หากย้อนไปช่วง 2 ปีก่อน ที่ COVID-19 ระบาดใหม่ ๆ แน่นอนว่าอุตสาหกรรมไมซ์ (MICE) เช่น งานอีเวนต์ต่างได้รับผลกระทบอย่างหนัก จนทำให้ทางออกเดียวก็คือ ออนไลน์ แต่ปัจจุบันที่การระบาดเริ่มลดความรุนแรงลง ประกอบกับเทรนด์ใหม่มาแรงอย่าง เมตาเวิร์ส (Metaverse) คำถามคือ รูปแบบงานอีเวนต์จากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป
ออนไลน์ใช้ต้นทุนน้อยกว่าเป็นสิบเท่า
ซัม หว่อง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ EventX สตาร์ทอัพด้านแพลตฟอร์มการจัดการงานอีเวนต์ กล่าวว่า เทียบการจัดงานอีเวนต์ปกติจะมีต้นทุนต่อประมาณ 2 แสนดอลลาร์สหรัฐ แต่อีเวนต์แบบออนไลน์มีต้นทุนเพียง 2 พันดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ปริมาณการจัดอีเวนต์จากนี้จะเติบโตขึ้นอย่างมาก เพราะแบรนด์สามารถจัดแบบออนไลน์ได้หลายครั้งมากกว่าจัดแบบออฟไลน์ แต่ไม่ได้แปลว่าการจัดงานออฟไลน์จะหายไป เพียงแต่จะกลายเป็นแบบ ไฮบริด
“ในช่วงที่เกิดโควิดก็มีการจัดงานแบบเวอร์ชวลกว่า 5 แสนอีเวนต์และมีแนวโน้มจะเติบโตมากขึ้น แต่ไม่ใช่แค่ออนไลน์ จะเป็นการจัดงานแบบไฮบริด”
ไฮบริดกลายเป็นบรรทัดฐานงานอีเวนต์
ผลสำรวจจากรายงาน EventX Metaverse & Event Trend Outlook 2022 ซึ่งทำการสำรวจผู้จัดงานและผู้เชี่ยวชาญ 1,500 คนทั้งองค์กรขนาดใหญ่และธุรกิจขนาดเล็กในเอเชียเกี่ยวกับมุมมองของการจัดงานอีเวนต์พบว่า ในอีก 12 เดือนข้างหน้า
- 70% ของบริษัทต่าง ๆ มีแผนจะจัดอีเวนต์แบบไฮบริด – เวอร์ชวล
- 77% จะนำเทคโนโลยี AR, VR เข้ามาใช้ในอีเวนต์ของตัวเองเพื่อเพิ่มประสบการณ์ให้ผู้เข้าร่วม
- 8% ระบุว่า ที่ต้องการจัดแบบเวอร์ชวลเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการจัดอีเวนต์
- 2% ระบุว่าต้องการสร้างฐานข้อมูลผู้บริโภคเพื่อทำการวิเคราะห์ (Data Analytic)
- 86% ขององค์กร B2B ได้รับผลตอบแทนที่เป็นบวกจากกิจกรรมแบบไฮบริด
- 81% ของผู้เข้าร่วมระบุว่าช่วยเพิ่มความพึงพอใจ
อย่างไรก็ตาม มีบางบริษัทที่ยังไม่กล้าจัดงานออนไลน์หรือแบบไฮบริดเพราะมาจาก 4 ปัจจัย ได้แก่
- ขาดความรู้ความเข้าใจ 8%
- ไม่ทราบว่าจะจัดอย่างไรให้เหมาะสม 5%
- ไม่มีผู้เชี่ยวชาญในการจัดงานอีเวนต์ลักษณะดังกล่าว 8%
- กังวลเรื่อง Data Security และ Privacy 30.4%
“อีเวนต์แบบไฮบริดกลายเป็นบรรทัดฐาน เพราะเพิ่มช่องทางให้ผู้จัดงานและผู้เข้าร่วมงาน ผู้เข้าร่วมงานประหยัดเวลาการเดินทาง ผู้จัดงานก็ลดต้นทุน”
ลงทุนซื้อที่ดินเมตาเวิร์ส
จากนี้เมตาเวิร์สจะมีบทบาทสำคัญสำหรับกิจกรรมยุคใหม่ โลกเสมือนเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรง จากข้อมูลของ Bloomberg Intelligence คาดว่ามูลค่าตลาดเมตาเวิร์สจะเพิ่มขึ้นจาก 5 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2020 เป็น 8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2024 และคาดการณ์ว่าภายในปี 2026 กว่า 25% ของคนทั่วโลกจะใช้เวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมงบนเมตาเวิร์ส ทั้งทำงาน ท่องเที่ยว ช้อปปิ้งต่าง ๆ
โดยที่ผ่านมาจะเห็นแบรนด์ต่าง ๆ เช่น Gucci, Microsoft เริ่มเข้าสู่เมตาเวิร์สแล้ว หรือในฮ่องกงก็มีการจัดเวอร์ชวลคอนเสิร์ต มีการใช้ NFTs เป็นตั๋วเข้าชม มีบูธย่อย ๆ ที่สามารถเข้าชมได้ ส่วนประเทศไทยมีหลายบริษัทเข้าสู่เมตาเวิร์สแล้ว เช่น อนันดา, เอไอเอส
EventX ก็ได้ลงทุนซื้อที่ดินเมตาเวิร์สจาก The Sandbox เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรองรับความต้องการของลูกค้าที่ต้องการจัดอีเวนต์ในเมตาเวิร์ส และในปี 2022 บริษัทมีแผนจะเจาะ 8 ตลาดเอเชีย ได้แก่ จีน, สิงคโปร์, ไต้หวัน, ไทย, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ฟิลิปปินส์ และฮ่องกง โดยเห็นโอกาสจาก 5 กลุ่ม ได้แก่ ธุรกิจการศึกษา, การจัดงานแสดงสินค้า, ธุรกิจความบันเทิง, ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และการจัดอีเวนต์ภายในองค์กร