KKP Research เตือน 4 ความเสี่ยงเศรษฐกิจไทยหลังจากนี้ หลังโลกเปลี่ยนไป

ภาพจาก Shutterstock

มุมมองเศรษฐกิจไทยโดย KKP Research นั้นมองว่าไทยกำลังพบกับความเสี่ยงของเศรษฐกิจทั้งระยะสั้น 4 ประเด็น ขณะเดียวกันในระยะยาวไทยก็พบกับปัญหาด้วยเช่นกัน ซึ่งทางออกสำคัญของเศรษฐกิจไทยหลังจากนี้คือจะต้องปรับโครงสร้างเศรษฐกิจครั้งใหญ่

พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ KKP Research บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์แวดล้อมด้านเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา เปลี่ยนไปอย่างมาก จนอาจเปรียบเทียบได้กับการเข้าไปในอีกจักรวาลคู่ขนาน ซึ่งประกอบไปด้วย

  • กระแสโลกาภิวัตน์ที่กำลังเปลี่ยนไป เนื่องจากปัจจุบันเราจะเห็นว่าหลายประเทศเริ่มนำภาคการผลิต กลับมาผลิตที่ประเทศนั้นๆ หรือใกล้ประเทศตัวเองมากที่สุด แตกต่างกับในอดีตที่การผลิตนั้นประเทศแต่ละแห่งจะผลิตสินค้าที่ดีที่สุด แต่ใช้กลไกลการค้าระหว่างประเทศ
  • ปัญหาของเงินเฟ้อ ราคาสินค้าและพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างมาก หลายคนได้รับผลกระทบ จากเดิมที่เราอยู่ในโลกอัตราดอกเบี้ยต่ำ ของมีราคาถูกมาโดยตลอด
  • ปัจจุบันโลกมีความขัดแย้งมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นประเด็นรัสเซียบุกยูเครน หรือแม้แต่แนนซี่ เปโลซี่ไปเยือนไต้หวัน ที่อาจเพิ่มความขัดแย้งมากขึ้น

หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ของ KKP Research มองว่าปัจจัยข้างต้นนั้นนับเป็นความท้าทายของเศรษฐกิจโลกและไทยทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

เขายังกล่าวว่าเศรษฐกิจไทยกำลังพบความเสี่ยงของเศรษฐกิจระยะสั้นใน 4 ประเด็น ไม่ว่าจะเป็น

  1. เงินเฟ้อ โดย KKP Research มองว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจได้รับผลกระทบมากขึ้น เนื่องจากค่าใช้จ่ายในครัวเรือนเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันภาคธุรกิจก็ได้รับผลกระทบคืออัตราส่วนกำไรที่ลดลง เพราะส่งผ่านต้นทุนให้กับผู้บริโภคไม่ได้
  2. อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มมากขึ้น จากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย เนื่องจากต้องการลดผลกระทบของเงินเฟ้อ
  3. เศรษฐกิจประเทศพัฒนาแล้วอาจเข้าสู่สภาวะชะลอตัว ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐอเมริกาที่เจอปัญหาเงินเฟ้อ จีนเจอปัญหาเศรษฐกิจจากผลของการล็อกดาวน์ ยุโรปเจอปัญหาพลังงาน ญี่ปุ่นก็ยังฟื้นไม่ดี ถ้าหาก 4 ประเทศเจอปัญหา ไทยอาจส่งออกไม่ได้
  4. ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลทำให้ราคาพลังงานหรือปุ๋ยมีราคาสูงขึ้น

แต่ปัญหาสำคัญที่ พิพัฒน์ มองนั้นคือเรื่องปัญหาระยะยาว เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังเผชิญความท้าทายเชิงโครงสร้างหลายประการ ที่ทำให้เศรษฐกิจไทยโตช้าลงและมีความเสี่ยงที่จะมีความสามารถในการแข่งขันลดลง ในขณะที่ปัจจัยแวดล้อม เช่น พัฒนาด้านเทคโนโลยี กำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

เขามองว่า ทางออกสำคัญของเศรษฐกิจไทยในโลกยุคใหม่หลังจากนี้คือ การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งรวมไปถึงการสนับสนุนการลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา การยกระดับคุณภาพการศึกษาและทักษะแรงงาน การเปิดเสรีแรงงานและบริการ การลดการผูกขาด ตลอดจนการเพิ่มคุณภาพสถาบันเศรษฐกิจและการเมือง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำด้านโอกาส 

สำหรับปีนี้ KKP Research ประเมินว่าเศรษฐกิจของไทยค่อยๆ ฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำ และคาดว่า GDP จะเติบโตได้ 3.3% จากการฟื้นตัวของการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศที่เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ การขยายตัวของการส่งออกที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก การท่องเที่ยวที่กลับมามากกว่าที่คาด และรายได้ภาคเกษตรที่ปรับตัวดีขึ้นตามราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น