OR แจ้งผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2565 มีกำไรสุทธิ 3,845 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.3% จากไตรมาสก่อน แต่เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน พบว่า OR มีกำไรสุทธิลดลง 3.9% ลั่นเดินหน้าขยายธุรกิจใหม่ๆ ตอบโจทย์ผู้บริโภคและตอบรับเทรนด์ในอนาคต โดยลงทุนใน Start-up เพื่อสร้างความหลากหลายทางธุรกิจ
พิจินต์ อภิวันทนาพร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2565 OR และบริษัทในกลุ่มมีรายได้จากการขายและบริการ 177,291 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19,452 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 12.3% จากไตรมาสก่อนหน้า มาจากราคาน้ำมันในตลาดโลกโดยเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้น ทำให้รายได้ขายของทั้งกลุ่มธุรกิจ Mobility และกลุ่มธุรกิจ Global เพิ่มขึ้น
สำหรับ EBITDA ในไตรมาส 1 อยู่ที่ 6,467 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,049 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 46.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยเพิ่มในทุกกลุ่มธุรกิจ ซึ่งกลุ่มธุรกิจ Mobility จากภาพรวมกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นจากทั้งธุรกิจตลาดพาณิชย์และธุรกิจขายปลีกน้ำมัน
ในขณะที่กำไรขั้นต้นของการขายน้ำมันดีเซลผ่านสถานีบริการชะลอตัวจากการลดภาระภาคประชาชนในการชะลอการปรับราคาหน้าสถานีบริการ ส่งผลให้ไตรมาส 1/2565 นี้ OR มีกำไรสุทธิจำนวน 3,845 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,491 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 63.3% คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.32 บาท สูงกว่าไตรมาสก่อน 0.12 บาท หรือเพิ่มขึ้น 60.0%
แต่เมื่อเปรียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนพบว่า ในไตรมาส 1/2565 OR มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,845 ล้านบาท ลดลง 3.9% จากไตรมาส 1/2564 ที่มีกำไรสุทธิ 4,003.20 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในไตรมาสนี้ OR ได้เตรียมขยายการติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้า EV Station PluZ ที่ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ เดอะพรอมานาด และเทอร์มินอล 21 สาขาอโศก พระราม 3 พัทยา และโคราช รวม 24 จุดจ่าย ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้ใช้งานได้ในไตรมาส 3/2565 เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้รถไฟฟ้าสามารถเข้าถึงสถานีชาร์จไฟฟ้า EV Statoin PluZ ได้สะดวกยิ่งขึ้น
อีกทั้งยังสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่นิยมมาใช้บริการที่ห้างสรรพสินค้าและให้ความสำคัญต่อการใช้พลังงานสะอาด และได้รวมกับไปรษณีย์ไทยและมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในการศึกษาการใช้รถไฟฟ้าในการขนส่งไปรษณีย์และพัสดุ เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ที่จะขยายการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย และเป็นอีกก้าวสู่การเป็นผู้นำในระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) ต่อไปในอนาคต
สำหรับธุรกิจ Lifestyle บริษัทได้เปิดตัวร้านค้า “Your Space” หรือร้านค้ามัลติแบรนด์ที่เปิดโอกาสให้เจ้าของร้านค้าออนไลน์เช่าพื้นที่เพื่อจัดแสดงสินค้าให้ผู้ซื้อได้สัมผัสสินค้าจริงก่อนตัดสินใจซื้อ ช่วยเพิ่มการรับรู้แบรนด์และสร้างยอดขาย ตอบโจทย์การขายสินค้าออนไลน์ยุคใหม่ ตอบโจทย์ผู้ขายเรื่องความคุ้มค่าเช่า ช่วยลดต้นทุนเจ้าของสินค้าไม่ต้องสต๊อกสินค้าที่ร้าน ปัจจุบัน OR ยังได้ลงทุนในสตาร์ทอัพ 6 รายผ่าน ORZON Ventures ได้แก่ Pomelo, GoWabi, Freshket, Carsome, Protomate และ Hangry เพื่อสร้าง New S-Curve ต่อยอดการดำเนินธุรกิจด้าน Mobility และ Lifestyle รวมทั้งมอบประสบการณ์ใหม่ๆ และความสะดวกสบายให้แก่ผู้บริโภค