ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.75% ซึ่งถือว่าเป็นการประกาศขึ้นดอกเบี้ยมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1994 เป็นต้นมา หลังจากที่ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ทำสถิติสูงสุด และมากกว่านักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ไว้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียงแค่ 0.5% ด้วยซ้ำ
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ต้องประกาศขึ้นดอกเบี้ยมากขนาดนี้เป็นผลมาจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในเดือนพฤษภาคมอยู่ที่ 8.6% ซึ่งถือว่าทำสถิติสูงสุดในรอบ 40 ปี
ในถ้อยแถลงของ เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ชี้ว่า ต้องการที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯนั้นกลับมาอยู่ที่ 2% ให้ได้ และได้ย้ำว่าการที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลงมาเหลือแค่ 2% ถือเป็นงานที่ไม่ง่ายและต้องใช้เวลา
ขณะเดียวกันเขายังได้เน้นย้ำว่าการบุกยูเครนของรัสเซียเองนั้นก็ได้สร้างแรงกดดันให้กับอัตราเงินเฟ้อ รวมถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกอีกด้วยคาดการณ์ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในสิ้นปี 2022 จะอยู่ที่ 5.2%
ผลกระทบของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อที่จะคุมเงินเฟ้อในครั้งนี้ อาจส่งผลต่อตลาดแรงานของสหรัฐฯ ด้วย โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ คาดการณ์ว่าอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ ในช่วงสิ้นปี 2022 จะอยู่ที่ 3.9% โดยปัจจุบันนั้นอัตราการว่างงานอยู่ที่ 3.6%
บทวิเคราะห์ของ Wells Fargo คาดการณ์ว่าหลังจากนี้ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมในครั้งถัดไปที่ 0.75% และทยอยลดลงมาเหลือ 0.5% และ 0.25% ตามลำดับ ทำให้ในช่วงสิ้นปีนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ นั้นจะอยู่ที่ 3.5%