ไลฟ์สไตล์ของชาวญี่ปุ่นกำลังเข้มข้นยิ่งขึ้นในการใช้ชีวิตอย่างประหยัดพลังงานที่สุดเท่าที่จะทำได้ นี่คือผลหลังแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิถล่มบริเวณเกาะฮอนชู ญี่ปุ่นเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จนเกิดโศกนาฏกรรมกับชีวิตผู้คนสูญหายกว่า 15,000 คน จากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิม่าระเบิด ทำให้ญี่ปุ่นขาดแคลนพลังงาน
แม้ชาวญี่ปุ่นได้ชื่อว่าเป็นผู้มีวินัยจาการใช้พลังงานอยู่แล้ว อย่างเช่น ถ้าหม้อชาบูชาบูเดือด อาหารที่ลวกจิ้มหมดแล้ว ชาวญี่ปุ่นจะไม่นั่งเมาท์จนเพลิน แต่จะปิดสวิตช์เองทันที รถยนต์ก็เน้นใช้รถขนาดเล็กเพื่อประหยัดน้ำมัน ถ้าใช้จักรยานได้ก็ใช้ แต่เมื่อโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิด จึงทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นขอให้ร่วมกันประหยัดพลังงานอย่างน้อย 15% ในช่วงหน้าร้อนเดือนกรกฎาคม-กันยายนนี้ โดยเฉพาะการใช้พัดลมแทนแอร์ จนทำให้พัดลมขายดีเป็นเทน้ำเทท่า อย่างเช่นร้านค้าของบริษัท บิ๊ก คาเมรา ทำยอดขายแอร์รุ่นใหม่ที่ประหยัดพลังงานกว่าเดิม 10-20% ได้เพิ่ม 30% แต่พัดลมขายได้มากกว่าถึง 4-5 เท่าจากปีที่แล้ว โดยรุ่นที่ขายดีสุดคือ Sient ของโตชิบา ทำให้โตชิบามียอดขายรวมสินค้าพัดลมเพิ่มขึ้นถึง 80%
Sient มาด้วยจุดเด่น 7 ประการที่โตชิบาโปรโมตไว้ คือ 1.ดีไซน์สวยที่สามารถวางในห้องรับแขกได้ลงตัว 2.เทคโนโลยี 3.ใช้งานง่าย 4. มี 7 ใบพัด 5.ลมเย็นสดชื่น 6.ลมสะพัดหลายทิศทาง และ 7.ปลอดภัย
นอกจากนี้ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าก็เริ่มทำตลาดสินค้าประหยัดไฟมากขึ้น เช่น กรณีล่าสุดทีวี มีโตชิบา เปิดตัวรุ่นใหม่ที่สามารถประหยัดไฟได้ 18% โดยผู้บริโภคเลือกโหมด ลดความสว่างจอ และมีแบตเตอรี่ใช้ได้นาน 3 ชั่วโมง ซึ่งทีวีรุ่นนี้ไม่ได้เป็นนวัตกรรมใหม่ เพราะโตชิบาส่งไปทำตลาดในประเทศที่การใช้ไฟฟ้าไม่เสถียรมาแล้ว อย่างอินเดีย และอินโดนีเซีย แต่เมื่อชาวญี่ปุ่นเริ่มประหยัดพลังงานมากขึ้น รุ่นนี้จึงควรกลับมาทำตลาดในประเทศ นอกจากนี้ยังมีชาร์ป ที่เปิดตัวแอลซีดีรุ่นใหม่ ด้วยหลักประหยัดพลังงานเดียวกันคือลดความสว่างของจอ ประหยัดไฟ 15%
กรณีนี้เมื่อมองญี่ปุ่นแล้วย้อนมองดูประเทศไทย ก็ได้แต่เพียงบอกว่า ประหยัดไฟตั้งแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่สว่างไสวในวันหน้ากันดีกว่า