สำนักข่าว Reuters ได้รายงานปัญหาของแบรนด์แฟชั่นหลายรายที่มีร้านค้าในเซี่ยงไฮ้กำลังพบกับสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกหลังจากสต็อกสินค้าที่ไว้จำหน่าย ทำให้หลายแบรนด์ต้องเร่งระบายสต็อกสินค้าโดยการลดราคาครั้งใหญ่ ไม่เว้นแม้แต่การขายสินค้าในช่องทางออนไลน์
อย่างที่เราทราบกันดีว่าจีนได้ประกาศล็อกดาวน์โดยเฉพาะเมืองใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้เป็นระยะเวลา 2 เดือน ส่งผลทำให้เศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นภาคการผลิต หรือแม้แต่การบริโภคของประชาชนเองก็ต้องหยุดชะงักตามไปด้วย แต่สำหรับบริษัทโดยเฉพาะแบรนด์แฟชั่นแล้วการนำเข้าสินค้ามาจำหน่ายในแต่ละปีนั้นมีการวางแผนล่วงหน้ามาก่อนแล้ว
การเปิดเมืองอีกครั้งในรอบนี้ ส่งผลให้สินค้าล้นตั้งแต่โกดังไปจนถึงชั้นเก็บของซึ่งเต็มไปด้วยสินค้าที่ยังไม่ได้ขายในช่วง 2 เดือนของการปิดเมือง
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้หลายแบรนด์เองต้องระบายสต็อกสินค้าอย่างหนักหน่วง ผ่านทั้งช่องทางปกติ รวมถึงช่องทางออนไลน์ โดยหลายแบรนด์ต้องลดราคาสินค้ามากกว่า 50% เพื่อที่จะทำให้สินค้าขายออก นอกจากนี้ยังต้องมีการวางแผนในการลดราคาสินค้าในช่วงวันคนโสดเพื่อที่จะทำให้สินค้านั้นขายหมด บริษัทจะได้รับสต็อกสินค้าใหม่เข้ามาได้
อย่างไรก็ดี ถ้าหากมาดูตัวเลขค้าปลีกของจีนในเดือนพฤษภาคม ยอดค้าปลีกในจีนลดลง 6.7% เมื่อเทียบกับปี 2021 ที่ผ่านมา ยิ่งทำให้แบรนด์แฟชั่น หรือแม้แต่แบรนด์หรูต่างๆ ปวดหัวเพิ่มมากขึ้น
ข้อมูลจาก Tmall ในช่วง 618 ซึ่งเป็นงานช้อปปิ้งที่สำคัญในประเทศจีน ยอดขายเสื้อผ้าผู้ชายนั้นลดลง 22% ขณะที่เสื้อผ้าผู้หญิงยอดขายลดลง 4% อย่างไรก็ดี ยอดขายเสื้อผ้าออกกำลังกายกลับเพิ่มขึ้น 26% อาจเป็นเพราะการให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายมากขึ้นในช่วงล็อกดาวน์
ยอดค้าปลีกที่ลดลงยิ่งทำให้การระบายสต็อกสินค้ายุ่งยากมากขึ้น แม้ว่าจะมีอีกวิธีการนั่นก็คือการส่งสินค้ากลับไปขายยังประเทศอื่นๆ เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป ฯลฯ แต่แบรนด์ต่างๆ กับพบปัญหาที่ว่าค่าขนส่งนั้นแพงมากเกินไป ซึ่งอาจกระทบกับต้นทุนได้
ผลที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นอาจทำให้หลายแบรนด์เองอาจพิจารณาว่าจะผลิตคอลเลกชั่นสำหรับฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึงนี้หรือไม่ แต่การแก้ปัญหาในระยะสั้นนั้นหลายแบรนด์เองเริ่มที่จะทำการตลาดเชิงรุกเพื่อที่จะแก้ปัญหานี้ก่อนที่จะสายเกินไป