(Photo by Sarah Silbiger/Getty Images)
หลายคนรู้แล้วว่า Nancy Pelosi หรือ “แนนซี เปโลซี” มีอาชีพบนเส้นทางการเมืองที่ ยาวนาน และชีวิตของผู้หญิงวัย 82 ปีที่นั่งเก้าอี้ประธานสภาผู้ แทนราษฎรสหรัฐฯ คนนี้ก็เต็มไปด้ วยเหตุการณ์สำคัญหลังจากได้รั บเลือกเข้าสู่สภาครั้งแรกในปี 1987 แต่ที่บางคนยังไม่รู้ คือ อิทธิพลของเปโลซีที่ฝังแน่ นในแผ่นดินลุงแซมนั้นไม่ได้อยู่ ที่การมาจากครอบครัวนักการเมื องคนสำคัญ แต่มาจากส่วนผสมหลากสิ่งที่ ทำให้ผู้หญิงสูงวัยคนนี้มีรู ปแบบการบริหารอำนาจที่ไม่ธรรมดา
อำนาจของเปโลซีถูกจับตามองเป็ นพิเศษเพราะการเดินทางเยือนไต้ หวันในช่วงค่ำวันอังคาร 2 ส.ค. 2022 โปรแกรมเยือนที่วางจุดประสงค์ เพื่อแสดงออกถึง “พันธสัญญาอันคงเดิมของอเมริกา” ที่มีต่อเกาะปกครองตนเองซึ่งจี นเคลมว่าเป็นส่วนหนึ่งของดิ นแดนมังกร ผู้ที่เดินทางไปเยือนไม่ใช่ ประธานาธิบดีหรือรองประธานาธิ บดีแห่งสหรัฐอเมริกา แต่เป็นนักการเมืองหญิงที่ทรงอิ ทธิพลที่สุดของสหรัฐฯ นั่นคือแนนซี เปโลซี
(Photo by Chien Chih-Hung/Office of The President via Getty Images)
ไฮไลต์ชีวิต แนนซี เปโลซี
อิทธิพลของเปโลซีที่เห็นชั ดจากภายนอกคือการเป็นหนึ่งในนั กการเมืองที่ทรงอิทธิพลที่สุ ดในสหรัฐอเมริกา เธอได้รับเลือกให้เป็ นประธานสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ งเป็นสมัยที่ 4 ในปี 2022 ถือเป็นผู้หญิงคนแรกในประวัติ ศาสตร์สหรัฐฯ ที่เป็นผู้นำสภาผู้แทนราษฎร ทั้งหมดนี้ทำให้ไม่น่าสงสัยเมื่ อเปโลซีได้รับการเสนอชื่อให้เป็ นหนึ่งในผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลที่ สุดจากนิตยสาร Forbes ในปี 2021
ก่อนจะมาเป็นนางเปโลซี ลูกสาวคนสุดท้องในจำนวนพี่น้อง 7 คนนั้น เติบโตในเมืองบัลติมอร์ รัฐแมริแลนด์ ซึ่งพ่อของเธอรับหน้าที่เป็ นนายกเทศมนตรี จนกระทั่งไปเรียนที่วิทยาลั ยในวอชิงตัน จึงได้พบกับนักการเงิน “พอล เปโลซี” (Paul Pelosi) ทั้งคู่แต่งงานกันและตัดสินใจย้ ายไปสร้างครอบครัวที่ซานฟรานซิ สโก โดยที่นางเปโลซีรับหน้าที่เป็ นแม่บ้าน ทั้งคู่มีลูก 5 คน เป็นลูกสาว 4 คนและลูกชาย 1 คน
แนนซี่ เปโลซี เริ่มอาชีพทางการเมืองของตั วเองในปี 1976 โดยก้าวเข้าสู่ ชายคาพรรคเดโมแครตที่แคลิฟอร์ เนีย และได้รับเลือกตั้งในเข้าสู่ สภาด้วยวัย 47 ปี ในฐานะผู้แทนของเขตซานฟรานซิสโก จนอีก 20 ปีต่อมา เธอก็ได้ก้าวสู่ตำแหน่ งประธานสภาในวัย 67 ปี ถือเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รั บตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้
(Photo by Win McNamee/Getty Images)
หนึ่งในภาพการทำงานที่โดดเด่ นของเปโลซี คือการทำหน้าที่เป็นฝ่ายตรงข้ ามตัวหลักเรื่องการรุกรานอิรั กของสหรัฐฯในปี 2546 โดยเรียกการรุกรานครั้งนั้นว่า “grotesque mistake” เพราะเป็นการตัดสินใจสุดผิ ดพลาดที่ไม่ได้ทำให้อเมริกามั่ นคงขึ้นเลย นอกจากนี้ เปโลซี่ยังมีโมเมนต์ที่ทำให้มี ภาพแพร่กระจายเป็นมีมที่ได้รั บความนิยมบนอินเทอร์เน็ต นั่นคือช่วงเวลาที่เปโลซี่ปรบมื ออย่างแดกดันหลังจากอดี ตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวสุนทรพจน์จบเมื่อปี 2018 ขณะเดียวกัน เปโลซี่ยังมีชื่อเสี ยงในการตอกหน้าทรัมป์ต่อหน้ากล้ องโทรทัศน์ในอีก 1 ปีต่อมา
ล่าสุด เปโลซีออกมาปกป้องการเยือนไต้ หวันของเธอด้วยการแสดงความคิ ดเห็นใน The Washington Post โดยเปโลซีเรียกร้องให้ชาวอเมริ กันจดจำความมุ่งมั่นระดับชาติ ในการสนับสนุนประชาธิปไตยในไต้ หวัน และพื้นที่อื่นทั่วโลก แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ เปโลซีท้าทายรัฐบาลจีน เพราะกว่า 30 ปีที่แล้ว เปโลซีเคยปรากฏตัวขึ้นที่จัตุรั สเทียนอันเหมิน และกางป้ายให้เกียรติผู้ไม่เห็ นด้วยที่ถูกสังหารในการประท้ วงปี 1989 ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์
5 ส่วนผสมเพิ่มอิมแพคอิทธิพล
ตั้งแต่สงครามในอิรัก ไปจนถึงการมีบทบาทสำคัญในการต่ อสู้วิกฤตเศรษฐกิจปี 2008 หรือการจับมือบารัค โอบามาระหว่างร่ างกฎหมายตามนโยบายโอบามาแคร์ (Obamacare) และการเป็นฝ่ายต่อต้านโดนัลด์ ทรัมป์ออย่างจริงจัง ทุกอย่างสะท้อนว่าเปโลซีมีส่ วนผสมในการปรุงอิทธิพลของตั วเองไม่น้อยกว่า 5 ส่วน
ส่วนแรกคือ มรดกทางการเมือง เพราะแม้ว่าเปโลซีมักจะยืนยันว่ าเธอไม่เคยตั้งใจจะลงสมัครรั บเลือกตั้ง แต่ชัดเจนว่าเปโลซีมาจากครอบครั วที่มีฐานเสียงที่สำคัญ พ่อของเธอคือ โธมัส ดาเลซานโดร จูเนียร์ (Thomas D’Alesandro Jr) นั้นดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมื องบัลติมอร์และเป็นตัวแทนของเมื องนี้เป็นเวลา 5 วาระในสภาคองเกรส นอกจากนี้ โธมัส ดาเลซานโดรที่ 3 น้องชายของเธอยังดำรงตำแหน่ งนายกเทศมนตรีเมืองบัลติมอร์ด้ วย
Photo : Shutterstock
โดยเปโลซีก็เคยเข้าร่ วมในแคมเปญของพ่อมาก่อน
เดวิด อาเซลร็อด (David Azelrod) อดีตหัวหน้านักยุทธศาสตร์ ของแคมเปญโอบามา เคยถามเปโลซีเกี่ยวกับสิ่งที่ เธอได้เรียนรู้จากคุณพ่อ เธอตอบว่าได้เรียนรู้ “วิธีการนับคะแนน” เพราะได้รับการฝึกในระดับสูงเกี่ ยวกับวิธีการนับคะแนนเสียงโหวต วิธีการลงคะแนน และวิธีสร้างผลงานให้เป็นรู ปธรรม
ส่วนที่ 2 คือการเป็นผู้หญิงในหมู่ผู้ชาย เรื่องนี้ต้องย้อนไปเมื่อเปโลซี ได้รับเลือกเข้าสู่สภาครั้ งแรกในปี 2530 มีผู้แทนสตรีเพียง 23 คนในสภาที่มีสมาชิก 435 คน ในเดือนมกราคม 2550 เปโลซีกลายเป็นผู้หญิ งคนแรกของสภา ซึ่งเวลานั้นเธอกล่าวว่า “ดิฉันรอสิ่งนี้มากว่า 200 ปี” กลายเป็นวลีมีชื่อเสียงที่ทำให้ เธอได้คะแนนความนิยมท่วมท้น
ส่วนที่ 3 คือการร่วมผลักดันโครงการที่ ประชาชนประโยชน์ นั่นคือการจับมือกับโอบามาเพื่ อให้สามารถดำเนินโครงการดูแลสุ ขภาพระดับชาติที่ครอบคลุมและเข้ าถึงได้ในราคาไม่แพงหรือที่รู้ จักในชื่อโอบามาแคร์ นักยุทธศาสตร์ทำเนียบขาว รวมทั้งโอบามาต้องพยายามจูง ส.ส. ทั้ง 2 พรรคให้ร่วมผ่านร่างกฎหมาย เนื่องจากต้องเผชิญกับการคัดค้ านจากบุคคลภายในพรรคการเมื องจำนวนมาก จุดนี้มีลักษณะคล้ายกับส่วนที่ 4 นั่นคือการตัดสินใจออกแรงอุ้ มเพื่อไม่ให้เกิดวิกฤตการณ์ ทางการเงินที่หนักขึ้นอีกในปี 2551
เมื่อปี 2551 นั้นมีภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก มุมมองส่วนใหญ่ ในพรรคเดโมแครตไม่เห็นด้วยกั บการช่วยเหลือหรืออุ้มชูผู้มีส่ วนเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ เนื่องจากรัฐบาลบุชกำลั งจะหมดวาระในเวลาอีกเพียง 2 เดือนถัดมา เวลานั้นมีข่าวว่าแทนที่จะช่ วยรัฐบาลและสังคมอเมริกันด้ วยเงินช่วยเหลือเพื่อกอบกู้ เศรษฐกิจ พรรคเดโมแครตนั้นลังเลว่าควรปล่ อยให้เศรษฐกิจพังทลายและตำหนิทุ กอย่างว่าเป็นผลจากการบริ หารของบุช แต่เปโลซีไม่เห็นด้วย และโทรต่อสายหารัฐมนตรีคลังสหรั ฐฯ เพื่อให้ความร่วมมืออย่างทันท่ วงทีก่อนที่จะเกิ ดหายนะทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในบ้ านเกิด
เปโลซีให้ความเห็นว่าการตัดสิ นใจนี้เกิดขึ้นเพราะมุมมองว่านี่ เป็นความรับผิดชอบของสภา ที่ควรจะช่วยหลีกเลี่ยงทุ กหายนะที่อาจเกิดขึ้น สำหรับวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น แม้จะเป็นประเด็นที่ปักหลั กในวอลล์สตรีท แต่เธอเชื่อว่าวิกฤตนี้มี โอกาสจะลุกลามไปสู่ทุกเมื องในสหรัฐอเมริกาด้วย
ส่วนสุดท้ายคือการวางโจทย์หลั กอันดับ 1 ไว้ที่การให้ความสำคัญกับเยาวชน เรื่องนี้เปโลซีบอกว่าเด็กน้ อยทุกคนจะเป็นลูกหลานของชาติ และสำหรับลูกๆ ทุกคนในอเมริกา บ้านจะต้องเป็นไปตามระเบียบ โดยเปโลซีได้สาบานตนกับกลุ่ มเยาวชนคนอื่นๆ ที่ยืนข้างประธานสภาผู้ แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกาในปี 2019 ด้วย
Nancy Pelosi จึงเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่มี อำนาจมากที่สุดในการเมืองสหรั ฐฯ ด้วยประการฉะนี้
ที่มา Indiatoday , Livemint , Ndtv
Related