นินจาแวน ประเทศไทย ชี้ช่องเอสเอ็มอีไทยเพิ่มรายได้จากตลาดอี-คอมเมิร์ซระหว่างประเทศ พบสถิติการส่งสินค้าเพิ่มขึ้นชัดเจน มั่นใจตลาดในอาเซียนยังมีช่องทางให้เติบโตอีกมาก

นินจาแวนประเทศไทย ผู้นำบริการโลจิสติกส์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชี้ช่องสร้างโอกาสให้เอสเอ็มอีไทยขยายธุรกิจให้เติบโตในภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น เผยพบสถิติส่งสินค้าออนไลน์ระหว่างประเทศกว่า 2 ล้านชิ้นต่อวันใน 6 ประเทศ – สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ไทย และเวียดนาม รายงานบารอมิเตอร์อีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) พร้อมสนับสนุนเอสเอ็มอีไทยในการให้บริการส่งสินค้าระหว่างประเทศ มั่นใจตลาดออนไลน์และอีคอมเมิร์ซยังเติบโตได้อีกมาก

มร. เพียซ เอิง กรรมการบริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท นินจาแวน ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า นินจาแวนได้ร่วมกับดีพีดีกรุ๊ป มอบหมายให้จีเอฟเคเป็นผู้สำรวจข้อมูลการซื้อสินค้าออนไลน์ของผู้ใช้บริการในภูมิภาคอาเซียนจำนวน 6 ประเทศ ประกอบด้วย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม และไทย พบว่าตลาดช้อปปิ้งออนไลน์ในภูมิภาคนี้ยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผู้บริโภคให้ความเชื่อมั่นต่อการสั่งซื้อสินค้าจากเว็บไซต์จากต่างประเทศทั้งในเอเชียและข้ามทวีปมากขึ้น โดยกลุ่มตัวอย่างในประเทศเวียดนามมีถึง 74% ที่ใช้บริการสั่งสินค้าออนไลน์รองลงมาในสิงคโปร์ 67% ไทย 63% อินโดนีเซีย 62% มาเลเซีย 61% และฟิลิปปินส์ในอัตราที่น้อยที่สุด 48% ทั้งนี้ ส่วนใหญ่ยังให้ความนิยมสั่งซื้อสินค้าออนไลน์จากในภูมิภาคเอเชียโดยเฉพาะจากจีนมากกว่าการสั่งมาจากยุโรปและสหรัฐอเมริกา โดยการเติบโตดังกล่าวนับเป็นอนาคตที่ดีของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เนื่องจากปริมาณของพัสดุที่ถูกจัดส่งผ่านนินจาแวนมีความถี่การจัดส่งเพิ่มมากขึ้นถึง 2 ล้านชิ้นต่อวันใน 6 ประเทศที่ได้มีการเก็บข้อมูล

มร.เพียซกล่าวต่อไปว่า “นินจาแวนได้พัฒนาระบบโลจิสติกส์เพื่อการรองรับอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องนี้ครอบคลุมทั้งภูมิภาคอาเซียน โดยในสิงคโปร์ได้เพิ่มศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่พร้อมนำระบบคัดแยกพัสดุเมื่อเดือนตุลาคม 2021 และนำเครื่องชั่งน้ำหนักระบบที่ทันสมัยเพื่อประหยัดเวลาการคัดแยกพัสดุมาใช้ฟิลิปปินส์เมื่อเดือนเมษายน 2022 ส่วนในอินโดนีเซียได้พัฒนาระบบเรียกเก็บเงินที่เป็นธรรมและประหยัดเวลามาใช้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2021 ขณะที่ในประเทศอื่นเตรียมพัฒนาระบบสนับสนุนต่างๆ ตามมา”

แนวโน้มโอกาสการเติบของอีคอมเมิร์ซมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้บริการทางด้านโลจิสติกส์น่าจะเพิ่มขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการจัดการต้นทุนให้กับกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีไทยให้มีประสิทธิภาพ และสอดรับกับกระแสปรับเปลี่ยนสู่สังคมเศรษฐกิจแบบดิจิทัล ดังนั้น นินจาแวนกรุ๊ป พร้อมที่จะสนับสนุนกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีไทยที่จะมีโอกาสเติบโตจากช่องว่างของธุรกิจอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคอาเซียนทั้งใน 6 ประเทศที่ได้สำรวจและโอกาสขยายการเติบโตไปถึงระดับเอเชีย ทั้งจากต้นทางถึงปลายทาง ที่เราพร้อมรองรับทั้งสินค้าหรือวัตถุดิบชิ้นเล็กสู่การขนส่งวัตถุดิบ สินค้าหรือเครื่องจักรอุปกรณ์ขนาดใหญ่ เพื่อสร้างรองรับอย่างครบวงจร ทั้งผู้ผลิต ผู้จำหน่าย และจัดส่งถึงมือลูกค้าได้อย่างมั่นใจ

สำหรับการเข้ามาเติมเต็มและต่อยอดให้กับกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีไทย มร. เพียซกล่าวว่า นินจาแวนได้ออกแบบและพัฒนาระบบโลจิสติกส์ในหลายมิติประกอบด้วย

  • การพัฒนาระบบคลังสินค้า พร้อมรองรับการจัดส่งเข้ามาจากซัพพลายเออร์ เพื่อพร้อมส่งต่อไปยังผู้ผลิตเพื่อให้สายพานการผลิตเดินหน้าอย่างต่อเนื่องไม่สะดุด
  • การคัดแยกและรนำส่ง โดยระบบสามารถเลือกคำสั่งซื้อเพื่อประมวลผลแล้วนำสินค้าจากคลังสินค้าจัดส่งได้ตามลำดับความเร่งด่วนได้อย่างแม่นยำ
  • เลือกบรรจุภัณฑ์ได้อย่างเหมาะสม ระบบสามารถส่งคำสั่งการเลือกบรรจุภัณฑ์ได้ตรงประเภทสินค้า หากมีความเสี่ยงแตกหักก็จะเน้นการห่อหุ้มสองชั้นป้องกันการกระแทก
  • การส่งมอบสินค้าถึงมือผู้รับได้ตรงตามเวลา ต่อเนื่องในทุกขั้นตอนแม้จะเป็นการส่งของข้ามประเทศ เพื่อให้ถึงมือผู้รับได้ตรงตามเวลา

มร. เพียซกล่าวในตอนท้ายว่า “เราเชื่อมั่นว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซจะเป็นโอกาสสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจของเอสเอ็มอีไทย และนินจาแวนเองก็พร้อมและภูมิใจที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่ธุรกิจและร่วมกับพันธมิตรทางด้านการขนส่งข้ามพรมแดนแบบไร้รอยต่อให้กับธุรกิจออนไลน์ เพื่อทำให้เอสเอ็มอีไทยได้เติบโตต่อยอดได้ในตลาดที่ใหญ่ขึ้นในระดับภูมิภาคต่อไป”