งที่ถ่ายภาพวิดีโอได้อย่างเป็นจริงเป็นจัง” วรินทร์อธิบายวิธีคิดที่เกิดขึ้น

ปรากฏการณ์ที่เห็นได้ชัดเจนคือ ยอดขายของ 5 D Mark II สามารถสร้างยอดขายได้ดีกว่ารุ่นแรก เมื่อออกวางตลาดแรกๆ หลายคนเชื่อว่า 5 D Mark II น่าจะขายได้มากกว่ารุ่นแรกประมาณ 20% แต่กลายเป็นว่าขายได้มากกว่าหลายเท่า

ลงตลาดนักศึกษา – ผู้ใช้ระดับเริ่มต้น

ด้วยระดับราคาของกล้อง 5 D Mark II ถูกจัดให้อยู่ระดับมืออาชีพ เพราะราคาสูง กลุ่มผู้ใช้มีขอบเขตจำกัด แต่เมื่อทิศทางและโอกาสทางการตลาดเปิดกว้าง การนำ EOS MOVIE มาบรรจุอยู่ในกล้องระดับเริ่มต้น หรืออยู่ในไลน์ที่ต่ำลงมาก็เกิดขึ้น

แคนนอนเริ่มด้วยการจัดการอบรมให้กับนักศึกษามหาวิทยาลัยต่างๆ แนะนำเทคโนโลยีใหม่ๆ และมีกิจกรรมทำหนังสั้น เพราะหลังๆ กล้องรุ่น 7 D หรือ 60 D ได้การตอบรับค่อนข้างดีเมื่อนำไปถ่ายวิดีโอ จนมีการนำไปประยุกต์ใช้หลายๆ งาน ทั้งถ่ายภาพ วิดีโอ ภาพยนตร์ หนังโฆษณา บางคนก็เอาไปทำเป็นพวกเวดดิ้งสตูดิโอ ถ่ายทำวิดีโอมากขึ้น

วรินทร์ อธิบายว่า ได้ทดลองตลาดในงานโฟโต้มาราธอนเมื่อปื 2553 มีการเพิ่ม EOS MOVIE เข้าไป เปิดโอกาสให้ลูกค้าที่สนใจทำเป็นหนังสั้นสามารถส่งมาร่วมงานได้ เป็นการทดลอง ไม่ได้ทำใหญ่โตอะไร

“แต่ปีนี้เราจะมีการประกวดหนังสั้น เป็น Gimmick ที่แรงๆ เป็นปีที่เริ่มเจาะเข้ามาในกลุ่มนักศึกษามากขึ้น จากที่เราได้เข้าไปพูดคุยกับนักศึกษา เด็กเองให้ความสนใจกับมูฟวี่ เพราะถ่ายออกมาแล้วสวย แต่ยังติดอยู่ตรงที่ว่า มันยากหรือไม่ เพราะถ่ายเป็นหนังต้องใช้ไฟล์ขนาดใหญ่ ต้องมากลับ อะไรซับซ้อนหรือไม่ ซึ่งเราคิดว่าเทคโนโลยีสมัยนี้ทำให้การทำหนังสั้นง่ายขึ้น”

แคนนอนพยายาทำให้เห็นและชี้ช่องว่า การทำภาพยนตร์ด้วยกล้อง DSLR ไม่ใช่เรื่องยาก ด้วยการร่วมกับบริษัท แอปเปิล คอมพิวเตอร์ มาเป็นผู้อธิอบายและให้ความรู้เรื่องไอมูฟวี่ กับโปรแกรมตัดต่อ Final Cut การทำงานร่วมกันระหว่างฮาร์ดแวร์ กับซอฟต์แวร์ให้อาจารย์และนักศึกษาดูว่าทำไม่ยาก

การให้ความรู้กับผู้บริโภค และสร้างตลาดใหม่ ก็เพื่อรองรับสินค้ารุ่นใหม่ที่ปรับลงมาสู่ตลาดผู้ใช้ทั่วไปมากขึ้น เริ่มตั้งแต่ รุ่น 7 D, 60 D และรุ่น 550 D

เขาบอกว่า ที่ผ่านมากล้อง DSLR ราคาถูกจะเป็นยอดขายอันดับต้นๆ แต่หลังจากที่เปิดตัวรุ่น 550 D ซึ่งราคาไม่ได้ถูก แพงกว่ารุ่น 1000 D และรุ่น 500 D ถูกจัดให้เป็นกล้องที่ในอันดับที่ 3 แต่กลับมียอดขายอันดับ 1 และยอดขายไตรมาสแรกของแคนนอนที่ผ่านมาขยายตัวมากกว่า 30% เหตุผลมาจากกระแส DSLR

กล้องรุ่น 550 D พิสูจน์ให้เห็นว่า ฟังก์ชันวิดีโอทำให้ยอดกล้องรุ่นนี้ขึ้นมาเป็นที่หนึ่งในบ้านเราได้ ขณะนี้ 550 D เปิดตัวมา 1 ปี ยอดขายก็ยังดีอยู่ และแคนนอนได้เปิดตัว รุ่น 600 D เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่ช่วงเวลาไม่เหมาะสม จากเหตุภัยพิบัติที่ญี่ปุ่น คงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งเพื่อหาคำตอบว่า 600 D จะชนะตัวเก่าได้หรือไม่

“ตรงนี้สะท้อนให้เห็นว่าจากนี้ไป DSLR ต้องถ่ายภาพเคลื่อนไหวได้ เพื่อรองรับการใช้งานในอนาคตด้วย หลายๆ คนอาจซื้อเพราะว่าตัวนี้ถ่ายหนังได้ดี เป็นการซื้อเผื่อ แต่ตรงนี้เราคิดว่า เมื่อซื้อไปแล้วเราก็พยายามหาคอร์สอบรมในเรื่องการถ่ายที่ง่ายๆ ไม่จำเป็นต้องถ่ายเป็นเรื่องเป็นราว เช่นไปออกทริปเที่ยวกัน ถ่ายภาพนิ่งแล้วก็ถ่ายคลิปออกมา ก็เป็นการเพิ่มสีสัน การท่องเที่ยวเดินทาง”

คนเปลี่ยนกล้องตลาดใหญ่ที่ต้องคว้าไว้

เมื่อแคนนอนสร้างตลาดและครีเอตความต้องการของกลุ่มผู้ใช้มือใหม่กับนักศึกษาแล้ว ตลาดของผู้ที่ใช้กล้องแต่ไม่สามารถถ่ายภาพเคลื่อนไหวได้ ก็เป็นอีกตลาดหนึ่งที่ต้องเกาะกุมเอาไว้เช่นกัน

วรินทร์ ให้ความเห็นว่า คนที่มีกล้อง DSLR อยู่ น่าจะต้องการภาพนิ่ง ยังไม่ต้องการวิดีโอ ต้องการใช้อุปกรณ์ให้คุ้มก่อนแล้วค่อยเปลี่ยน ซึ่งเชื่อว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะเปลี่ยน และยอมรับว่ากลุ่มที่ใช้ DSLR เป็นกลุ่มที่ศึกษาข้อมูลพอสมควร จะไม่กระโดดเข้ามาแบบตื่นเต้น แล้วกระโดดเข้ามาซื้อ

“แต่ปีนี้หลายคนเริ่มคิดว่าจะต้องอัพเกรดกล้องหรือยัง เมื่อถึงจุดหนึ่งผู้ใช้ที่ใช้แค่ภาพนิ่งก็จะเรื่มขยับเข้ามา ปีนี้จะมีการซื้อเปลี่ยนมากขึ้น เรามีการกระตุ้นตามธรรมชาติ เห็นว่า หลายๆ คนเริ่มสนใจ และศึกษาข้อมูลว่าเหมาะกับตัวเองหรือไม่ พยายามเก็บข้อมูล”

ถึงอย่างไรวรินทร์ก็ยังให้น้ำหนักที่กลุ่มเข้ามาใหม่ ซึ่งในปีนี้กลุ่มนี้ก็ยังใหญ่อยู่ และกลุ่มที่ใช้กล้องอยู่แล้ว น่าจะค่อยๆ เพิ่มขึ้น เพราะกล้อง DSLR ในบ้านเราเติบโตด้วยลูกค้าใหม่เป็นหลัก ที่มีมากถึงประมาณ 75% ของตลาด

ผู้ใช้อีกกลุ่มหนึ่งคือ คนที่ใช้กล้อง Digital Compact หากกลุ่มนี้ต้องการขยับขึ้นมาในกลุ่มการถ่ายภาพเคลื่อนไหวก็ต้องเปลี่ยนมาใช้กล้อง DSLR เพราะว่าโครงสร้างของกล้องมีขนาดเล็ก เลนส์อาจจะไม่สามารถทำคุณภาพได้เท่ากล้อง DSLR ซึ่งในความเป็นจริงกล้องกลุ่มนี้ถ่ายภาพเคลื่อนไหวได้ก่อนกล้อง DSLR เสียอีก แต่ในไลน์สินค้ากล้อง Digital Compact วรินทร์ย้ำว่า ไม่เน้นภาพเคลื่อนไหวระดับ High-Definition

เมื่อกลไกทีวีอินเทอร์เน็ตเริ่มเคลื่อนที่

อุปกรณ์การถ่ายภาพเป็นเครื่องมือสำคัญส่วนหนึ่ง เมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบในการเกิดขึ้นของทีวีอินเทอร์เน็ต โดยงบการลงทุนด้านอุปกรณ์ในอดีตสูงมาก แม้ว่าในช่วงหลังเทคโนโลยีมีราคาถูกลง แต่ก็ยังไม่ส่ผลให้อุปกรณ์เหล่านี้ปรับลดราคาลงมาได้มากเท่าไหร่

เมื่อถึงจุดที่กล้องถ่ายภาพนิ่งพัฒนามาจนไล่ตามหลังอุปกรณ์การถ่ายภาพเคลื่อนไหวมืออาชีพได้ ความหวังและความตั้งใจของผู้ผลิตเนื้อหาหลายๆ คนเริ่มมีทางออก และเห็นว่าการลงทุนน้อยลง สามารถเริ่มต้นทำได้ การแพร่ขยายของทีวีอินเทอร์เน็ตก็เริ่มต้นขึ้นอย่างรวดเร็ว

ต่อไปอุปกรณ์เพื่อการผลิตเนื้อหาจะมีคุณภาพมากขึ้นในขณะที่ราคาไม่ได้สูงขึ้น การขยายตัวของผู้ผลิตเนื้อหาที่เคยถูกจำกัดด้วยอุปกรณ์เริ่มลดน้อยลง ทีวีอินเทอร์เน็ตก็จะมีเนื้อหาแปลกๆ จากผู้ผลิตหน้าใหม่ ที่รอเวลานี้มานาน

ประมาณการยอดขายกล้อง Canon ปี 2554
ประเภท จำนวน
Digital Compact 1.5 ล้านยูนิต
DSLR 92,000 ยูนิต
ส่วนแบ่งตลาดกล้อง Canon ปี 2553
ประเภท มูลค่า (ล้านบาท)
Digital Compact 4,100
DSLR 1,400
มูลค่าตลาดรวม 9,500
ส่วนแบ่งตลาดกล้องดิจิตอลปี 2553
ประเภท สัดส่วน (%)
Digital Compact 90%
DSLR 10%