เบื้องลึกดราม่า! ยูนิคอร์นไทย ฉาวไกลสู่ระดับอินเตอร์ ซื้อขายสองมาตรฐานงานถนัดเขาล่ะ

บทความโดย ibit ผู้จัดการออนไลน์
ปัดพัลวัล ปมดราม่าเดือด “พิมรี่พาย” ไลฟ์สดขายบัตร “ศึกแดงเดือด” ราคาถูก กดดันให้ “วินิจ” ออกมายอมรับผิดคนเดียว จับโป๊ะ “บิทคับ” เป็นผู้จัดร่วม ไม่ใช่แค่สปอนเซอร์ หวังฟันกำไร และสานฝัน “ท๊อป จิรายุส” ผู้คลั่งไคล้กีฬาฟุตบอล การตลาดผิดพลาด บัตรแพงลิ่ว ขายไม่ออก ต้องใช้ “พิมรี่พาย” ระบายสต็อก เชื่อแม่ค้าไม่โง่ ทุ่ม 400 ล้าน ซื้อตั๋วมาขายขาดทุนเกือบ 100 ล้าน

กรณี “พิมรี่พาย” น.ส.พิมรดาภรณ์ เบญจวัฒนพัชร์ ไลฟ์สดขายบัตรศึกแดงเดือดในไทย “THE MATCH Bangkok Century Cup 2022” ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ใบละ 20,000 บาท จำนวน 10,000 ใบ และใบละ 15,000 บาท อีก 10,000 ใบ ในราคาต่ำกว่าหน้าบัตร พร้อมกับแถมบัตรเข้าชมการซ้อมของ แมนยูฯ-ลิเวอร์พูล รวมถึงบัตรชมการซ้อมคอนเสิร์ตของ “แจ็คสัน หวัง” จำนวน 200 ใบด้วย

ประเด็นดังกล่าวได้ กลายเป็นดราม่าเดือดภายในชั่วข้ามคืน หลังบรรดาสาวกลิเวอร์พูล และแมนยูฯ ออกมากระหน่ำถึงความไม่ชอบมาพากล เรื่องแหล่งที่มาของบัตร และการเอารัดเอาเปรียบ ไม่ได้รับความเป็นธรรมกับบรรดาแฟนบอลที่ซื้อบัตรก่อนหน้าในราคาเต็ม

จนทำให้ผู้จัดงานอย่าง บริษัท เฟรชแอร์เฟสติวัล จำกัด โดย วินิจ เลิศรัตนชัย ได้ออกมาชี้แจงถึงแหล่งที่มาของบัตรดังกล่าว และมีการขายให้ “พิมรี่พาย” ในราคาเต็ม ไม่มีส่วนลด แล้วนำไปทำการตลาดเองไม่เกี่ยวข้องกับผู้จัดแต่อย่างใด รวมถึงไม่มีการจำหน่ายบัตรเข้าชมวันซ้อมคอนเสิร์ต และไม่มีการจัดมื้อพิเศษกับนักฟุตบอลทั้งสองสโมสร และแจ็คสัน หวัง

รวมถึงได้รับการยืนยันจากสโมสรลิเวอร์พูล และแมนยูฯ เช่นกัน ไม่มีการจัดรับประทานอาหารมือพิเศษกับนักฟุตบอลทั้งสองสโมสร ไม่ได้อนุมัติการจำหน่ายบัตรดังกล่าว ขณะที่ต้นสังกัด แจ็คสัน หวัง (Team Wang records) ก็ได้ออกแถลงการณ์ในลักษณะเดียวกัน คือไม่มีบัตรกินข้าว รับประทานอาหารดินเนอร์ส่วนตัวกับ แจ็คสัน แต่อย่างใด และบริษัทไม่ได้อนุมัติการจำหน่ายดังกล่าว

จุดเริ่มต้นปัญหาความร่วมมือ “วินิจ – ท๊อป”

จุดเริ่มต้นก่อนจะกลายเป็นประเด็นร้อนนั้น น่าจะเกิดจากการที่ วินิจ เลิศรัตนชัย ต้องการจัดศึกแดงเดือดขึ้น และขอรับการสนับสนุนจากภาครัฐ แต่ได้รับการปฏิเสธจนกลายเป็นดราม่ามาแล้วรอบหนึ่ง

ดังนั้น วินิจ จึงหันมาจับมือกับภาคเอกชน และเล็งเห็นศักยภาพ บวกกับสายสัมพันธ์อันดีกับ “ท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา” ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ที่มีศักยภาพทั้งด้านเงินทุน และภาพลักษณ์ที่ดีในแวดวงธุรกิจ รวมถึงมีคนรู้จักจำนวนมาก น่าจะผลักดันให้งานนี้ประสบความสำเร็จได้ จึงได้มีการชักชวนให้ร่วมจัดงานขึ้น

“ท๊อป” หวังสร้างกระแสโกยผลประโยชน์

ขณะที่ “ท๊อป จิรายุส” นอกจากจะเป็นคนดัง ที่มีคนติดตามจำนวนมากแล้ว ยังเป็นผู้ที่คลั่งไคล้ฟุตบอลอย่างหนัก จึงเล็งเห็นผลประโยชน์ที่จะตามมามากมายมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นผลกำไรเป็นกอบเป็นกำ และเป็นการต่อยอดธุรกิจด้วยการนำผลกำไรจากการขายเหรียญ KUB Coin ซึ่งขณะนี้ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีเริ่มตกต่ำ ไม่สามารถสร้างราคาได้อีก รวมถึงการประชาสัมพันธ์สร้างภาพลักษณ์ให้กับ “บิทคับ” เพื่อดึงดูดให้แฟนบอล ซึ่งในประเทศไทยมีแฟนบอลทั้ง 2 ทีมจำนวนมากเข้าสู่วงจรตลาดคริปโตฯ

ตรงนี้จะทำให้ “บิทคับ” ได้ผลประโยชน์แบบเต็มๆ สามารถขยายฐานการตลาดใหม่เข้าสู่กลุ่มแฟนบอลของทั้ง 2 ทีม และอาจจะได้รับผลประโยชน์มากกว่าการเข้าไปสนับสนุนสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยเหมือนที่ผ่านมา รวมถึงการประกาศเข้าซื้อสโมสรฟุตบอลของไทยจึงมีความเป็นไปได้อย่างสูงว่า บิทคับ หรือ ท๊อป จิรายุส ไม่ใช่เพียงสปอนเซอร์อย่างเดียวในงานนี้ หากควักเงินร่วมลงทุนด้วย ดังนั้นงานนี้จึงขาดทุนไม่ได้ เลวร้ายสุดคือต้องเสมอตัว

ตระเวนสายโปรโมตสร้างกระแส

หลังจากบรรลุข้อตกลงร่วมกันระหว่าง “วินิจ” กับ “ท๊อป จิรายุส” ทั้งสองก็เริ่มตะเวนทำการประชาสัมพันธ์ สร้างกระแส ออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะผ่านช่องทางเฟซบุ๊กส่วนตัว หรือแม้กระทั่งการออกสื่อต่างๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งการโปรโมตผ่าน Facebook page: Suthichai Yoon และทาง Youtube: Suthichai live ของ “สุทธิชัย หยุ่น” เป็นต้น

การโปรโมตที่ชัดเจนสุดคือภาพของ วินิจ และท๊อป และโลโก้งานตามป้าย LED ที่บิทคับซื้อโฆษณาไว้เต็มบ้านเต็มเมือง น่าจะสะท้อนว่า ท๊อป ร่วมลงทุนไปมากแค่ไหนอย่างชัดเจน

ขณะเดียวกันทั้งสองคน ยังได้นำสื่อของไทยไปทัวร์สโมสรลิเวอร์พูล และแมนยูฯ พร้อมมีการไลฟ์สดบรรยากาศ และถ่ายภาพภายในสนามของสโมสร และภาพคู่นักเตะของทั้ง 2 ทีม และโพสต์ออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างกระแสและกระตุ้นความสนใจของแฟนบอลชาวไทย

บัตรไม่เดินแพงหูฉี่ ปรับแผนดึง “แจ็คสัน หวัง” ช่วย

แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริงกลับตรงกันข้ามสิ่งที่หวังไว้ เนื่องจากราคาจำหน่ายตัวกำหนดไว้สูงเกินไป ถึงราคาใบละ 2 หมื่นบาท และ 1.5 หมื่นบาท ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้อ กระแสไม่ปังอย่างที่คิด ทำให้บัตรขายไม่หมด ทางผู้จัดจึงได้ปรับกลยุทธ์นำ “แจ็คสัน หวัง” GOT7 มาจัดคอนเสิร์ต หวังจะช่วยดึงแฟนคลับที่คลั่งไคล้ศิลปินเกาหลี ช่วยสร้างกระแสและขยายฐานการตลาดในกลุ่มแฟนคลับของติ่งเกาหลี

อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์การตลาดก็ผิดพลาดอีกครั้ง เมื่อทางผู้จัดคาดการณ์ผิด เพราะบรรดา “ติ่งเกาหลี” กับบรรดาแฟนบอลเป็นคนละกลุ่มกัน จึงไม่ได้รับความสนใจมากนัก และทำให้บัตรยังคงขายไม่ออก

ปัญหาที่ตามมา ผู้จัดต้องคิดหนักจะทำอย่างไรกับบัตรที่เหลือ เพราะตามเงื่อนไขแล้ว ทางผู้จัดไม่สามารถขายบัตรราคาต่ำกว่าที่กำหนดไว้ได้

ทางเลือกสุดท้ายให้ “พิมรี่พาย” ระบายสต็อก

แจกก็แล้ว ก็ยังเหลือ จะลดราคาผ่านช่องทางไทยทิคเก็ต ก็ไม่ได้ เพราะมีคนซื้อบัตรราคาเต็มไปแล้วหลายราย จึงต้องงัดไม้ตายสุดท้าย ดึง “พิมรี่พาย” แม่ค้าไลฟ์สดขายของคนดัง มาช่วยระบายสต็อกบัตรที่ขายไม่หมดหรือไม่? เพราะ “พิมรี่พาย” เองก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับทาง “ท๊อป จิรายุส” จึงได้ยื่นข้อเสนอให้ “พิมรี่พาย” นำบัตรไปขายในราคาถูก และแบ่งผลประโยชน์กัน ซึ่ง “วินวิน” ด้วยกันทั้งคู่ จนกลายเป็นประเด็นร้อนแรงขึ้น

ทั้งนี้ เนื่องจากการก่อนหน้า สื่อโซเชียลได้ตั้งข้อสังเกตถึงความสัมพันธ์อันดี ระหว่าง “ท๊อป จิรายุส” กับ “พิมรี่พาย” จากงาน The Chosen1 ที่บางบิทคับจัดขึ้นเพื่อพบปะเจรจาหรือรับประทานอาหารร่วมกับกลุ่มเจ้าของธุรกิจ ดารา และไฮโซที่มีชื่อเสียง ซึ่งมียอดผู้ติดตามในโลกโซเชียลจำนวนมาก ซึ่งงานนี้ก็มี “พิมรี่พาย” มาร่วมงานด้วย

ขณะเดียวกัน ยังได้มีการตั้งข้อสังเกตอีกด้วยว่า “พิมรี่พาย” เอง คงไม่นำเงินจำนวน 400 ล้านบาท ไปลงทุนซื้อบัตรในราคาเต็ม เพื่อมาขายในราคาถูก ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่า จะขาดทุนเกือบ 100 ล้านบาท เพราะคงไม่มีแม่ค้าคนไหนที่ทำแบบนั้นแน่นอน

ผู้จัดงานออกโรงปัดพัลวัน

จากกระแสความไม่พอใจของแฟนบอลทั้ง 2 ทีม กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียล ทำให้ผู้จัดอย่างวินิจ เลิศรัตนชัย เจ้าของบริษัท เฟรชแอร์เฟสติวัล จำกัด ผู้จัดงาน ได้ชี้แจงว่า เป็นตั๋วที่เอาไว้ขายให้แฟนๆ ในต่างประเทศ และยืนยันว่าไม่มีการจำหน่ายบัตรเข้าชมวันซ้อมคอนเสิร์ต และไม่มีการจัดมื้อพิเศษกับนักฟุตบอลทั้งสองสโมสร และแจ็คสัน ทำให้โลกออนไลน์มีการตั้งข้อสงสัยว่า พิมรี่พายได้นำตั๋วจำนวนมากมาจากใคร โดยจับตาไปที่บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด

ขณะที่ บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ที่มี “ท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา” เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง และเป็นสปอนเซอร์หลักในการจัดกรรมครั้งนี้ ได้โพสต์ข้อความชี้แจงว่า กรณีปัญหาการจำหน่ายบัตรเข้าชม THE MATCH – CENTURY CUP 2022 เนื่องจากมีข้อคิดเห็นในสื่อสังคมออนไลน์ที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด และบริษัทในเครือ ขอชี้แจงว่า บัตรเข้าชมการแข่งขันที่ทางบิทคับได้รับ จะไม่มีความเกี่ยวข้องกับสปอนเซอร์อื่นใด หรือผู้จัดจำหน่ายอื่นใดทั้งสิ้น

ทั้งนี้ เนื่องจากบิทคับไม่มีการทราบรายละเอียดข้อสัญญาหรือข้อตกลงระหว่างบริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด หรือ บริษัท ไทยทิคเก็ต เมเจอร์ จำกัด หรือบริษัทอื่นๆ ที่ทำร่วมกับบริษัท องค์กร หรือบุคคลอื่นๆ โดยข้อตกลงในการแจกจ่ายหรือจัดจำหน่ายบัตรในส่วนของบิทคับจะทำการแจกจ่ายหรือจัดจำหน่ายได้หลังจากการจัดจำหน่ายบัตรผ่านช่องทางของไทยทิคเก็ตเมเจอร์ได้หมดลง หรือหากบัตรของจากช่องทางอื่นยังไม่หมด บิทคับสามารถเริ่มแจกจ่ายหรือจำหน่ายบัตรได้ในเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป

โดยบัตรเข้าชมได้เริ่มแจกจ่ายและจัดจำหน่ายเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 65 ที่ผ่านมา ผ่าน Bitkub M Social เป็นช่องทางหลัก และมีการให้โควต้ากับพันธมิตร อาทิ บริษัทนำเที่ยวโดยวัตถุประสงค์เพื่อช่วยกระจายบัตรเท่านั้น ส่วนการจัดการผ่านแพลตฟอร์มการชำระเงิน เป็นเพียงการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า โดยบัตรเข้าชมการแข่งขันที่ลูกค้าได้รับจากบิทคับทุกช่องทาง จะออกในนามบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด และสามารถขอออกใบกำกับภาษีในนามบริษัท แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด เท่านั้น

“ลิเวอร์พูล-แมนยูฯ” ย้ำชัดไม่มีกินข้าวกับนักเตะ

กระแสความแรงไม่ใช่เกิดขึ้นในประเทศไทยเท่านั้น ยังสร้างแรงกดดันไปยัง สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จนต้องออกแถลงการณ์ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีผู้ค้าออนไลน์นำบัตรเข้าชมมาขายในราคาถูก และสิทธิ์รับประทานอาหารค่ำกับนักเตะ โดยแถลงการณ์จากสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ระบุว่า สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตระหนักถึงข่าวการนำบัตรชมการแข่งขันเกมอุ่นเครื่องปรีซีซั่นที่ประเทศไทยมาจำหน่ายต่อ (รีเซล)

สโมสรไม่เคยอนุมัติการขายบัตรในรูปแบบดังกล่าว รวมทั้งไม่มีส่วนร่วมในรายละเอียดการขาย ที่นำไปสู่การเข้าใจผิด ถึงแม้ว่าบัตรเข้าชมการแข่งขันเหล่านั้นคือของแท้ก็ตาม นอกจากนั้นสโมสรไม่เคยทำข้อตกลงให้นักเตะร่วมรับประทานอาหารค่ำกับผู้โชคดี

ทั้งสองสโมสรกังวลและผิดหวังที่เห็นแฟน ๆ ได้รับรู้ข่าวสารที่บิดเบือน เรากำลังเตรียมตัวมาปรีซีซั่นที่ประเทศไทย อดใจรอไม่ไหวที่จะได้พบกับเหล่าแฟน ๆ ของเรา

ต้นสังกัด “แจ็คสัน หวัง” ยันไม่มีกินข้าวกับศิลปิน

ขณะที่ต้นสังกัดของ แจ็คสัน หวัง (Team Wang records) ได้ออกมาแถลงการณ์ปมดราม่าดังกล่าวว่า ไม่มีบัตรกินข้าว นับประทานอาหารดินเนอร์ส่วนตัวกับ แจ็คสัน แต่อย่างใด โดยมีการระบุว่า “ทางบริษัท ทราบถึงการจำหน่ายตั๋วฝึกซ้อมทางออนไลน์และบัตรดินเนอร์ส่วนตัวแล้ว โดยทางบริษัทไม่ได้อนุมัติการจำหน่ายดังกล่าว และไม่มีบัตรเช่นนั้นจำหน่าย ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของคุณ และรอไม่ไหวที่จะได้พบพวกคุณที่กรุงเทพฯ”

“วินิจ” อ้าแขนขอน้อมรับผิดเพียงผู้เดียว

แม้หลายฝ่ายได้พยายามออกมาชี้แจงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อลดแรงกดดันและความร้อนแรงที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่สามารถสยบดราม่าที่เกิดขึ้น เพราะการออกมาชี้แจงของผู้จัดยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนเพียงพอ

ล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมา นายวินิจ เลิศรัตนชัย ประธานเจ้าหน้าที่ บริษัท เฟรชแอร์เฟสติวัล จำกัด ผู้จัดศึกแดงเดือดในประเทศไทย ออกมาโพสต์ร่ายยาวผ่านอินสตาแกรม vinijdj โดยระบุว่า อยากขอใช้พื้นที่เล็กๆ พูดบ้าง

เรื่องสโมสรออกมาบอกก็ถูกต้องแล้วครับ เขาต้องปกป้องภาพลักษณ์ให้ดีที่สุด แสดงจุดยืน ซึ่งผมเห็นด้วยเช่นเดียวกับแถลงการณ์ อย่างที่ตั้งตารอสำหรับงานครั้งนี้มากๆ เพราะเป็นนัดที่มีความหมายของทั้งสองทีมอย่างยิ่ง

ผมอยากบอกถึงความตั้งใจและจุดยืนเช่นกัน ตั้งแต่เริ่มงาน ดราม่าก็เริ่มมาตั้งแต่ ได้รับงบจากภาคส่วน ความคิดที่สบประมาทต่างๆ จนเกือบถอดใจ ผมตัดสินใจทำงานนี้คนเดียวจริงๆ มันเป็น match เกินฝัน ที่ผมอยากสร้างมาตรฐานใหม่ทุกด้านในการจัดงาน ยกระดับทุกสิ่งที่จะทำได้

ผมเต็มที่กับทุกอย่างที่ทำ ผมโชคดีที่มีเพื่อนรอบตัว มีผู้สนับสนุนที่มีน้ำใจและเต็มใจ หลายเรื่องที่ไม่สามารถอธิบายได้ รู้อย่างเดียวคือ เดินหน้า เพื่อให้ 12 กรกฎานี้ ออกมาสมบูรณ์ที่สุด ให้สมกับกรุงเทพฯ ประเทศไทยที่รักของพวกเรา เป็นที่จดจำ พร้อมถ่ายทอดอวดสายตาชาวโลกไปกว่า 145 ประเทศแล้วครับ

มันไม่ง่ายเลยครับกับการทำงานกับสโมสรที่มีมาตรฐานสูงที่มีแฟนกว่า 3 พันล้านคน ปัญหา มีทุกวันทุกวินาที แต่แก้ไขได้ครับ ผมสัญญากับทุกคนครับว่า ต้องทำทุกอย่างไม่ให้บกพร่อง ไม่ให้เสียชื่อความเป็นคนไทย

ความผิดพลาดคลาดเคลื่อนไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารใดๆ จากส่วนไหน ทั้งทางตรงทางอ้อมที่ผ่านมา ผมขอน้อมรับผิดแต่เพียงผู้เดียวครับ และจะทำงาน THE MATCH Bangkok Century Cup 2022 ให้ดีที่สุดที่ชีวิตนึงจะทำได้ เหลืออีกไม่ถึง 3 สัปดาห์ ขอให้ทุกคนร่วมกันเป็นเจ้าภาพที่ดี ต้อนรับ match ประวัติศาสตร์ match เปิดประเทศ ต้อนรับนักฟุตบอล ศิลปินระดับโลก และแขกต่างประเทศ เพื่อชื่อเสียงที่ดีของประเทศเรา ร่วมกันครับ

“พิมรี่พาย” วอนจบดราม่า

ด้าน “พิมรี่พาย” เผยในไลฟ์ขายของผ่านเพจเฟซบุ๊ก พิมรี่พายขายทุกอย่าง คืนที่ผ่านมา ถึงประเด็นดราม่าดังกล่าว โดยระบุจากเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้ที่ซื้อบัตรนัดแดงเดือดจากตนไปชะลอการชำระเงิน รวมถึงประเด็นดราม่าการกินข้าวกับนักเตะและแจ็คสัน หวัง ถึงขนาดกล่าวว่า

“ยังไม่จบอีกหรือ จบเถอะ ก็ต้องตามที่ผู้จัดงานเขาออกมาออกข่าว ตามนั้นแหละ ทางสโมสรหรือว่าทางคนขายตั๋วเขาก็ต้องออกมาบอกว่า มันไม่มีตั๋วกินข้าวอยู่แล้ว ก็ถูกแล้ว ก็มันไม่มีตั๋วกินข้าวไง ก็บอกไปหลายครั้งแล้ว ว่าเออ มันไม่มีตั๋วกินข้าว”

ย้อนระบบ 2 มาตรฐาน งานถนัด “บิทคับ”

จากแรงกดดันที่ส่งผลให้ “วินิจ เลิศรัตนชัย” ต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบเพียงคนเดียว ยังคงถูกมองว่า เกิดความขัดแย้งภายในของทางผู้จัดเอง และจากข้อผิดพลาดจากการทำการตลาดแบบ 2 มาตรฐานหรือไม่ ? เพื่อถือเป็นเรื่องที่ทาง “บิทคับ” ถนัดและใช้บ่อยในการทำตลาดลักษณะดังกล่าว

เทียบกับก่อนหน้า การสร้างราคาเหรียญ KUB Coin โดยการอาศัยพันธมิตรธุรกิจขนาดใหญ่เพื่อช่วยพยุงราคาเหรียญ โดยเสนอให้พาร์ตเนอร์เข้ามาลงทุนเหรียญ KUB Coin และทาง “บิทคับ” ได้รับประกันราคาซื้อคืน เมื่อถึงเวลาที่กำหนดไว้ จนสร้างความไม่พอใจให้นักลงทุนรายย่อยที่เข้าลงทุนเหรียญ KUB Coin และได้รับความเสียหายจำนวนมากจากราคาเหรียญที่ตกต่ำ

โดยก่อนหน้านี้ Bitkub ได้จับมือกับพันธมิตรบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งร่วมสังฆกรรมธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลหรือคริปโตเคอร์เรนซี โดยมีบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมอยู่ด้วย 7 แห่ง ประกอบด้วย บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD บริษัท โปรเอ็น คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ PROEN บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) หรือ SPC บริษัท ทีพีซีเอส จำกัด (มหาชน) หรือ PTCS บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ SO และ บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SIS (รายชื่อเฉพาะบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ)

ซึ่งการเป็นพันธมิตร อยู่ในรูปแบบการผู้ตรวจสอบธุรกรรมผ่านบล็อกเชน โดยได้รับค่าธรรมเนียม ภายใต้เงื่อนไขที่แตกต่าง โดยหลายบริษัทต้องซื้อ KUB Coin นับร้อยล้านบาท เพื่อเป็นหลักประกันการเป็นผู้ตรวจสอบธุรกรรมจาก บริษัท บิทคับ บล็อกเชน เทคโนโลยี จำกัด

ขณะที่ผู้ขายหรือ “บิทคับ” จะรับประกันซื้อคืนเหรียญในราคาทุน เมื่อครบกำหนดระยะเวลาการถือครอง หากราคาเหรียญที่ซื้อขายในตลาดลดลงต่ำกว่าราคาที่ซื้อ แต่หากมีกำไรบริษัทเหล่านั้นก็สามารถรับกำไรไปแบบเต็ม หากดูพฤติกรรมเหล่านี้แล้ว เหมือนกับว่า Bitkub ต้องการให้พันธมิตร หรือพาร์ตเนอร์เข้ามาช่วยกันพยุงราคาหรือไม่

อัดโปรฯ เปิดช่องรายย่อยล็อกเหรียญ

หลังจากได้รับแรงกดดันจากบรรดารายย่อย และเล็งเห็นว่าพาร์ตเนอร์รายใหญ่ ไม่สามารถช่วยพยุงราคาเหรียญ KUB Coin ได้เท่าที่ควร เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ที่ผ่านมา “บิทคับ” จึงได้ประกาศเปิดตัวโครงการที่ชื่อว่า KUB ON THE ROCK (Original locking) แพ็กเกจ Lock & Drop ใหม่ (แบบแรกจากสามรูปแบบ) บน Bitkub NEXT

โดย Bitkub NEXT เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานล็อกเหรียญ KUB เป็นเวลา 365 วัน เพื่อรับโบนัสเป็นเหรียญ KBTC ซึ่งมีอัตราผลตอบแทนโดยประมาณสูงสุดต่อปี 5-8% (อาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับราคาเหรียญ KUB และเหรียญโบนัส ณ เวลานั้น)

สำหรับแพ็กเกจนี้จะเปิดให้ล็อกทุกเดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2565 เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป และในกรณีที่มีการล็อกไม่เต็มจำนวนที่เปิด จะสมทบมูลค่าโบนัสที่เหลือของแพ็กเกจนั้นให้กับแพ็กเกจถัดไป

เป็นที่น่าสังเกตว่า โครงการดังกล่าว จะเป็นนโยบายที่ Bitkub เคยใช้เช่นเดียวกันกับการดึงพันธมิตรรายใหญ่เข้ามาลงทุนเหรียญ KUB Coin และมีการรับประกันราคาซื้อคืนเมื่อครบกำหนดระยะเวลา เพื่อพยุงเหรียญ KUB Coin ไม่ให้ตกต่ำหรือไม่ เพราะหลังจากที่ประกาศตัวอย่างเป็นทางการ ราคาเหรียญ KUB Coin ก็ได้ปรับตัวขึ้นอย่างแรง ล่าสุด ณ เวลา ประมาณ 18.45 น. ของวันที่ 26 มิ.ย. สามารถยืนอยู่เหนือ 100 บาท ที่ 105 บาท เพิ่มขึ้น 0.98% จากรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม การทำการตลาดที่ผิดพลาด และการใช้ระบบสองมาตรฐานดังกล่าว จนกลายเป็นกระแสดราม่าในวงกว้างไม่ใช่เฉพาะในเมืองไทย และลุกลามไปถึงต่างประเทศ ไม่ได้ส่งผลกระทบและเสียหายเฉพาะผู้จัด เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ในความไม่เป็นมืออาชีพในการจัดงาน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการจัดงานหรือกิจกรรมระดับโลกที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ที่มา : https://mgronline.com/stockmarket/detail/9650000060786